More

    5 ที่เที่ยวห้ามพลาด เมื่อมาถึง “บึงกาฬ” จังหวัดน้องใหม่ ประเทศไทย

    บึงกาฬจังหวัดน้องใหม่ลำดับที่ 77 ของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่แยกตัวออกมาจากจังหวัดหนองคาย ตั้งอยู่บนจุดเหนือสุดของแดนอีสาน

    วันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่เที่ยวเด็ด ๆในบึงกาฬที่หลายๆคนยังไม่ทราบ ขอบอกเลยว่าถ้าได้ลองไปแล้วรับรองว่าติดใจจนต้องมาซ้ำอย่างแน่นอน ไปเริ่มกันเล้ยยย

    หินสามวาฬ

    ถ้าพูดถึงหินสามวาฬแล้วหลาย ๆ คนอาจจะจำภาพกันได้จากละครช่องหนึ่งที่ไปถ่ายทำที่นี่ จนทำให้หินสามวาฬเป็นที่รู้จักและโด่งดังในสายตาของคอละคร และทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมา แต่ใครหลายๆคนอาจจะไม่ทราบว่า เจ้าหินที่รูปร่างคล้ายวาฬ 3 ตัวนี้ตั้งอยู่ที่ อ.ภูสิงห์ จ.บึงกาฬ ซึ่งนับเป็นจุดชมวิว ถ่ายรูปที่สวยงดงามและเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก นักท่องเที่ยวจะนิยมมาถ่ายรูปกันในช่วงเช้ายามพระอาทิตย์กำลังขึ้น ซึ่งเมื่อมองไปยังเบื้องล่างจะเห็นแนวป่าเข้าเขียวขจีโอบล้อมหินทั้ง 3 ก้อนนี้ไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าหินวาฬพ่อ แม่ ลูก 3 ตัว กำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเลสีเขียว เป็นภาพที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักกับสถานที่แห่งนี้

    การเดินทางก็ไม่ยากค่ะ จะมีรถจอดให้บริการอยู่บริเวณที่ทำการภูสิงห์ ตั้งแต่ 05.30-17.00 น. ค่าบริการไปกลับ 500 บาท/คัน (นั่งได้10 คน) ใช้เวลาในการเดินทาง 30-40 นาที 

    พิกัด : หินสามวาฬ

    จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ

    เป็นจุดชมวิวที่อยู่ในภูสิงค์ที่เดียวกับหินสามวาฬ เมื่อมาแล้วก็ควรแวะเป็นอย่างยิ่ง สามารถแจ้งรถรับจ้างให้แวะได้เลย บริเวณตรงนี้จะเป็นชะง่อนลานหินขนาดเล็กที่อยู่ริมหน้าผา มีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดต่าง ๆ กันไป นอกจากจะสวยงามแล้วยังมีความแปลกตาที่หาดูได้ยากอีกด้วย และเมื่อมองลงไปด้านล่างจะเห็นป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่สุดสายตา หากสังเกตุดีๆจุดนี้จะสามารถมองเห็นศาลากลางจังหวัดบึงกาฬได้อีกด้วย หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกแปลกใจกับชื่อของจุดชมวิวนี้ แต่ในภาษาอีสานนั้น คำว่าส้าง มีความหมายว่าหลุมหรือบ่อนั่นเอง 

    พิกัด :จุดชมวิวส้างร้อยบ่อ

    น้ำตกถ้ำพระ หรือ น้ำตกถ้ำพระภูวัว

    ตั้งอยู่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว อ.เซกา จ.บึงกาฬ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ที่ไหลพาดผ่านภูเขาหินทรายขนาดมหึมา ลงสู่เบื้องล่างจนเกิดเป็นแอ่งน้ำกว้างให้นักท่องเที่ยวได้เล่นคลายร้อนกันอย่างสดชื่น นอกจากนี้น้ำที่ไหลเซาะหินจนเป็นร่องน้ำเหมือนสไลด์เดอร์จากธรรมชาติ ถือเป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวพากันต่อคิวเล่นกันอย่างสนุกสนาน

    การเดินทางมาน้ำตกนั้นจะต้องนำรถจอดไว้ที่ท่าเรือ และนั่งเรือรับจ้างเข้าไป ค่าบริการท่านละ 20 บาท ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นก็เดินเท้าต่อไปยังตัวน้ำตก ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร 

    พิกัด : น้ำตกถ้ำพระ หรือ น้ำตกถ้ำพระภูวัว

    น้ำตกเจ็ดสี

    ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดบึงกาฬ เป็นน้ำตกที่แห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อในจังหวัดบึงกาฬ มีขนาดกว้างใหญ่ นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเล่นน้ำคลายร้อนกันที่นี่ น้ำตกแห่งนี้จะมีทั้งหมด 3 ชั้น ไฮไลท์ของความสวยงามจะอยู่ที่ชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นจุดบนสุดของน้ำตก โดยน้ำที่ไหลผ่านนั้นจะมาจากห้วยกระอามไหลผ่านหน้าผาหินลงมากระทบลานหินด้านล่างเกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งกระจาย ในตอนที่แดดส่องลงมากระทบละอองน้ำนั้นจะเกิดเป็นสีรุ้งสวยงาม จนได้ชื่อว่าน้ำตกเจ็ดสี บริเวณด้านหน้าทางเข้าน้ำตกจะติดกับวัดถ้ำบูชา ซึ่งจะมีอาหาร เครื่องดื่ม ห้องน้ำและที่จอดรถไว้ให้บริการ 

    พิกัด : น้ำตกเจ็ดสี 

    วัดภูทอกน้อย หรือ วัดเจติยาศรีวิหาร

    ตั้งอยู่ในเขตบ้านคำแคน อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ เป็นสถานที่เงียบสงบ เหมาะกับการบำเพ็ญสมณะธรรมของภิกษุ สามเณร และพุทธศาสนิกชนทั่วไป มีการก่อสร้างสะพานและบรรไดไม้รอบๆภูทอกเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินขึ้นไปชมวิว ซึ่งบรรไดและสะพานนี้จะมีทั้งหมด 7 ชั้นโดยที่ 3 ชั้นแรกจะเป็นลักษณะเหมือนขึ้นบันไดตรงทอดยาวขึ้นไป แหละหลังจากนั้นจะเป็นสะพานที่สร้างหมุนวนรอบตัวภูทอกเพื่อให้เห็นทัศนียภาพโดยรอบ แนะนำว่าควรออกกำลังกายขาไปให้พร้อมซักหน่อย ไม่เช่นนั้นอาจจะไปไม่ถึงจุดบนสุดของภูทอกก็เป็นได้ แต่เชื่อเถอะถ้ามาถึงแล้วต้องขึ้นไปให้สุด เพราะวิวที่ได้นั้นบอกเลยว่า มันคุ้ม!!! 

    การเดินทางก็ไม่ยากสามารถขับรถมาจอดไว้ในบริเวณวัดและเดินขึ้นได้เลย

    พิกัด : วัดภูทอกน้อย หรือ วัดเจติยาศรีวิหาร

    เป็นยังงัยกันบ้างคะ กับ 5 ที่เที่ยวที่แนะนำไป ถือว่าเป็นแค่ 5 สถานที่เรียกน้ำย่อยเท่านั้น ในโอกาศต่อไปจะมาเจาะลึกจังหวัดบึงกาฬกันให้ทะลุปรุโปร่งยิ่งขึ้นไปอีก รอติดตามนะคะ

    สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ คลิกเลย

    Related Post