More
    Home Blog Page 1075

    10 อุปกรณ์สำคัญในการ ตั้งแคมป์ กางเต็นท์ ให้สะดวกสบายมากขึ้น

    จะออกไป กางเต็นท์ ตั้งแคมป์ ให้สะดวกราบรื่น ต้องเตรียม 10 อุปกรณ์สำคัญอะไรบ้าง

    กางเต็นท์

    กางเต็นท์ ตั้งแคมป์ กำลังเป็นที่นิยมมากๆในบรรดาเหล่านักเดินทาง ซึ่งสมัยนี้ก็จะมีเป็นลานกางเต็นท์แบบที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบ เช่น มีห้องน้ำ มีจุดล้างอุปกรณ์ มีร้านขายของชำ สามารถขับรถไปจอดแล้วกางเต็นท์ได้เลย กับแบบที่ต้องเดินป่าขึ้นเขาไป เพื่อไปกางเต็นท์แบบจริงจัง ที่ไม่ค่อยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก เพราะฉะนั้น หากเราจะต้องไปตั้งแคมป์กางเต็นท์กันจริงๆ ล่ะก็ จะต้องมีอุปกรณ์ที่ต้องมี เพื่อให้การกางเต็นท์ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น

    1. เต็นท์นอน
    กางเต็นท์
    Picture: Pinterest

    การเลือกเต็นท์นอนนั้นไม่ได้ตายตัวเสมอไป จากการบอกเล่าของผู้มีประสบการณ์ การเลือกซื้อเต็นท์ หากไป 2 คน อาจจะเลือกใช้เต็นท์ไซส์ 3 คน เผื่อพื้นที่ในการวางของ กระเป๋า สัมภาระต่างๆ เพราะหากวางกระเป๋าไว้นอกเต็นท์ อาจเกินการสูญหาย หรืออาจจะมีอะไรเข้าไปแบบอยู่ในกระเป๋าของเราโดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้ค่ะ

    2. เป้

    การเลือกเป้ก็ถือว่าสำคัญนะคะ เราเลือกใช้เป้ที่พอดีกับอุปกรณ์ที่เราจะต้องเตรียมไป ถ้าเป้ใบเล็ก แล้วเราใส่ของมากเกินไป เป้อาจจะขาดได้ ทีนี้แหละเราจะลำบากมากขึ้นเป็นสองเท่าตัว ฉะนั้นควรเลือกเป้ให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่เราจะเตรียมไปดีที่สุดค่ะ

    3. ถุงนอน

    ตั้งแคมป์

    การพกถุงนอน มันค่อนข้างง่าย และสะดวกกว่าการ หอบที่นอนพับ พร้อมหมอน พร้อมผ้าห่มกว่ามาก หากเราพกเพียงถุงนอนก็ลดการแบกของเยอะๆ ลงได้อีกมากค่ะ พับเก็บก็ง่าย แถมน้ำหนักเบาด้วยค่ะ แนะนำเลือกถุงนอนดีๆ ไปเลย เพราะการนอนหลับพักผ่อนคือสิ่งสำคัญ

    4. ตะเกียง ไฟฉาย

    ขาดไม่ได้เลยจริงๆ สำหรับการเดินป่า กางเต็นท์ เพราะเวลาที่เราอยู่ในป่า หรือจุดกางเต็นท์ ที่ถ้ามีคนน้อยๆ แล้วมันจะมืด และวังเวงพอสมควร อย่างน้อยเรามีแสงสว่างตรงเต็นท์หนึ่ง สำหรับพกติดตัวอีกหนึ่ง หรืออาจจะมีไฟฉายอันเล็กสำรองไปอีกสักอันก็ดีนะคะ เผื่อกรณีฉุกเฉินเนอะ

    5. ชุดปฐมพยาบาล

    อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ การเดินป่า เราจะเจอทั้งสภาพอากาศที่แตกต่างกันออกไป ความชื้น ฝน อากาศที่หนาวเย็น ก็ทำให้เราป่วยได้ หรือแม้แต่แมลง สัตว์ กัดต่อย บางครั้งก็ควรได้รับการปฐมพยาบาล และสิ่งที่ควรเตรียมในชุดปฐมพยาบาล เช่น ยาใส่แผล แอลกอฮอล์ล้างแผล ผ้าพันแผล ยาดม ยาหม่อง ยาแก้ปวด เป็นต้น เราอาจจะซื้อพวกขวดแบ่งมาเติมพกไป จะได้ไม่ต้องแบกขวดใหญ่ๆ ไปหมดเนอะ

    6. เชือก
    ตั้งแคมป์
    Picture: Pinterest

    เชือกนี้พกไว้กรณีฉุกเฉินค่ะ เวลาเราไปเดินป่า กางเต็นท์บางทีก็ต้องเจอฝนบ้าง ลำธารบ้าง การมีเชือกเส้นยาว และแข็งแรงจะช่วยให้เรามัดยกสิ่งของ เคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆ หรือผูกต้นไม้เพื่อข้ามลำธารได้ ในกลุ่มอาจจะมีติดไปสักคนก็ดีค่ะ เพื่อช่วยให้การ กางเต็นท์ เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

    7. มีดพก

    มีดพกที่พกไปไม่ต้องใหญ่มาก แต่ก็ไม่ควรเล็กมากเกินไป เอาที่สามารถพอจะตัดกิ่งไม้ ใช้ทำอาหารได้ค่ะ ข้อควรระวังคือ ควรเลือกมีดพกที่มีปลอกเก็บที่ปลอดภัยค่ะ ของมีคมไม่ควรประหมาดนะคะ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้

    8. อุปกรณ์จุดไฟ

    นี่ก็ถือว่าจำเป็น กรณีทำอาหาร ก่อไฟต่างๆ ต้องมีไฟแช็ค หรือไม้ขีดไฟค่ะ เล็ก เบา พกพาสะดวก แล้วลองหาหัวเชื้อไฟไปด้วยสักนิด ถ้าเราเป็นคนที่ก่อไฟไม่เก่ง เพราะไม่ได้เรียนลูกเสือมา 555+ เช่น เศษยาง ไม้ที่เป็นเชื้อไฟติดง่าย จะช่วยให้เราจุดไฟได้ง่ายขึ้นค่ะ แต่ถ้าใครพกไม้ขีดไฟต้องระวังเรื่องเปียกน้ำไว้ด้วยนะคะ เพราะถ้าเปียกมาจะใช้จุดไฟลำบาก

    9. น้ำดื่ม และอาหาร

    น้ำดื่มเป็นสิ่งที่จำเป็นควรพกไปเองค่ะ ถ้าจุดนั้นไม่มีน้ำดื่มขาย เราควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจากแหล่งธรรมชาติ มันค่อนข้างเสี่ยง ทั้งสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยที่เรามองไม่เห็น หรือแม้แต่ความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำก็เสี่ยงทำให้เกิดอันตรายได้

    10. เข็มทิศ

    ถ้าใครต้องเดินป่าจริงจัง จะบอกว่าเข็มทิศก็เป็นเรื่องจำเป็นอยู่เหมือนกัน เวลาที่เราเข้าไปในป่า บางทีสัญญาณต่างๆ  อาจใช้งานไม่ได้ เราอาจจะหลงทาง ก็เป็นได้ แต่การพกเข็มทิศก็อย่าลืมศึกษาเรื่องการดูเข็มทิศด้วยนะคะ พกไปแต่ดูไม่เป็น ก็ไม่ต่างอะไรกับการไม่มีเข็มทิศ

    ทั้งหมดนี้เป้นเพียงอุปกรณ์เบื้องต้นที่จำเป็นในการ ออกไปผจญภัย ตั้งแคมป์ กางเต็นท์ เดินป่าค่ะ แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ก่อนที่เราจะไปที่ไหน เราต้องทำการบ้านให้มากพอ ว่าจุดที่เราไปมี หรือไม่มีอะไร ไปกี่วัน ต้องพกสิ่งของที่จำเป็นไปมากน้อยขนาดไหน เพราะถึงเวลาจริงแล้ว เราจะได้ไม่พลาด และเดินป่า กางเต็นท์ได้อย่างสบายใจค่ะ แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ค่ะ ค่อยๆ สะสม ถ้าเราชอบ และมีใจรักจริงๆ สักวันเราอาจกลายเป็นนักเดินป่า ขึ้นเขา กางเต็นท์ที่ชำนาญ และรู้ว่าควรพกอะไรบ้าง สำหรับทริปถัดไป ขอให้ทุกคนสนุกกับการตั้งแคมป์ กางเต็นท์อย่างปลอดภัยนะคะ

     

    สายลุย ต้องห้ามพลาด จุดกางเต็นท์สุดคูลล์ คลิกเลย

    น้ำนมจากพืช เลือกใหม่สำหรับคนใส่ใจสุขภาพ

    เครื่องดื่มจากพืชสามารถพัฒนาเป็นน้ำนมพืช เป็นทางเลือกทดแทนน้ำนมจากสัตว์มากขึ้น เมื่อก่อนเรื่องแบบนี้เป็นที่สนใจเฉพาะกลุ่มผู้แพ้นมวัว แต่ตอนนี้กระแสความนิยมกลายเป็นน้ำนมพืชทางเลือกที่เป็นที่นิยม เพราะเรื่องคุณประโยชน์ด้านสุขภาพ ทำให้เป็นทางเลือกที่คนหันมาสนใจมากขึ้น

    น้ำนมจากพืช
    Picture: proveg.com

    น้ำนมจากพืช หรือ Plant Milk ที่มีจำหน่ายในตลาด สมัยก่อนถ้าให้นึกคำตอบแรกก็คือ นมถั่วเหลือง หรือ น้ำเต้าหู้ ที่มีขายแบบสดเกือบทุกหัวถนนในบ้านเรา กับที่ทำเป็นยูเอชทีก็มีให้เลือกหลายยี่ห้อ แต่เดี๋ยวนี้ชั้นในห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อทุกแห่ง อย่างน้อยก็ต้องมีนมอัลมอนด์ เข้ามาเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีนมจากข้าว แต่เอาเข้าจริงแล้วมีพืชสารพัดชนิดที่สามารถนำมาทำเป็นนมได้

    น้ำนมจากพืช
    Picture: proveg.com

    ถ้าลองส่องดูในตลาดไทย รวมไปถึงตลาดโลก ก็จะเห็นน้ำนม ที่มาจากพืชเหล่านี้ ทั้ง นมข้าวโอ๊ต นมมะม่วงหิมพานต์ นมมะพร้าว (คนละอารมณ์กับกะทิแกง ต้องแยกกันหน่อย) นมกัญชง (ก็ยังมี) นม(สารพัด)ถั่ว เช่น อัลมอนด์ที่คุ้นเคยกันแล้ว พิสตาชิโอ นมจากข้าว นมจากเมล็ดเจีย ฯลฯ พอแค่นี้ก่อน เชื่อว่าหลายคนคงยังชิมไม่หมด แค่อยากให้เห็นเทรนด์ความนิยมของนมจากพืชว่า มีมากจริงๆ

    น้ำนม
    Picture: shondaland.com

    การบริโภคนมจากพืช นอกจากกินเหมือนน้ำนม ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ใช้น้ำนมจากพืชผสมทั้งในเครื่องดื่มและอาหารทั้งคาวและหวาน เช่น บาริสต้า ที่พยายามหาส่วนผสมใหม่ ๆ สำหรับกาแฟ เหตุผลก็เรื่องสุขภาพล้วน ๆ เพราะส่วนใหญ่นมจากพืช มักจะมีแคลอรี่ และไขมันปริมาณต่ำกว่านมจากสัตว์ แต่มีรสชาติเข้มข้นไม่แพ้กัน แถมยังให้กลุ่มมังสวิรัติดื่มได้อย่างสบายใจและมีตัวเลือกมากกว่านมถั่วเหลืองที่ทานประจำมานานด้วย

    อ่านบทความอื่น ๆ

    สมุนไพรใกล้ตัว ต้านหวัด สร้างภูมิคุ้มกัน

    อยากกิน หม่าล่า ไม่ต้องไปไกลถึงเชียงใหม่แล้ว อยู่แค่เลียบด่วนนี่เอง

    หม่าล่าเป็นที่นิยมของวัยรุ่นมากช่วงนี้ มันทั้งเผ็ดทั้งชา เพราะคำว่า หม่า แปลว่า ชา ล่า แปลว่า เผ็ด นั่นเอง ได้รับอิทธิพลมาจากชาวจีน ที่ทำเครื่องปรุง เครื่องเทศ และ น้ำมัน 

    เมล็ดฮวาเจียว

    เราเคยไปกินที่เชียงใหม่แล้วติดใจ ยิ่งอากาศหนาว ๆ ด้วยแล้ว เหงื่อออกมันเลยทีเดียว ด้วยน้ำซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวข้น บวกกับพริก และน้ำมัน รวมถึงเมล็ดฮวาเจียว หรือเมล็ดหม่าล่านั้นเอง กัดลงไปทีลิ้น ปาก นี่ชากันไปเลย เราสั่งอาหารไม่กี่อย่าง แต่ละอย่างก็ให้มาอยู่เยอะนะ

    เนื้อวากิว

    ไส้อ่อน และ เซี่ยงจี้

    เกี๊ยวหมู กับ สันคอหมูสไลด์

    ไส้เป็ด

    น้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้าน

    ส่วนน้ำจิ้มก็มีให้เติมไม่อั้นนะ มีสูตรของทางร้านเองด้วย ที่เคี่ยวถั่วเข็มข้นมาก โรยด้วยพริก ต้นหอม ผักชี อีกสักหน่อย และ น้ำจิ้มสุกี้ก็มีนะ เข้มข้นมากเหมือนกัน

    เครื่องดื่ม

    น้ำที่นี่เชื่อได้เลยว่ามาจากจีน เพราะมี น้ำชาฝักเขียว และ ชาเก็กฮวย หรือ อยากดื่มชาจีนกระป๋องก็มี แบบว่ามาจากซัวเถาแท้ ๆ

    อุปกรณ์การลวก

    ของที่ใช้ในการลวกที่ร้านนี้ เรียกได้ว่าสะอาด เลยทีเดียว รวมถึงสถานที่ด้วย โปร่ง โล่ง สะอาด

    หน้าร้าน หนึ่งหม่าล่า

    ร้านนี้ตั้งอยู่ถนนเลียบด่วน เข้ามาในซอย โยธินพัฒนา แค่ 50 เมตรเอง อยู่ด้านซ้ายมือ เห็นได้ชัดเจน

    พิกัด: หนึ่งหม่าล่า

    ดูร้านอาหารเพิ่มเติม คลิกเลย

    Z1mplex Mixology Laboratory ค๊อกเทลบาร์ ของคนชอบทดลอง

    Z1mplex Mixology Laboratory ค๊อกเทลบาร์ ของคนชอบทดลอง

    Z1mplex Mixology Laboratory

    หลายคนอาจจะเคยเจอ การทดลองแนววิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ ข้าวของเครื่องใช้ที่มีให้เห็นมากมาย แต่ตอนนี้เค้ามีแนววิทยาศาสตร์ทดลองรูปแบบใหม่ ที่มาในรูปแบบของค๊อกเทล ซึ่งบางคนอาจจะคุ้นชื่อกันมาบ้างแล้ว กับ Z1mplex Mixology Laboratory ค๊อกเทลบาร์ ของคนชอบทดลอง เก๋กรุบมาก

    Z1mplex Mixology Laboratory

    เมนูค๊อกเทลที่นี่ เรารับประกันได้ว่าแปลก และไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน ซึ่งทางร้านได้สร้างสรรค์ และจินตนาการลงบนแก้วช็อต เติมแต่งลวดลายของค๊อกเทลให้ออกมาในรูปแบบต่างๆหลากหลายเมนู เหมือนการทดลองวิทยาศาสตร์ ที่ผสมผสานกับงานศิลปะ สุดคูล สร้างความแปลกใหม่ และสนุกสนานให้ผู้ที่ไปเยือนได้เป็นอย่างดี มันไปด้วยกันได้ทุกคน วิทยาศาสตร์ กับงานค๊อกเทล เริ่ดมาก

    Z1mplex Mixology Laboratory

    การปรุงแต่งค๊อกเทลของทางร้านทุกช็อต มีความตั้งใจ และใส่ใจทุกอันเลยค่ะ อารมณ์เหมือนงานแฮนเมด แต่ละเมนูก็จะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป คุณลองจินตนาการดูกันนะคะว่าเมนูในช๊อตสีฟ้านั้น ดูเหมือนอะไร เดี๋ยวมีเฉลยท้ายบทความค่ะ ^^ ค๊อกเทลที่นี่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาด รูปลักษณ์ ล้วนมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แต่เชื่อว่าหลายคนคงไม่ได้อยากรู้ว่าเมนูนั้นจะรสชาดเป็นยังไง เพราะส่วนใหญ่แล้วอยากเห็นวิธีปรุงแต่งค๊อกเทลว่าทำยังไงกันซะมากกว่าค่ะ 55+

    ตอนที่เราเลือกเมนูออกไปแล้ว เราจะรู้สึกใจจดใจจ่ออยู่สิ่งที่เราสั่งออกไป ว่าจะมีขั้นตอนการทำแบบไหน และหน้าตาจะออกแบบนั้นได้ยังไง มันรู้สึกตื่นเต้น และเพลิดเพลินสุดๆ คือแบบ เหมือนได้เข้าไปอยู่ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ แล้วมีศาสตราจารย์ ที่กำลังทำการทดลองให้ดูแบบนั้นเลยล่ะค่ะ ลุ้นไปหมด มันเท่ ระเบิดระเบ้ออย่าบอกใครเชียว ทางร้านยังสามารถ create เมนูใหม่ๆให้เหล่านักทดลองที่มาเยือนได้ด้วยนะคะ ถือว่าได้เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับทั้งผู้ไปเยือน และคนที่แล็ปค่ะ

    ประโยค ที่ได้ยินหลังจากเสร็จสิ้นการปรุงเมนูค๊อกเทลก็คือ หูว ว้าว สุดยอด มันคือเรื่องจริงทุกคน 555+ เพราะมันทั้งดูสวย ดูน่าทึ่ง ตะลึงตึงโป๊ะ บวกกับไฟที่สาดส่องลงมาในช็อต ดูเต็มไปด้วยเรื่องราวที่บอกเล่าออกมาเป็นรูปร่าง และสีสันของค๊อกเทล เอาจริงคือ เรากล้าพูดได้เต็มปากว่าเป็นค๊อกเทลที่สวยที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

    ค๊อกเทลบาร์

    มาเฉลายกันดีกว่าค่ะว่า เมนูในช็อตสีฟ้าข้างบนมีใครทายถูกบ้าง ชื่อของเมนูนั้น ชื่อว่า Parallel Universe เป็นเหมือนเส้นคู่ขนานของจักรวาลค่ะ ถ้าไม่รู้ชื่อเมนูก็จะดูคล้ายๆพายุเหมือนกันนะคะเนี่ย มีใครทายถูกกันมั้ยคะ ^^ ใครอยากไปดูการทดลองสนุกๆแบบนี้ จำชื่อนี้ไว้เลยค่ะ Zimplex Mixology Laboratory ร้านค๊อกเทลบาร์ ภูเก็ต ที่คุ้มค่าแก่การไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต

     

    พิกัด: ถนนพังงา ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
    https://www.facebook.com/Z1MPLEX

     

    The Memory On On Hotel โรงแรมแห่งแรกที่จังหวัดภูเก็ต
    ถนนพังงา ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต คลิกเลย

    ทำเล็บอยู่บ้านด้วย 3 อาวุธลับ

    ช่วงสถานการณ์ที่พวกเราทุกคนจำเป็นต้องอยู่บ้านเป็นเวลานาน ร้านเสริมสวยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านทำผม สปา หรือแม้กระทั้งร้านทำเล็บต่างก็ต้องปิดตัวลงชั่วคราว ส่งผลให้สาว ๆ หลายคนอดเสริมสวยจนต้องเร่งพัฒนาสกิลของตนเองเพื่อเสริมสวยแก้ขัดกันไปก่อน บางคนถึงกลับปลดล็อคสกิลทองคำเฉพาะด้านกันเลยทีเดียว

    คอนเทนต์วันนี้เราอยากเสนอขั้นกว่าการทำผมหรือขัดผิวทั่วไป นั่นก็คือ “การทำเล็บ” ที่หากใครไม่ชำนาญรับรองเลยว่ามีเก้ ๆ กัง ๆ แน่นอน เพราะมือของเราที่ถนัดทำให้กับมือที่ไม่ถนัดยังไม่เท่าไหร่ แต่หากกลับล่ะก็ มือเราแค่สั่นยังไม่พอ ลวดลายของเล็บก็เละเทะตามไปด้วยเช่นกัน

    เพราะงั้นเราดู 3 อุปกรณ์ทำเล็บอยู่บ้านไปพร้อมกันดีกว่าว่ามีอะไรช่วยทุ่นแรงเราให้กลายเป็นมืออาชีพบ้าง

    ทำเล็บ
    Picture : promotions.co.th

    1.ปากกาทาเล็บ
    ใช้ง่ายมาก อารมณ์ประมาณเหมือนเอาสีเมจิกมาเขียนบนเล็บ ใช้ถนัดมือ ไม่เยิ้มหรือเละเทะ มีหลากหลายให้เลือก แถมยังอยู่ทนนานด้วย ใครที่อยากตกแต่งลายบนเล็บที่ต้องใช้ความละเอียดสูง ปากกาทาเล็บนี้ตอบโจทย์แน่นอน

    ทำเล็บ
    Picture : pinterest.com

    2.เครื่องอบเล็บเจลอัตโนมัติ
    ควรมีมากอันนี้ ใครที่เคยทาเล็บอยู่บ้านแล้วต้องรอนาน ๆ ทาไปสักพักก็มีเหตุที่ทำให้ต้องลุกไปทำนู่นนั่นนี่อยู่เรื่อย สุดท้ายเป็นไง เละ! เล็บเละไม่เหลือ เพราะฉะนั้นของมันต้องมีกับเครื่องอบเล็บเจลจะทำให้สีเล็บแห้งไวและติดทนนานมากขึ้น

    ทำเล็บ
    Picture : Twitter เล็บปลอมสำเร็จรูปราคาถูก

    3.เล็บปลอม
    ชื่ออาจจะฟังดูไม่น่าใช้สักเท่าไหร่ แต่สมัยนี้แบรนด์ต่าง ๆ กลับผลิตออกมาได้น่ารักน่าใช้มาก ๆ แถมเป็นการถนอมเล็บจากน้ำยาทาเล็บทางอ้อมอีกต่างหาก ไม่ชอบปุ๊ปก็ถอดเปลี่ยน ไม่เลอะไม่เละ ไม่ต้องนั่งทาเองให้เมื่อย

    เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 3 อาวุธลับในการทำเล็บอยู่ที่บ้าน ถูกใจอันไหนกันบ้าง อย่าลืมไปค้นหาและซื้อตามกันนะ

    บทความที่คุณอาจสนใจ

    ทริคแต่งหน้าตอนใส่มาส์กให้ไม่พัง

    5 ที่เที่ยวห้ามพลาด เมื่อมาถึง “บึงกาฬ” จังหวัดน้องใหม่ ประเทศไทย

    บึงกาฬจังหวัดน้องใหม่ลำดับที่ 77 ของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่แยกตัวออกมาจากจังหวัดหนองคาย ตั้งอยู่บนจุดเหนือสุดของแดนอีสาน

    วันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่เที่ยวเด็ด ๆในบึงกาฬที่หลายๆคนยังไม่ทราบ ขอบอกเลยว่าถ้าได้ลองไปแล้วรับรองว่าติดใจจนต้องมาซ้ำอย่างแน่นอน ไปเริ่มกันเล้ยยย

    หินสามวาฬ

    ถ้าพูดถึงหินสามวาฬแล้วหลาย ๆ คนอาจจะจำภาพกันได้จากละครช่องหนึ่งที่ไปถ่ายทำที่นี่ จนทำให้หินสามวาฬเป็นที่รู้จักและโด่งดังในสายตาของคอละคร และทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมา แต่ใครหลายๆคนอาจจะไม่ทราบว่า เจ้าหินที่รูปร่างคล้ายวาฬ 3 ตัวนี้ตั้งอยู่ที่ อ.ภูสิงห์ จ.บึงกาฬ ซึ่งนับเป็นจุดชมวิว ถ่ายรูปที่สวยงดงามและเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก นักท่องเที่ยวจะนิยมมาถ่ายรูปกันในช่วงเช้ายามพระอาทิตย์กำลังขึ้น ซึ่งเมื่อมองไปยังเบื้องล่างจะเห็นแนวป่าเข้าเขียวขจีโอบล้อมหินทั้ง 3 ก้อนนี้ไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าหินวาฬพ่อ แม่ ลูก 3 ตัว กำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเลสีเขียว เป็นภาพที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักกับสถานที่แห่งนี้

    การเดินทางก็ไม่ยากค่ะ จะมีรถจอดให้บริการอยู่บริเวณที่ทำการภูสิงห์ ตั้งแต่ 05.30-17.00 น. ค่าบริการไปกลับ 500 บาท/คัน (นั่งได้10 คน) ใช้เวลาในการเดินทาง 30-40 นาที 

    พิกัด : หินสามวาฬ

    จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ

    เป็นจุดชมวิวที่อยู่ในภูสิงค์ที่เดียวกับหินสามวาฬ เมื่อมาแล้วก็ควรแวะเป็นอย่างยิ่ง สามารถแจ้งรถรับจ้างให้แวะได้เลย บริเวณตรงนี้จะเป็นชะง่อนลานหินขนาดเล็กที่อยู่ริมหน้าผา มีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดต่าง ๆ กันไป นอกจากจะสวยงามแล้วยังมีความแปลกตาที่หาดูได้ยากอีกด้วย และเมื่อมองลงไปด้านล่างจะเห็นป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่สุดสายตา หากสังเกตุดีๆจุดนี้จะสามารถมองเห็นศาลากลางจังหวัดบึงกาฬได้อีกด้วย หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกแปลกใจกับชื่อของจุดชมวิวนี้ แต่ในภาษาอีสานนั้น คำว่าส้าง มีความหมายว่าหลุมหรือบ่อนั่นเอง 

    พิกัด :จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ

    น้ำตกถ้ำพระ หรือ น้ำตกถ้ำพระภูวัว

    ตั้งอยู่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว อ.เซกา จ.บึงกาฬ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ที่ไหลพาดผ่านภูเขาหินทรายขนาดมหึมา ลงสู่เบื้องล่างจนเกิดเป็นแอ่งน้ำกว้างให้นักท่องเที่ยวได้เล่นคลายร้อนกันอย่างสดชื่น นอกจากนี้น้ำที่ไหลเซาะหินจนเป็นร่องน้ำเหมือนสไลด์เดอร์จากธรรมชาติ ถือเป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวพากันต่อคิวเล่นกันอย่างสนุกสนาน

    การเดินทางมาน้ำตกนั้นจะต้องนำรถจอดไว้ที่ท่าเรือ และนั่งเรือรับจ้างเข้าไป ค่าบริการท่านละ 20 บาท ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นก็เดินเท้าต่อไปยังตัวน้ำตก ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร 

    พิกัด : น้ำตกถ้ำพระ หรือ น้ำตกถ้ำพระภูวัว

    น้ำตกเจ็ดสี

    ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดบึงกาฬ เป็นน้ำตกที่แห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อในจังหวัดบึงกาฬ มีขนาดกว้างใหญ่ นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเล่นน้ำคลายร้อนกันที่นี่ น้ำตกแห่งนี้จะมีทั้งหมด 3 ชั้น ไฮไลท์ของความสวยงามจะอยู่ที่ชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นจุดบนสุดของน้ำตก โดยน้ำที่ไหลผ่านนั้นจะมาจากห้วยกระอามไหลผ่านหน้าผาหินลงมากระทบลานหินด้านล่างเกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งกระจาย ในตอนที่แดดส่องลงมากระทบละอองน้ำนั้นจะเกิดเป็นสีรุ้งสวยงาม จนได้ชื่อว่าน้ำตกเจ็ดสี บริเวณด้านหน้าทางเข้าน้ำตกจะติดกับวัดถ้ำบูชา ซึ่งจะมีอาหาร เครื่องดื่ม ห้องน้ำและที่จอดรถไว้ให้บริการ 

    พิกัด : น้ำตกเจ็ดสี 

    วัดภูทอกน้อย หรือ วัดเจติยาศรีวิหาร

    ตั้งอยู่ในเขตบ้านคำแคน อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ เป็นสถานที่เงียบสงบ เหมาะกับการบำเพ็ญสมณะธรรมของภิกษุ สามเณร และพุทธศาสนิกชนทั่วไป มีการก่อสร้างสะพานและบรรไดไม้รอบๆภูทอกเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินขึ้นไปชมวิว ซึ่งบรรไดและสะพานนี้จะมีทั้งหมด 7 ชั้นโดยที่ 3 ชั้นแรกจะเป็นลักษณะเหมือนขึ้นบันไดตรงทอดยาวขึ้นไป แหละหลังจากนั้นจะเป็นสะพานที่สร้างหมุนวนรอบตัวภูทอกเพื่อให้เห็นทัศนียภาพโดยรอบ แนะนำว่าควรออกกำลังกายขาไปให้พร้อมซักหน่อย ไม่เช่นนั้นอาจจะไปไม่ถึงจุดบนสุดของภูทอกก็เป็นได้ แต่เชื่อเถอะถ้ามาถึงแล้วต้องขึ้นไปให้สุด เพราะวิวที่ได้นั้นบอกเลยว่า มันคุ้ม!!! 

    การเดินทางก็ไม่ยากสามารถขับรถมาจอดไว้ในบริเวณวัดและเดินขึ้นได้เลย

    พิกัด : วัดภูทอกน้อย หรือ วัดเจติยาศรีวิหาร

    เป็นยังงัยกันบ้างคะ กับ 5 ที่เที่ยวที่แนะนำไป ถือว่าเป็นแค่ 5 สถานที่เรียกน้ำย่อยเท่านั้น ในโอกาศต่อไปจะมาเจาะลึกจังหวัดบึงกาฬกันให้ทะลุปรุโปร่งยิ่งขึ้นไปอีก รอติดตามนะคะ

    สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ คลิกเลย

    ร้านกาแฟ ท่ามกลางบรรยากาศเหมือน อยู่เกาะ ที่ PULSE บางขุนเทียน

    Cafe Hopping สายนั่งกินลมชมวิวไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเพราะคาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่กลางน้ำ บรรยากาศเหมือน อยู่เกาะ ไม่ต้องนั่งเรือ แต่ เดินข้ามสะพาน เพื่อมาที่ร้าน วิวด้านหลังร้านคือป่าโกงกางสูงโปร่ง ลมโกรกตลอดเวลาไม่ต้องง้อเครื่องปรับอากาศ

    คาเฟ่น้องใหม่มาแรงที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นปีนี้ (2021) ก็กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ด้วยบรรยากาศ และการตกแต่งร้านที่ไม่เหมือนใคร

    คอนเซป ของที่นี่คือ​  Coffee – Scenery​ – Music (กาแฟ, บรรยากาศ, เสียงเพลง) ส่วนการตกแต่งร้านจะเป็นสไตล์ Cozy เน้นการใช้โทนสีขาว ๆ ครีม ๆ ผสมกับโต๊ะไม้ และเก้าอี้หวาย ยิ่งบวกกับลมเบา ๆ และสีเขียวของป่าโกงกางทำให้คาเฟ่แห่งนี้เพิ่มความสงบขึ้นมาทันใด

    เริ่มด้วยเมนูกาแฟ เมนู Signature ของที่ร้านตั้งชื่อตามชื่อร้าน คือ PULSE Bang khun thian ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นอย่างมะพร้าวมาเป็นส่วนผสมเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงชายทะเลบางขุนเทียน ได้ออกมาเป็นกาแฟมะพร้าวที่มีความหอมของกะทิข้างบนมีฟองนมนุ่ม ๆ โรยด้วยมะพร้าวอบกรอบทองคำเปลวและ เกลือทะเล อีกหนึ่งเมนูที่มาแรงคือ Mango Americano Fizz กาแฟที่มีกลิ่นความหอมหวานของมะม่วง เพิ่มความสดชื่นด้วยโซดาซ่า ส่วนเมนู Non caffeine ที่ทางร้านแนะนำคือ french chocolate with peru cocoa nibs ช๊อคโกแลตฝรั่งเศสเข้มข้น

    สำหรับ Take Away ก็จะใส่ขวดสไตล์ Minimal นำกลับไปรับประทานที่บ้านได้

    ของหวาน ก็จะมีทั้งเค้ก ขนมปังแบบต่าง ๆ รวมทั้งครัวซองค์หลากหลายหน้า

    ร้านนี้ต้องพูดถึงเรื่องเพลงและเครื่องเสียง เพราะเจ้าของร้านชอบลำโพงมาก ๆ
    จึงเลือกลำโพงระดับHi end ที่หายากอย่าง​ “Diatone DS 2000HR” ซึ่งเป็นรุ่นลำโพงมอนิเตอร์ที่ถูกใช้ในห้องอัดเสียงของ NHK ประเทศญี่ปุ่นในปลายยุค 80s ให้อารมณ์ Organic Sound

    ทั้งหมดนี้คือความลงตัวของคาเฟ่แห่งนี้ กาแฟหอมอร่อย บรรยากาศดี เพลงเพราะ และถ่ายรูปได้ทุกมุมของร้านแค่อย่าถ่ายเพลินจนตกน้ำก็พอ ถ้าใครอยากได้แสงดี ๆ สีโทนส้ม ๆ อุ่น ๆ ก็ควรมาในช่วงเวลา Magic Hour ประมาณ 16.00-17.30 .

    ร้านตั้งอยู่บนถนนบางขุนเทียนชายทะเล ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ เลยไปทางขวาจะเป็น สน.เทียนทะเล ทางร้านมีที่จอดรถรองรับได้จำนวนมากจอดหน้าร้านได้ประมาณ 7-8 คัน

    Pulse Bang Khun Thian
    ร้านตั้งอยู่บน ถนนบางขุนเทียนชายทะเล
    เปิด 10.00-18.30 ปิดทุกวันจันทร์

    สัมผัสรสชาติโกโก้ เข้ม สะใจ ที่ Under Black Coffee คลิกเลย

    มัดรวมเทคนิค ทลายพื้นที่เล็กให้กว้างขึ้น

    มัดรวมเทคนิค ทลายพื้นที่เล็กให้กว้างขึ้น

    มัดรวมเทคนิค

    การปลดล็อคมุมเล็กๆ ในบ้านให้ดูกว้าง ไม่ต้องใช้พละกำลังเว่อร์วัง… เพราะนี่คือการบิดแนวคิดง่ายๆ เพื่อประมือกับพื้นที่เล็กให้ดูเก๋าและกว้าง ลดความอึดอัดได้ในแบบเฉพาะตัว

    มัดรวมเทคนิค
    Cr. Photo : contemporist.com

    1. จัดแสง

    การจัดแสงนอกจากสร้างบรรยากาศให้ห้องดูมีชีวิตชีวาแล้ว ยังช่วยลวงตาให้ห้องดูกว้างขึ้น อาทิ การซ่อนไฟไว้ที่ผนังด้านหลังหัวเตียง ติดไฟตามหลืบเพดาน หรือแม้แต่ใช้โคมไฟตั้งพื้นฉาบไล้บนผนังมุมห้อง ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นกลยุทธ์ง่ายๆ ที่ขยายความรู้สึกกว้างได้ผลทั้งสิ้น

    มัดรวมเทคนิค
    Cr. Photo : realhomes.com

    2. เติมสี

    วิธีแรกสำหรับห้องเพดานต่ำ แนะนำให้ทาสีผนังห้องเข้มกว่าเพดาน เพื่อสร้างความรู้สึกว่าเพดานโปร่งโล่งมากขึ้น (ใช้สีเข้ม-อ่อนโทนเดียวกัน หรือคนละโทนแต่ไม่ควรตัดกันมาก) วิธีที่สอง (เก๋ขึ้นอีกนิด) คือ ทาสีผนังเป็นลายทางนำสายตา หากห้องแคบใช้เป็นลายทางแนวนอน แต่ถ้าเพดานต่ำ ลองใช้เป็นลายทางแนวตั้ง ก็จะลวงตาให้ผนังดูสูงขึ้น

    Cr. Photo : home-designing.com

    3. คัดขนาด?

    ก่อนที่จะหยอดเฟอร์นิเจอร์ไว้ในห้องเล็กแคบ ควรเลือกแต่ละชิ้นโดยคำนึงถึงขนาดที่กะทัดรัด ควบคู่กับรูปทรงที่ดูเพรียวบาง ดีไซน์ไม่ทึบตัน เมื่อมาวางตั้งก็ช่วยให้ห้องมีสเปซที่ไม่อึดอัด รวมถึงควรจัดวางแต่ละโซนให้เกิดช่องว่าง สามารถเดินได้สะดวก มองแล้วไม่รกตา

    รวมเทคนิค
    Cr. Photo : bhg.com.au

    4. ใช้หลักการสะท้อน

    การอุทิศผนังด้านหนึ่งไว้ติดตั้งกระจกเงาบานใหญ่ในพื้นที่แต่งตัวขนาดกะทัดรัด สามารถช่วยลวงตาให้ห้องดูกว้างกว่าเดิมได้ หรือเพียงคุณเลือกตู้เสื้อผ้าที่ดีไซน์หน้าบานเป็นกระจกส่องตัวด้วย ก็ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ได้เช่นกัน

    Cr. Photo : dezeen.com

    5. เล่นแนวดิ่ง

    การใช้พื้นที่แนวดิ่งให้เกิดประโยชน์ เป็นอีกทริคหนึ่งที่ใช้ได้ผลกับห้องขนาดเล็ก เช่น การเลือกใช้ชั้นติดผนัง หรือโต๊ะทำงานติดผนังพับเก็บได้ สามารถสร้างสเปซแนวราบให้ดูกว้างขึ้น แต่ถ้าหากมีทุนสักหน่อย การทำชั้น ตู้ โต๊ะ หรือเตียง Built- in ตามพื้นที่แนวดิ่งแบบมัลติฟังก์ชั่น ก็เป็นไอเดียอันน่าสนใจไม่เบา

    และทั้งหมดนี้คือไอเดียย่อยง่ายในการทลายพื้นที่เล็กให้กว้างขึ้น ที่เราสรรหามาให้เป็นแนวทางไปใช้กัน สามารถนำไปปรับประยุกต์ในห้องต่างๆ ได้ทุกห้อง ลุย…

    บทความน่าสนใจ : 5 ไม้ประดับ น่าจับตาใน MV ใหม่ของ “ลิซ่า” BLACKPINK 

     

    5 ไม้ประดับ น่าจับตาใน MV ใหม่ของ “ลิซ่า” BLACKPINK

    5 ไม้ประดับ สวยเด่นใน MV ใหม่ของ “ลิซ่า” BLACKPINK

     

    “Lalisa” ผลงานเพลงใหม่ ที่ทำให้บลิ๊งค์ทั่วโลกต่างฟินไปตามๆ กัน แถมพาลให้ยอดวิวพุ่งกระฉูดชั่วพริบตา นอกจากเสื้อผ้าหน้าผมสุดบรรเจิดของเธอแล้ว เราแอบเห็นฉากหนึ่ง ที่ฉายภาพบ้านและต้นไม้ประดับตกแต่งสวยงาม ซึ่งแต่ละต้นมีฟอร์มสวยไม่ธรรมดา และทั้งหมดนี้คือ 5 ไม้ประดับ ที่แจ้งเกิดอยู่ในโซโล่เดี่ยวของลิซ่า ที่เราคัดมาฝากกัน

    5 ไม้ประดับของลิซ่า
    Cr.Photo : homestolove.com.au

    1. สิบสองปันนา

    พรรณไม้ตระกูลปาล์มฟอร์มสง่า ลำต้นสูงประมาณ 1.5 – 2 เมตร ยอดมีกาบใบแตกเป็นใบสีเขียว แผ่โค้งรอบต้น ที่สำคัญเป็นไม้กลางแจ้งสู้แดดตลอดวัน หรือปลูกไว้ในอาคาร โดนแดดน้อยได้น้ำน้อยก็เจริญเติบโตสบาย แถมสามารถดูดสารพิษ (โดยเฉพาะสารไซรีน) ในอากาศและคายความชื้นได้ดี

    5 ไม้ประดับของ MV ลิซ่า
    Cr.Photo : apartmenttherapy.com

    2. เฟิร์นข้าหลวง

    อีกหนึ่งไม้มงคล เชื่อกันว่าช่วยเสริมส่งเกียรติยศ ลักษณะใบเรียวยาวและหยัก วางตัวเรียงซ้อนกันเป็นพุ่ม ปลูกขึ้นดีบริเวณนอกอาคารที่มีแสงรำไร เช่น ใต้ต้นไม้ใหญ่ บ่อปลา สระบัว ฯลฯ แต่ปัจจุบันนิยมนำมาปลูกในบ้าน คอนโดฯ ออฟฟิศ เพราะมีคุณสมบัติช่วยฟอกสารพิษเช่นกัน

    5 ไม้ประดับของ MV ลิซ่า
    Cr.Photo : gardeningknowhow.com

    3. เฟิร์นสไบนาง

    นิยมแขวน หรือปลูกลงกระถางวางตั้งให้ดูสง่า เพราะแผ่ใบระย้า… (ยาวได้ถึง 3 เมตรเชียว) ตระการตา เหมาะแก่การปลูกในที่แสงรำไร ปัจจุบันมักจะเห็นตามร้านค้า คาเฟ่ นำมาปลูกกันมากมาย เพราะเป็นไม้ฟอร์มสวย แถมเป็นไม้มงคลที่เชื่อว่าจะช่วยให้ค้าขายดี

    5 ไม้ประดับของ MV ลิซ่า
    Cr.Photo : severin-candrian

    4. คล้าขุนแผน

    ไม้ประดับอวดริ้วลายของใบได้งดงาม แต่ไม่ปลื้มแดดจัด ชอบอยู่ในที่แสงรำไร โดยข้างหลังใบเผยสีม่วงเข้มอมดำ หน้าใบเป็นเส้นๆ สีชมพูแกมขาว และเป็นไม้มงคล เกื้อหนุนเรื่องเมตตามหานิยม เรียกทรัพย์ ช่วยเรื่องการค้าขาย รวมถึงเป็นไม้ประดับที่มีประโยชน์ช่วยฟอกอากาศได้ด้วย

    5 ไม้ประดับของ MV ลิซ่า
    Cr.Photo : thelittlebotanical.com

    5. หมากเหลือง

    ไม้ประดับที่ชอบแสงรำไร เหมาะกับการปลูกลงกระถางตั้งประดับบ้าน ลักษณะใบเหลืองอมเขียว และบางต้นมีสีเหลืองแซมทอง แถมยังขึ้นแท่นเป็นไม้มงคล ที่เชื่อกันว่าปลูกไว้ในบ้านจะเสริมส่งโชคลาภ เกิดความร่ำรวย มีผู้คนให้ความเคารพและเชื่อฟัง

    บทความน่าสนใจ : บ้านแบบนี้อยู่แล้วรวย เคล็ดลับปรับฮวงจุ้ยหน้าบ้านเรียกทรัพย์ 

    The Memory at On On Hotel ที่พัก ที่เปิดเป็นโรงแรมแห่งแรก ใน ภูเก็ต

    The Memory at On On Hotel ที่พัก ที่เปิดเป็นโรงแรมแห่งแรก ใน ภูเก็ต

    สมัยก่อนถ้าพูดถึงชื่อ The Memory at On On Hotel คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นโรงแรมที่เปิดเป็นแห่งแรกในจังหวัดภูเก็ต โดย นักลงทุนชาวจีน เดิมชื่อว่า โรงแรม อัน อัน (ภาษาจีนแปลว่า ความสุขสำหรับผู้มาเยือน) เป็นคูหา 2 ชั้นขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2472 โครงสร้างเป็นสไตล์ ชิโน-โปรตุกีส โดยมีการสร้างคล้ายโบสถ์โปรตุเกส ซึ่งเปิดให้คนเข้ามาพักในราคา 80 สตางค์ แต่เรียกเพี้ยนไปตามการสะกดของภาษาอังกฤษ ณ ปัจจุบันจึงกลายเป็นชื่อ ออน ออน

    โรงแรม ออน ออน เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เรื่อง The Beach จึงทำให้เป็นที่รู้จักของบรรดาเหล่านักเดินทางทั้งใน และต่างประเทศ และด้วยสมัยก่อนที่โรงแรม ออน ออน เปิดในยุคทองเหมืองแร่รุ่งเรือง ในเมืองไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ ตั้งอยู่ ใจกลางเมือง ถนนพังงา อำเภอตลาดใหญ่ จังหวัดภูเก็ต ยิ่งทำให้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

    เมื่อปี 2012 โรงแรมก็ได้มีการรีโนเวตใหม่ โดยการปรับปรุงจากโครงสร้างเดิมให้ดูดี และแข็งแรงมากขึ้น  จนมาถึง ณ ปัจจุบันนี้ เดี๋ยวเราไปทัวร์ที่พักกันดีกว่าค่ะ ว่าจะอลังการขนาดไหน

    The Memory at On On Hotel

    ครั้งแรกที่ก้าวเข้าไปใน ออน ออน รู้สึกได้ถึงความสะพรึง ตะลึงตึงโป๊ะมากค่ะ เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในยุคสมัยก่อนเลย แต่ไม่ได้น่ากลัวอะไรนะคะ ดูมีความเรียบง่าย เงียบสงบ ของตกแต่งทุกอย่างจะเป็นของเก่า รุ่นอาม่า อากง ยังคงความเป็นยุคสมัยก่อนไว้อยู่ ทั้งโครงสร้าง และพื้นลายชิโน-โปรตุกีส

    นี่ไม่ใช่กระเป๋าเดินทางของเรานะคะ 55+ เข้าใจว่าทางที่พักเอาตกแต่งให้สะท้อนถึง การไปมามากมายของเหล่านักเดินทาง หรืออาจจะเป็นกระเป๋าที่นักท่องเที่ยวลืมไว้ แล้วทางที่พักเอามาวางรอให้เจ้าของเดิมกลับมารับกระเป๋าอีกครั้ง บรื๋ย!! คงไม่อย่างงั้นหรอกเนอะ ก็เป็นของตกแต่งที่บ่งบอกถึงการมาพักของนักเดินทางที่แวะเวียนมามากมาย สะท้อนเรื่องราวของยุคสมัยก่อนได้ดีมากมายเลยค่ะ

    The Memory at On On Hotel

    ฝั่งด้านขวามือ ก่อนเดินเข้าไปเช็กอินรับกุญแจห้อง ก็จะมีร้านขายของเล็กๆเปิดอยู่ ที่ร้านจะมีจำหน่ายของขึ้นชื่อจังหวัดภูเก็ตมากมายเลยค่ะ อย่างผ้าบาติกหลากสีสัน หลายลวดลาย เหมาะกับการซื้อกลับไปเป็นของฝากได้เลย ไม่ต้องเดินหาซื้อที่อื่นให้ลำบาก ตอบโจทย์นักช้อปสุดๆ

    The Memory at On On Hotel

    อันนี้เราว่าเก๋มาก เหมือนเคยเห็นแถวเยาวราช ที่เป็นลิ้นชักเก็บยาในร้านขายยาจีนโบราณเลยค่ะ ที่ออน ออน นำมาใช้เป็นที่เก็บกุญแจห้องพัก ถ้านับจากจำนวนตัวเลขแล้ว ก็มีห้องพักราวๆ 40 กว่าห้องได้ค่ะ ตอนมองจากด้านนอกดูไม่น่าจะมีห้องพักเยอะขนาดนี้นะคะ แต่ว่าด้านหลังเค้าทำที่พักทอดยาวเข้าไปลึกพอสมควรเลยค่ะ

    พอรับกุญแจเสร็จแล้ว เดินขึ้นมาชั้นสอง ก็จะพบกับโถงใหญ่อยู่ตรงกลาง ชั้นบนจะเป็นพื้นไม้ และของตกแต่งที่ดูจีนๆหน่อย มองผ่านไปตรงประตู หน้าต่าง และช่องลม คืองานไม้เค้าทำได้สวยงามมาก รายละเอียดงานคือดือมากค่ะ แต่พื้นไม้นี่อาจจะต้องเดินเบาๆนิดนึง ด้านบนดูรู้สึกร่มรื่น สบายตา เงียบสงบ เหมาะกับพักก่อนจริงๆค่ะ

    มาดูด้านในห้องพักกันบ้างนะคะ การตกแต่งดูเรียบๆ สะอาด เรียบร้อย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบค่ะ มีระเบียงเล็กๆที่ให้เปิดออกไปสูดอากาศ ถือว่าโอเคเลยค่ะ ไม่ค่อยมีเสียงรบกวน

    ห้องนี้เป็นห้องที่ใหญ่ขึ้นมาอีกเบอร์ค่ะ ภายในห้องจะมีโซฟา การตกแต่งจะไม่ต่างกันมาก แต่ห้องนี้จะดูลัคชู (Luxury) ขึ้นมาอีกหน่อยค่ะ ของตกแต่งจะตกแต่งตามโทนสีของห้อง ห้องพักจะมีหลายโซนนะคะ สามารถสอบถามทางที่พักได้เลย พนักงานที่นี่สุภาพ และดูแลดีมากค่ะ โดยรวมแล้วประทับใจสุดๆ

    โซนนี้จะเป็นโซนอาหารเช้า เบาๆ จริงๆที่นี่เค้ามีโซนอาหาร และบาร์ด้วยนะคะ แต่ตอนเช้าเราตั้งใจว่าจะออกไปทานข้างนอกอยู่แล้วเลยแวะมาหาอะไรทานลองท้องสักหน่อย การตกแต่งโซนนี้ก็ทำให้รู้เลยว่าเป็นโซนอาหาร น่ารักกรุบ มีเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ไว้ให้ชงเองง่ายๆ ไม่ต้องอะไรมาก แล้วก็มีขนมทานเล่นที่เป็นขนมขึ้นชื่อของภูเก็ต น่ารักมากๆเลยค่ะ

    และนี่ก็เป็นเมนูที่เราเลือกมา น้ำขิงร้อนๆ กับขนมภูเก็ตที่ก็ไม่แน่ใจว่าชื่ออะไรบ้าง 555+ แต่มันเข้ากันได้ดีเลยล่ะค่ะ ชอบมากเลย

    On On Hotel นี่ อย่างที่บอกว่าเค้าอยู่ใจกลางเมืองเก่า ภูเก็ต ก็จะอยู่ใกล้ร้านอาหาร ร้านกาแฟเยอะแยะมากมาย เราสามารถเดินเท้าไปเรื่อยๆได้เลย โดยไม่ต้องเช่ารถนะคะ ตามจุดต่างๆก็จะมีภาพ Street Art บอกเล่าเรื่องราวของเมืองภูเก็ต ส่วนถ้าใครมาถูกวัน ย่านเมืองเก่าที่นี่จะมี ถนนคนเดินช่วงเย็นด้วยค่ะ

    นี่ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารชื่อดังใน ย่านเมืองเก่า ภูเก็ตค่ะ ร้าน “ตู้กับข้าว” อยู่ไม่ไกลจาก ออน ออน เลย จะเห็นว่ามีหลายคนที่มาแถวนี้ต้อง เช็กอิน กันเยอะมาก ที่ย่านเมืองเก่าตอนนี้ มีร้านกาแฟชิคๆเปิดใหม่เยอะมาก ใครคอกาแฟบอกเลย เหมาะที่จะมาพักที่ออน ออน แล้วเดินไปร้านกาแฟที่ตั้งเรียงรายกันเต็มไปหมด แบบฟินๆเลย

    ใครที่กำลังมองหาที่พัก ย่านเมืองเก่า จังหวัดภูเก็ตอยู่ ก็แนะนำที่ The Memory at On On Hotel นะคะ ได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบยุคสมัยก่อนได้ดีทีเดียว แถวนี้ยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอะเลยค่ะ สำหรับสถานที่พักแห่งนี้ คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ควรมาลองพักดูนะคะ

    The Memory at On On Hotel
    ถนนพังงา ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
    Booking: http://www.booking.com/Share-oQSIhp

     

    Casa Papaya Boutique Resort ชะอำ คลิกเลย