ทำไมคนรุ่นใหม่ ไม่มีเงินเก็บ ?
ไม่มีเงินเก็บ ถือเป็นปัญหาของคนรุ่นใหม่ เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่กำลังเป็นเป้าหมายในหลายภาคธุรกิจ เนื่องจากถือว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างมาก เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายเต็มที่ ใช้ชีวิตแบบคำนึงถึงความสุขในทุก ๆ วันและยังเป็นกลุ่มที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานจึงอยากใช้จ่ายในสิ่งที่ตัวเองอยากได้
HENRY คำนิยามพฤติกรรมการใช้เงินคนรุ่นใหม่
Henry กลายเป็นคำที่คนรุ่นใหม่ถูกเรียกมากขึ้น ซึ่งคำนี้ย่อมาจาก High earners, not rich yet หรือว่าง่าย ๆ ก็คือ กลุ่มคนที่หาเงินได้เยอะแต่ทำยังไงก็ยังไม่รวยสักที ซึ่งพบว่าคนรุ่นใหม่มีพฤติกรรมการใช้เงิน ที่เลือกใช้ชีวิตด้วยการตอบโจทย์กับตัวเองในปัจจุบันมากที่สุด โดยอาจยังไม่ได้คำนึงหรือวางแผนถึงอนาคตมากเท่าไร นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่า
5 เหตุผลที่ว่าทำไม ไม่มีเงินเก็บ (มาลองเช็คดูว่าคุณเป็นแบบนั้นมั้ย)
1. ตกเทรนด์เป็นไม่ได้
เราอยู่ในยุคที่สินค้ามีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน มีการแข่งขันกันสูง มีสิ่งออกใหม่ ๆ มาเรื่อย ๆ และรวดเร็วทำให้ความต้องการในการซื้อเพิ่มมากขึ้นเพื่อต้องการตามให้ทันกระแส ประกอบกับคนยุคใหม่เป็นคนเบื่อง่าย ซึ่งบางครั้งเราอาจใช้เงินซื้อสินค้าที่อาจไม่ได้ตามใจเราแต่เพื่อตามกระแสเท่านั้น
2. ส่วนลดและโปรโมชั่น
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งการตลาดในยุคนี้ที่อาจล่อลวงเราให้ซื้อหรือบริโภคบางอย่างโดยไม่จำเป็น เพียงเพราะความรู้สึกว่า “เสียดาย” ข้อนี้อาจใช้ได้กับคนทุกยุคทุกสมัย แต่ต้องบอกเลยว่าในยุคที่ Social Media เข้าถึงคนทุกคน กลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วจนบางครั้งอาจไม่ทันได้ยั้งคิดก่อนซื้อสินค้าเหล่านั้น
3. เกิดมาแล้วก็ต้องใช้ให้คุ้ม
ฟังประโยคแบบนี้แล้วก็รู้สึกฮึกเหิม นี่อาจเป็นแนวคิดของใครหลาย ๆ คนของคนยุคใหม่ ที่เชื่อว่า ชีวิตมีครั้งเดียว ซึ่งจะพ่วงมากับเหตุผลในการใช้เงินว่า “เกิดมาแล้วก็ใช้ ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวตายก็เอาไปไม่ได้” ประโยคคลาสสิก ซึ่งทำให้หลายคนเงินหมดแต่ยังไม่ตายมานักต่อนัก
4. ไม่ใช้เงินสด
ฟังแล้วอาจไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร แต่ในเชิงทางจิตวิทยา นั้นมีคำว่า “Pain of Paying” หรือความรู้สึกผิดของการจ่ายเงิน เนื่องจากในยุคที่เราเลือกจ่ายเงินผ่านแอปฯ หรือตัดบัตรนั้น บางทีทำให้เราไม่ได้เห็นเงินจริง ๆ ที่สูญเสียไป ประกอบกับความรวดเร็วในการจ่ายเงิน ทำให้หลายคนไม่ได้เกิดความรู้สึกผิดและไตร่ตรองก่อนการซื้อของบางสิ่งบางอย่าง
5. ขาดองค์ความรู้ทางการเงิน
ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานไม่ใช่แค่คนยุคใหม่ แต่มันสำคัญกับคนทุกยุคที่ต้องการความมั่นคง ในยุคสมัยนี้การออมเงินนั้นไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การไม่ใช้เงินเท่านั้น แต่ต้องมองถึงการลงทุนและต่อยอดในอนาคตด้วย เพราะการลงทุน คือ วิธีเก็บเงิน ที่ดีที่สุดการศึกษาสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรามีเป้าหมายในการออมและเข้าใจมันมากขึ้น
5 วิธีเก็บเงิน ผ่านหลักคิดทางจิตวิทยา
1. แจกแจงรายละเอียดให้ชัด
อย่าคิดว่าฉันจะออมเพียงอย่างเดียว การคิดและเขียนเป้าหมายออกมาจะช่วยให้เราเห็นภาพและเหตุผลของการออมเงินมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่สร้างความแตกต่างระหว่าง คนที่มีเงินเก็บ และ ไม่มีเงินเก็บ เพราะมันจะกระตุ้นและย้ำเตือนถึงความสำคัญของคุณอยู่เสมอ
2. ต้องการมันจริง ๆ
ทุกครั้งที่เราใช้จ่ายกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ เรามักใช้อารมณ์นำพาไปและใช้เหตุผลมาสมทบเพื่อให้เราเข้าใจว่ามันจำเป็นจะต้องซื้อ การเท่าทันความคิดตัวเองเหล่านี้คือการย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองอย่างรอบคอบว่า เราจะทำอะไรกับสิ่งที่ซื้อนี้ต่อไป ลงรายละเอียดกับเหตุผลเหล่านี้ให้ชัดเพื่อยืนยันว่าเราต้องการมันจริง ๆ
3. ซื้อทุกอย่างเพื่อตัวเอง
ในยุคที่เรามีสื่ออยู่ในมือ เรามักเจอผู้คนมากมายที่อาจทำให้เรารู้สึกอยากมี อยากได้ และอยากเป็นแบบนั้น จนบางครั้งเราไม่ได้ใช้จ่ายเงินไปเพื่อตัวเอง แต่ซื้อเพื่อให้คนอื่นมองเรา ความคิดเหล่านี้จะทำให้คุณซื้อสินค้าหลาย ๆ อย่างที่คุณก็ไม่ได้อยากได้และก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรมากขึ้นเรื่อย ๆ
4. หยุดเป็นคนโอนไว หันมาใช้เงินสดบ้าง
หลักการของ Pain of Paying การเห็นเงินสดหรือเห็นการเสียเงินที่เป็นรูปธรรม และสามารถจับต้องได้จะทำให้เรารู้สึกเสียดายและคิดถึงการใช้จ่ายที่รอบคอบมากขึ้น แต่ วิธีเก็บเงิน ที่ดีก็ไม่จำเป็นจะต้องห้ามใช้การโอนหรือบัตรเครดิตเลย เพราะอาจทำให้เราเสียโอกาสหลาย ๆ อย่าง เพียงแต่ควรลดพฤติกรรมการโอนไวลงและไตร่ตรองการใช้จ่ายให้มากขึ้น
5. กำหนดเป้าหมายให้ชัด
หลายคนอาจมีเป้าหมายหลายอย่างในชีวิต แต่การกำหนดเป้าหมายเพื่อการออมนั้นยิ่งมีเป้าหมายที่ชัดเจนเท่าไรจะช่วยให้คุณเห็นช่องทางและวิธีการลงมือทำที่ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น เป้าหมายที่หลากหลายในจินตนาการของคุณถ้าไม่ชัดเจน ในระยะยาวจะทำให้คุณเกิดท้อแท้และอาจกลายเป็นการยอมแพ้และไม่ลงมือทำเพื่อเก็บออม
ติดตามข่าวสารจากเราได้ที่
Website : https://inzpy.com/
Youtube : https://www.youtube.com/c/Inzpy
Facebook : https://www.facebook.com/inzpyth
Facebook : https://www.facebook.com/inzpyjoy
