สายออมเงินรู้ไหม? การ “ฝากเงิน” กับสหกรณ์ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคารมาก ๆ อาจมากถึง 3% ต่อปี ถือเป็นทางเลือก “เก็บเงิน” ที่น่าสนใจ แต่ก็มีเรื่องที่ต้องพิจารณา เนื่องใน วันสหกรณ์แห่งชาติ (26 กุมภาพันธ์ ของทุกปี) Inzpy จะชวนทุกคนรู้จักกับสหกรณ์ออมทรัพย์ และแชร์สิ่งที่ต้องรู้ ก่อน “ฝากเงินสหกรณ์” กัน
ในยุคดอกเบี้ยต่ำแบบนี้ จากที่ฝากออมทรัพย์ปกติได้ดอกเบี้ยแค่ปีละ 0.25% แต่สหกรณ์ออมทรัพย์กลับให้ดอกเบี้ยสูงถึง 2-3 % (แค่ฝากเฉย ๆ เองนะ) บางแห่งยังให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้บางตัวด้วย แถมดอกเบี้ยสหกรณ์ไม่ต้องเสียภาษีด้วย
ทำไมการสหกรณ์ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคารมาก ?
สหกรณ์ก็มีหน้าที่คล้าย ๆ ธนาคารนั่นแหละ คือ รวมเงินจากคนอื่นไปปล่อยกู้ ไปลงทุน แล้วนำผลตอบแทนที่ได้กลับสู่สมาชิกเป็นดอกเบี้ยเงินฝาก ให้คน “ฝากเงินสหกรณ์”
แต่สหกรณ์จะอยู่ในวงแคบ ๆ อย่างหน่วยงานที่เราทำงานหรืออาจจะประกอบอาชีพเดียวกัน เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานต่ำกว่าธนาคาร เพราะไม่ต้องจ่ายค่าเจ้าหน้าที่มาก หรือส่งเสริมด้านการตลาด
ดังนั้นสหกรณ์จึงมีค่าแฝงต่าง ๆ น้อย ส่วนต่างเหล่านี้จะทำให้ ดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก สำหรับสมาชิกคุ้มค่ายิ่งขึ้น = ผู้กู้ได้ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าทั่วไป และผู้ “ฝากเงิน” ก็จะได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารทั่วไปด้วย
3 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อน “ฝากเงินสหกรณ์”
-
ความสะดวกน้อยกว่า
การฝาก-ถอน : แม้การถอนเงินสำหรับบางแห่งจะสะดวกมากขึ้นแล้ว (คือผูกบัตร ATM ไว้กับบัญชีสหกรณ์) แต่ก็ยังสะดวกไม่เท่าธนาคาร และมักมีค่าธรรมเนียมการถอนด้วย
การเช็กยอด : “สหกรณ์” ไม่ได้มีสาขาอยู่ทั่วไป ส่งผลให้การอัปเดตสมุดบัญชีไม่สะดวกนัก ซึ่งเดี๋ยวนี้สหกรณ์หลายแห่งเขาก็ทำแอปฯ แล้วนะ สามารถเช็กยอดผ่านมือถือได้เลย แต่ก็ช้ากว่าธนาคารอยู่ดี
-
ข้อจำกัดการถอนเงิน
ฝากเงินสหกรณ์ ต้องดูดี ๆ บางแห่งต้องออกมาตรการจำกัดวงเงินการถอนต่อวัน, ต่อเดือน หรือจำกัดยอดสูงสุดที่สามารถถอนได้ อย่างผู้เขียนฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู มีจำกัดคือสามารถถอนได้เดือนละ 1 ครั้ง หากถอนเงินมากกว่า 5 หมื่นบาท ต้องมาทำเรื่องที่สหกรณ์เอาเอง
ซึ่งข้อนี้มีเหตุผลนะ เพราะช่วง พ.ค. 63 มีสหกรณ์ออมทรัพย์ที่มีการลงทุนในหุ้นกู้การบินไทย พอพบว่าหุ้นกู้การบินไทยมีความเสี่ยง สมาชิกก็แห่ไปถอนเงินเป็นจำนวนมาก สหกรณ์ก็เดือดร้อนสิ เพราะขาดสภาพคล่องอย่างแรง
-
ความเสี่ยงที่จะถูกสหกรณ์โกง/ล้มละลาย
เงินฝากสหกรณ์นั้นไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถถอนเงินได้ ผู้ฝากต้องดำเนินการเรียกร้องหรือฟ้องร้องเอง
ข้อสังเกต คือ สหกรณ์ใหญ่ที่มีระบบมานาน เช่นระดับกระทรวง ของภาครัฐ หรือของรัฐวิสาหกิจ จะมีเสี่ยงน้อย แค่ระดับกรม หรือเอกชน อาจเสี่ยงมาก เช่น กรณีโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น อันเกิดจากการดำเนินงานที่ไม่โปร่งใสของผู้บริหาร
โดยถ้าอยากรู้ว่า “สหกรณ์” ที่เราใช้อยู่โปร่งใสแค่ไหน? มีคนเบี้ยวหนี้เยอะไหม? มีแววล้มละลายหรือยัง? สมาชิกสามารถหาอ่านได้จากรายงานประจำปีของแต่ละสหกรณ์ แต่หากหน่วยงานไหนให้ผลตอบแทนสูงผิดปกติ แต่กลับไม่มีข้อจำกัดมาก ฝากเท่าไหร่ก็ได้ ขอให้ระแวงไว้ก่อน
จำไว้ว่ายิ่งผลตอบแทนสูงมาก ก็ยิ่งเสี่ยงมาก แม้แต่ “เงินฝาก” ก็ไว้ใจไม่ได้
เรียบเรียงข้อมูลจาก Wealth Me Up, Money Buffalo
บทความน่าสนใจ
