วันนี้ Inzpy จะมา รีวิว Top Gun : Maverick บอกเลยว่า กลับมาครั้งนี้พร้อมกับความยิ่งใหญ่ คือเอาจริง ๆ ตัวของผมเองก็ไมได้เกิดทันมนยุคนั้น แต่เชื่อว่า แฟน ๆ ที่รอคอยคงจะรู้สึก Hype มากแน่ ๆ เพราะการกลับมาครั้งนี้ เซอร์วิสแฟน ๆ แบบสุดชีวิต ส่วน Tom Criuse ยังคงคุณภาพ และทุ่มเทเหมือนเดิมครับ
รีวิว Top Gun : Maverick บอกเลย Hpye สุด ๆ
โคตะระจะ Hype เลยแม่เจ้า ชอบมากครับ เป็นหนังที่ดีที่สุด ตั้งแต่เข้าปี 2022 เลยครับ แต่แนะนำว่า อยากให้ดูภาคแรกก่อน สำหรับคนที่ทั้งเคยดู และไม่เคยดู แล้วออกากบ้านไปดูภาค 2 ต่อเลยทันที คุณจะอินกับสิ่งที่ผู้กำกับยัดเข้ามาในหนังเรื่องนี้แน่ ๆ
มันจะรู้สึก Hype แบบต่อเนื่อง “ทำไมฉากนี้ อุ๊ยฉากนั้น โอ้ ใช่มันใช่เลย แบบนี้” สำหรับแนวเครื่องบินรบแบบนี้ เอาจริง ๆ ถือว่าหายากนะ ซึ่งผมรู้สึกว่ามันสุดมาก ๆ ทำออกมาได้ดีมาก แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่า 36 ปี แต่ไม่รู้สึกเลยว่าหนังมันเก่า พี่ครูซ หน้ายังเหมือนตอนนั้น เหมือนถูกสตาฟฟ์ไว้
สำหรับสิ่งที่ Inzpy ชอบนะ คือ งานเพลง อย่างที่ได้เคยเขียนถึง อัลบั้มรวมเพลงเอาไว้ ซึ่งเปิดฉากแรกก็อัด Signature ของหนังอย่าง Danger Zone กันไปก่อนเลย เรียกว่า ขนลุกกราวววกันแน่ ๆ สำหรับใครที่คิดถึง Topgun ประมาณว่านี่คือ Ester Eggs จากภาคแรกเลยล่ะ
ต่อมาในเรื่องของฉากแอคชั่น ก็คงต้องบอกว่า ตามยุค ตามสมัยครับ ตอนนู้นนนน กับตอนนี้ มันต่างกันในทุก ๆ อย่าง วงการภาพยนตร์วิวัฒนาการมาไกล ซึ่งฉากแอคชั่นในภาคสองนี้ก็เช่นกัน อย่างฉากเครื่องยินรบ ที่มีมุมกล้องที่หลากหลายคือ สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่กระนั้นอาจจะ (อาจจะนะอาจจะ) ทำให้บางคนเวียนหัวไปสักหน่อย แต่ผมรู้สึกว่า มันทำออกมาให้เรารู้สึกเข้าถึงมันได้มาก ๆ เลยล่ะ
ต่อมาคือเรื่องของ แฟนเซอร์วิส มันยกจน เอ่อ.. ไปดูเองดีกว่าครับอันนี้ มันเยอะมาก ๆ เยอะแต่ไม่ล้น คือทุกอย่างมันลงตัว สมเหตุสมผล ซึ่งถูกปรับมาให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น อย่างเช่นฉากการขี่มอเตอร์ไซด์ของพระเอกงี้!
Topgun 2 เป็นหนัง blockbuster ที่มีความยาวกว่า 2 ชั่วโมง แต่การดำเนินเรื่องนั้นเพลินเลยครับ ไม่มีอะไรซับซ็อน แถมยังดึงดูดให้อยากดุต่อเรื่อย ๆ คือไม่มีความน่าเบื่อนั่นแหละถ้าจะอธิบายแบบง่ายที่สุด มีการเคลียร์ปมที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ภาคหนึ่งนั่นคือลูกของกู๊ส เพื่อนสนิทของพระเอก ก็ไปดูเอาครับว่า ปมมันอะไรยังไง แล้วเคลียร์กันเนี่ยมันจบดี หรือแย่กันแน่
จุดที่ดรอปของภาคนี้ก็มีนะครับ แต่มันไม่ถึงกับการทำให้หนังแย่อะไร ก็เรื่องของความรัก ที่หนังทุกเรื่องมักจะมีอะไรแบบนี้สอดแทรกอยู่ เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ เพียงแต่ว่า มันน้อยลงไป ตามวัย ตามอายุของพระเอกนั่นแหละครับ
ให้สรุปเลยสำหรับการ รีวิว Top Gun : Maverick นั้นคือ 10 เต็มไม่หัก คริสโตเฟอร์ แม็กควอร์รี เก็บรายละเอียดได้ดีมาก ๆ เลยนะ สำหรับสิ่งที่ผมบอกไปว่าเป็นการเซอร์วิสแฟน ๆ
โอเคตัวหนังอะไรต่าง ๆ มันมีฉากที่เป็นกิมมิค และภาพจำของภาคแรกอยู่พอสมควร แต่มันไม่ใช่การเอามาทั้งดุ้น มันคือการทำงานตามแปลนที่วางไว้ แต่ปรับนู่น แต่งนี่ ใส่ตรงนั้น ลดตรงนี้
จนสุดท้ายมันลงตัว อย่างฉากเปิดเรื่องสุดคลาสสิค กับฉากเรียกแขกยั่วน้ำลายสาว ๆ ที่เหล่านับบินถอดเสื้อโชว์กล้ามเล่นรักบี้กัน (ภาคแรกเล่นวอลเล่ย์บอล)
และที่บอกไปครับฉากแอคชั่นที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ถูกจริตของคนรุ่นใหม่ อัดจังหวะที่มันตื่นเต้นมากขึ้น ตัดต่อฉึบฉับมากขึ้นโดยยังคงความงามแบบเวอร์ ๆ ของเครื่องบินรบขับไล่กันกลางเวหาแบบภาคแรกไว้
โดยภาคนี้ได้ไอเดียบ้าแต่โคตรสร้างสรรค์ของ เคลาดิโอ มิแรนดา ผู้กำกับภาพของหนังที่มัดกล้อง 6 ตัวไว้ในห้องนักบินที่ให้ภาพสุดตื่นตาตื่นใจยากจะหาหนังเรื่องไหนถ่ายทอดความตื่นเต้นของการบินขับไล่ได้เท่าหนังเรื่องนี้อีกแล้ว ที่สำคัญฉากขับเครื่องบินกลางเวหา ป๋าครูซลงทุนแสดงเอง ขับเอง บินเอง แบบบินจริง ๆ นะ เพื่อความสมจริงที่สุดอีกต่างหาก
และไม่ใช่แค่บู๊เพราะความดราม่า การสนทนาที่ต้องเคลียร์ปมในใจ ก็ใส่เข้ามาได้ดี และมันดึงอารมณ์ของเราให้พักจากความตื่นเต้น เป็นความรู้สึกอึดอัด กระอั่กกระอ่วน (เพราะอินหนังนะ) ได้ดีจริง ๆ ครับ
เอาเป็นว่า Top Gun : Maverick ครบเครื่องสำหรับหนังแอคชั่น “โคตรดี” สักเรื่องที่ควรค่าแก่การไปดู และอย่างที่ผมบอกว่านี่คือหนังที่ดีที่สุดเรื่แงหนึ่งที่ได้ดูมาตั้งแต่เข้าปี 2022 นี้มาเลยครับ