สำหรับคอลเลกชัน Bvlgari Eden, The Garden of Wonders ไม่ได้มีเพียงแค่ High Jewelry อันสูงค่างดงามตระการตาเพียงอย่างเดียว แต่ทางแบรนด์ลักชัวรีระดับโลกจากอิตาลีอย่าง Bvlgari ยังได้นำเสนอการรังสรรค์เรือนเวลาชั้นสูง ที่ผสมผสานพลังการสร้างสรรค์ด้วยสีสันอันสดใสมีชีวิตชีวาและความสนุกสนาน เข้ากับความเชี่ยวชาญพิเศษที่ยากจะเทียบเคียงจากฝีมือของช่างทำนาฬิกาสวิต ภายใต้ชื่อคอลเลกชันชื่อเดียวกันนี้เอง
โดยแต่ละเรือนเวลาภายในคอลเลกชันนี้ ตั้งใจออกแบบทำขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองความงดงามของธรรมชาติ ผ่านมุมมองอันเฉียบแหลมกว้างไกลของ Fabrizio Buonamassa Stigliani ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายสร้างสรรค์แผนกนาฬิกาของแบรนด์นั่นเอง โดยในวันนี้ Inzpy จะพาทุกคนไปยลโฉม 5 เรือนเวลาชั้นสูงจากคอลเลกชัน Bvlgari Eden, The Garden of Wonders จะสวยงามอลังการเวอร์วังขนาดไหน ตามมาดูพร้อมกันเลย
Emerald Venus
ความเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ร่มรื่นตามธรรมชาติ ถูกนำเสนอผ่านอัญมณีสุดโปรดปรานของแบรนด์อย่าง ‘มรกต’ มาในรูปแบบการดีไซน์ที่ชวนให้นึกถึง Capelvenere เฟิร์นเมดิเตอร์เรเนียนชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อเป็นภาษาอิตาเลียน แปลว่า ‘เส้นผมของวีนัส’ อันเป็นที่มาของชื่อรุ่น ที่เป็นเสมือนผลงานที่อุทิศแด่เทพีแห่งความงามของโรมัน นาฬิกาเรือนงามสุดล้ำค่า ประดับตกแต่งด้วยมรกตน้ำหนักรวมถึง 47 กะรัต บนตัวเรือนแพลทินัม เสริมด้วยเพชรกลม เพชร Baguette และเพชร Pavé ในส่วนของหน้าปัดประดับด้วยอัญมณี Tourmaline สีเขียวมินต์ โดยใช้เวลาในการสร้างสรรค์นานถึง 900 ชั่วโมง
Blooming Beauty
ถ้าพูดถึงธรรมชาติหรือเวลานึกถึงสวน สิ่งที่ขาดไปไม่ได้ก็เห็นจะเป็นเหล่าหมู่มวลดอกไม้นานาพรรณ สำหรับนาฬิกาเรือนนี้ทางแบรนด์ได้จำลองความงดงาม ราวกับยกสวนดอกไม้มาไว้บนนาฬิกาที่มีชื่อรุ่นว่า Blooming Beauty ประดับตกแต่งด้วยเพชรและอัญมณีหลากสีสัน เป็นรูปดอกไม้ผลิบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณตัวเรือน ตัวหน้าปัดรายล้อมไปด้วยเพชรแบบ Snow-setting ละเอียดอ่อนวิบวับ ครอบหน้าปัดด้วย Tourmaline สีเขียวมินต์ 9.6 กะรัต เพิ่มความหรูหราไปอีกระดับ ด้วยมรกตโคลอมเบียทรงกลมหลังเบี้ย รวมไปถึงอัญมณีสุดล้ำค่าอย่าง Paraiba Tourmaline, Spinel สีชมพูและสีม่วง ปิดท้ายด้วยเพชรเจียระไนแบบ Brilliant Cut ทรงกลมบนสายนาฬิกาแพลทินัม
Giardino Dell’Eden Piccolissimo
ผลงานเรือนเวลาสุดอลังการเหนือจินตนาการ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชิ้นงานของแบรนด์ในปี 60s ประกอบไปด้วยอัญมณีกว่า 1,500 เม็ด ใช้เทคนิคพิเศษที่เรียกว่า Trembler ในการรังสรรค์ดีไซน์รูปผีเสื้อสยายปีกซึ่งประดับด้วยอัญมณีอันบอบบางละเอียดอ่อน มาพร้อมกับงูที่เลื้อยข้ามสวนดอกไม้ ประดับเพชรและทับทิมส่องประกายระยิบระยับจับตา นอกจากนั้นแล้วยังมีการใช้อัญมณีล้ำค่าอีกหลากชนิดหลายสีสัน ไม่ว่าจะเป็น Tourmaline สีชมพู, Mandarin Garnet, Sapphire สีชมพูและสีเหลือง รวมไปจนถึง Rock Crystal ที่ใช้เวลานานถึง 2,000 ชั่วโมง ในการสร้างสรรค์ มาพร้อมการทำงานด้วยกลไก Piccolissimo จักรกลขนาดเล็กใหม่ล่าสุดของแบรนด์
Giardino Dell’Eden Tourbillon
นับเป็นครั้งแรกที่กลไก Tourbillon จักรกลอันสลับซับซ้อน เที่ยงตรง และมีความแม่นยำสูง ถูกนำมาใช้ภายในเรือนเวลาชั้นสูง ถือว่าเป็นไฮไลต์ของเรือนเวลาภายในคอลเลกชันที่มีการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมอันล้ำสมัยกับความประณีตงดงาม เปรียบดังศิลปะชิ้นเอก ที่ต้องใช้เวลาในการสร้างสรรค์นานถึง 4,000 ชั่วโมงเลยทีเดียว ตัวเรือนประดับประดาไปด้วยอัญมณีหลากชนิดถึง 6,500 เม็ด ที่มีน้ำหนักรวมถึง 223 กะรัต นำเสนอสีสันสดใสมีชีวิตชีวาชวนให้นึกถึงสวนเมดิเตอร์เรเนียน ท่ามกลางบรรยากาศใบไม้เขียวชอุ่ม มวลดอกไม้ที่เบ่งบาน ดึงดูดเชิญชวนให้ผีเสื้อเข้ามาดอมดม กินน้ำหวาน
Serpenti Misteriosi Riviera
เมื่อต้องการเฉลิมฉลองความงดงามของธรรมชาติ แน่นอนว่าจะขาดสัตว์สัญลักษณ์ของแบรนด์ไปได้อย่างไร เรือนเวลารุ่นสุดท้ายอย่าง Serpenti Misteriosi Riviera จึงมาในรูปแบบหน้าปัดเวลาที่ซ่อนอยู่ภายใต้หัวของงู ตัวเรือนโรสโกลด์ ประดับเพชรและ Rubellite ชวนให้นึกถึงผลไม้ต้องห้ามแห่งสรวงสวรรค์ ด้วยการใช้เทคนิคพิเศษอย่าง Fil Couteau ที่ช่วยยึดองค์ประกอบต่าง ๆ ไว้ด้วยด้ายทองเส้นบาง ทำให้อัญมณีรอบตัวเรือนดูคล้ายกับกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ สะท้อนถึงความทันสมัยและความสง่างามในแบบผู้หญิงได้อย่างไร้ที่ติ
เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคน หลังจากได้ยลโฉม 5 นาฬิกาจากคอลเลกชัน Bvlgari Eden, The Garden of Wonders หวังว่าเราจะสามารถช่วยอัปเดตเรื่องราวความเป็นไปในวงการแฟชั่น ให้ทุกคนได้ทราบไม่มากก็น้อยนะคะ อย่าลืมติดตามว่าในครั้งหน้า Inzpy จะเอาข่าวสารที่น่าสนใจในวงการเครื่องประดับแบบไหน มาฝากทุกคนอีก รอชมได้เลยค่ะ