Rolex แบรนด์นาฬิกาไฮเอนด์ระดับโลกสุดหรูหรา ชื่อเสียงโด่งดังจนเป็นตำนาน ที่สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าเป็นแบรนด์เรือนเวลาที่ผู้คนต่างให้ความสนใจและได้รับความนิยมตลอดมา ผู้คนต่างมีความต้องการอยากครอบครองเป็นเจ้าของมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ไม่น่าแปลกใจถ้าคนที่เล่นนาฬิกาจะหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของรูปลักษณ์การออกแบบที่สวยงดงามจับใจไร้ที่ติ ทั้งยังผสมผสานกับกลไกอันสลับซับซ้อนออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ อันเป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพในระดับสูงที่ปฏิเสธได้ยาก
ยิ่งไปกว่านั้นนาฬิกาแต่ละรุ่นยังมีเรื่องราวความพิเศษของประวัติศาสตร์ต้นกำเนิดและวิวัฒนาการตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้รายละเอียดต่าง ๆ ในส่วนประกอบของนาฬิกาแต่รุ่นมีความพิเศษที่ทำให้ผู้คนต่างประทับใจ นอกจากประวัติอันยาวนานของแบรนด์ นวัตกรรมที่สอดแทรกอยู่ภายในนาฬิกายังขึ้นชื่อเรื่องการเป็นเจ้าแรกที่คิดค้นเทคโนโลยีเหล่านั้นขึ้นมาอีกด้วย เรามาตาม Inzpy ไปดู 3 สุดยอดนวัตกรรมของ Rolex ที่ปฏิวัติวงการแห่งเรือนเวลาไปตลอดกาลไปพร้อมกันเลยค่ะ
Waterproof Case
ในปี 1920 ภายหลังจากที่ Hans Wilsdorf ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ตัดสินใจครั้งใหญ่ในการย้ายฐานการผลิตจากกรุงลอนดอน ไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็ได้ทำการจดทะเบียนแบรนด์ภายใต้ชื่อ “Montres Rolex S.A.,” ต่อจากนั้นทาง Rolex ก็เดินหน้าเต็มกำลังในการพัฒนานาฬิกาของตัวเองอย่างรวดเร็ว จนในปี 1926 นั้นเอง ที่แบรนด์สามารถผลิตนาฬิกาที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน
นับเป็นการเขย่าทั้งวงการเรือนเวลา รวมไปถึงเขย่าโลกให้สั่นสะเทือน ด้วยการเผยโฉมนาฬิการุ่น “Oyster” เป็นครั้งแรก อันเป็นจุดเริ่มต้นที่นำแบรนด์ไปสู่เส้นทางแห่งความยิ่งใหญ่ตลอดกาล เพราะนาฬิการุ่นนี้เป็นเรือนเวลาเรือนแรกที่สามารถกันน้ำได้ เป็นนวัตกรรมที่ตั้งใจพัฒนาความสวยงามคงทน ไปพร้อมกับการใช้งานได้แบบสมบุกสมบันครั้งแรกของโลกอย่างเป็นทางการ ในขณะที่นาฬิกาเจ้าอื่นในโลกยังมีความเปราะบางและกลไกบอกเวลาที่ไม่สามารถเทียบชั้นกันได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ที่บอกไปทั้งหมดไม่ใช่แค่คำกล่าวอ้าง หรือแค่การโม้แบบลอย ๆ เพราะได้มีการทดสอบประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นของนาฬิการุ่นนี้อย่างจริงจังหลายต่อหลายครั้ง ภายหลังจากที่ปล่อยนาฬิการุ่นนี้ออกมาได้ 1 ปี โดยเริ่มจากการที่ให้นักว่ายน้ำสาวชาวอังกฤษอย่าง Mercedes Gleitze สวมนาฬิการุ่น Oyster ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษด้วยระยะเวลายาวนานถึง 10 ชั่วโมงด้วยกัน ซึ่งหลังจากนั้นนาฬิกายังคงทำงานได้อย่างปกติสมบูรณ์ แบบไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนว่านวัตกรรมภายในนาฬิการุ่นนี้ก้าวล้ำไปไกลมากขนาดไหน
นอกจากการทดสอบครั้งแรกในปี 1933 ยังมีการทดสอบด้วยการบินสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์เพื่อทดสอบความทนทานบนอากาศ และในปี 1935 ยังมีการทดสอบนาฬิกาในโลกของการกีฬา การบิน การแข่งรถ และการสำรวจ และอีกหลายบริบท หลายแง่มุม เพื่อการันตีและพิสูจน์ความทนทานแข็งแกร่งของนาฬิการุ่นนี้ให้โลกได้ประจักษ์ ทำให้นาฬิการุ่น Oyster ปฏิวัติพลิกโฉมวงการแห่งเรือนเวลาไปตลอดกาลโดยปริยาย โดยในปัจจุบันนาฬิกาส่วนใหญ่ของแบรนด์ถูกพัฒนาและมีรากฐานมาจากนวัตกรรมความพิเศษเฉพาะตัวอันล้ำหน้าของรุ่น Oyster อันโดดเด่นนั่นเอง
Date on Dial
Datejust เป็นอีกหนึ่งนาฬิการุ่นไอคอนิก ที่สาวกตัวจริงของแบรนด์ต้องรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี เพราะต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นเรือนเวลา ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีรูปลักษณ์ที่แสดงถึงความหรูหราและล้ำสมัย นับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมล้ำหน้าที่ทางแบรนด์ได้สร้างมาตรฐานนาฬิการูปแบบใหม่ให้กับมนุษยชาติอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงคุณสมบัติเรื่องความทนทานอันเป็นเลิศแล้ว มาถึงปี 1945 ทางแบรนด์เลือกที่จะโฟกัสในการสร้างสรรค์เรือนเวลาที่สามารถบอกวันที่ไว้บนบริเวณหน้าปัดอันมีกลไกอันสลับซับซ้อนน่าทึ่ง แบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์
ตามที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้า แน่นอนว่านาฬิการุ่น Datejust ถูกพัฒนาและมีรากฐานมาจากรุ่น Oyster เช่นเดียวกัน โดยเรือนแรกในโลกมาพร้อมกับสายแบบ Jubilee ที่ถูกดีไซน์เป็นพิเศษเพื่อให้รองรับและสอดคล้องกับตัวเรือนเวลาแบบเซาะร่องอันเป็นดั่งซิกเนเจอร์ของนาฬิการุ่นนี้ นอกจากนั้นแล้วยังมีความพิเศษคือ การใช้วัสดุทองคำ 18k พร้อมส่วนประกอบเคสกันน้ำตามแบบฉบับ Oyster อีกด้วย
ซึ่งนับเป็นการออกแบบที่ได้ทำขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของแบรนด์ ถึงแม้ว่าในช่วงแรกนาฬิการุ่นนี้จะทำขึ้นมาเพื่อสุภาพบุรุษเท่านั้น ต่อมาภายหลังก็มีการออกแบบหน้าปัดหลากหลายขนาด เพิ่มรายละเอียดที่แตกต่างกันไปหลายแบบ รวมไปถึงการทำสายนาฬิกาออกมาให้เลือกถึง 3 รูปแบบ ที่ทำออกมารองรับความต้องการของสุภาพสตรีอีกด้วย ไม่น่าแปลกใจที่เรือนเวลารุ่นนี้กลายเป็นนาฬิกายอดนิยมเสมอมาจนถึงปัจจุบัน
Deeper Under The Sea
ถึงแม้ว่า Oyster จะเป็นนาฬิกากันน้ำรุ่นบุกเบิกระดับตำนานของแบรนด์ที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์ตามที่เราได้อธิบายไปในช่วงแรก แต่ก็เป็นเพียงคุณสมบัติการกันน้ำธรรมดา ที่ไม่ได้การันตีว่าจะสามารถใช้งานในลักษณะสมบุกสมบันได้ขนาดที่จะใส่ดำน้ำลึกได้หรือไม่ ซึ่งแบรนด์ที่เป็นดั่งผู้นำทางด้านนวัตกรรมของโลกแห่งเรือนเวลาจึงไม่หยุดพัฒนานาฬิกาของตนเอง
จนกระทั่งปี 1953 “Submariner” นาฬิกาดำน้ำเรือนแรกก็ได้เผยโฉมสู่สายตาชาวโลก โดย René-Paul Jeanneret ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของแบรนด์ผู้ชื่นชอบการดำน้ำ เป็นเบื้องหลังแรงผลักดันโปรเจกต์นี้ขึ้นมา ทำให้ในภายหลังแบรนด์ได้ค้นหานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดพัฒนานาฬิกาสำหรับทหารที่มีความคงทนสูงสุด เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างสรรค์เรือนเวลาสำหรับการดำน้ำที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
Submariner นับว่าเป็นนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกที่มีคุณสมบัติกันน้ำลึกได้ถึง 100 เมตร นอกจากสามารถกันน้ำได้แล้ว ยังมีขอบหน้าปัดที่สามารถหมุนเพื่อจับเวลาในการดำน้ำได้อีกด้วย ส่งผลให้เรือนเวลารุ่นนี้กลายเป็นรุ่นบุกเบิกที่ตอบโจทย์นักดำน้ำได้อย่างครบครัน ซึ่งความพิเศษเหล่านี้เองที่ทำให้วงการนาฬิกาต้องสะเทือนอีกครั้ง ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างชื่อเสียงและความสำเร็จของแบรนด์ในฐานะนาฬิกาดำน้ำอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในปัจจุบันนาฬิการุ่น Submariner ยังคงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยมีฟังก์ชันการทำงานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิม และทางแบรนด์ก็ยังคงพัฒนานวัตกรรมต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อคงความเป็นหนึ่งในวงการเรือนเวลา
หลังจากอ่านบทความนี้ นอกจากจะได้รับความรู้และรายละเอียดที่มาที่ไป ความเป็นมาของนวัตกรรมสุดล้ำของแบรนด์ แต่ละอันแล้ว หลายคนก็น่าจะได้ทราบแล้วว่า ความพิเศษของแบรนด์ไม่ได้มีเพียงความสวยงามหรูหราของนาฬิกาเท่านั้น แต่ยังแอบแฝงไปด้วยเทคนิค นวัตกรรม และกลไกอันซับซ้อนเฉพาะของแบรนด์ที่ไม่เหมือนใคร จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม Rolex จึงกลายเป็นสุดยอดแบรนด์นาฬิกาที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามอย่างเป็นอมตะเสมอมา วันนี้ Inzpy คงต้องลาไปก่อน อย่าลืมติดตามว่าคราวหน้าเราจะเอาสาระความบันเทิงในวงการแฟชั่นแบบไหนมาฝากทุกคนอีก รอติดตามเลยค่ะ