แชร์เทคนิคแต่งตัวให้ปัง แค่แมตช์เสื้อผ้าให้ตรงกับสีผิว
หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่า ทำไมเสื้อผ้าสีสวยตัวเดียวกันแต่ต่างคนใส่ถึงให้ความรู้สึกที่แตกต่าง บางคนใส่แล้วดูดีมีออร่า ขณะที่บางคนใส่แล้วดูไม่สดใส หรือสีที่ดูแล้วว่าสวย แต่เมื่อมาอยู่กับเราดูไม่เข้ากัน จุดเริ่มต้นแห่งความสงสัยนี้ เริ่มขึ้นในช่วงทศวรรษ 1950 ศิลปินหญิง Suzanne Caygill สังเกตเห็นความสัมพันธ์ของสีผม สีตา และสีผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งมีผลต่อการใช้โทนสีในการแต่งหน้าและแต่งกาย จึงเริ่มบุกเบิกค้นหาคำตอบของสีที่เหมาะกับแต่ละบุคคลโดยใช้สีผสมน้ำแล้วปาดลงบนผิว เปรียบเทียบแต่ละโทนสี จนสามารถแยกแพทเทิร์นสีได้ ซึ่งเธอถ่ายทอดความรู้นี้ให้กับลูกศิษย์และพัฒนาเทคนิคเรื่อยมาจนกระทั่งกลายเป็นศาสตร์แห่งสีสันเฉพาะบุคคล (Personal Color) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
การวิเคราะห์โทนสีให้เหมาะกับสีผิวของตัวเอง นับเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้เราเลือกแมตช์เสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมไปถึงเครื่องสำอางได้ง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มออร่าให้กับผู้ที่สวมใส่ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่รู้ว่าตัวเรานั้นจัดอยู่ในกลุ่มโทนสีไหน ซึ่ง CC DOUBLE O (ซีซี ดับเบิล โอ) แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์อเมริกันแคชชวล ได้เชิญโค้ชดา- สุรดา มิตรประเสริฐพร ผู้เชี่ยวชาญเรื่องโทนสีจากสถาบัน The Image Signature Academy มาแนะนำเทคนิคการวิเคราะห์โทนสีผิว การเลือกสีเสื้อผ้าที่จะช่วยเพิ่มความเปล่งประกายให้กับตัวเอง
“Personal Color คือศาสตร์ของการสะท้อนของแสงและสีที่ตกกระทบลงบนสีของเสื้อผ้า แล้วสะท้อนขึ้นมาบนใบหน้า ถ้าสีของเสื้อผ้าที่สะท้อนขึ้นมาบนหน้าแล้วเป็นโทนสีที่เข้ากับผิวของเราก็จะทำให้หน้าดูสว่างขึ้น รวมถึงทำให้ริ้วรอย ร่องแก้ม ใต้ตา และเงาต่างๆ บนใบหน้าแลดูลดเลือนลงได้”
พร้อมทั้งแนะขั้นตอนการวิเคราะห์โทนสีผิวของตัวเอง ดังนี้
1. วิเคราะห์สีผิว
– เริ่มจากการวิเคราะห์ว่าเม็ดสีผิวของตัวเองเด่นไปที่โทนสีไหน โดยดูจากสีของเส้นเลือดบริเวณข้อมือ หากเป็นสีเขียวแสดงว่าคุณมีแนวโน้มโทนสีผิวแบบ Warm Tone หากเป็นสีม่วงหรือสีน้ำเงิน แสดงว่าคุณมีแนวโน้มโทนสีผิวแบบ Cool Tone
2. เลือกเสื้อผ้าสีที่เหมาะสม
– ไม่ว่าเราจะมีสีผิวเฉดไหน เราสามารถใส่เสื้อผ้าได้ทุกสี ขอแค่เลือกเฉดสีที่ถูกต้อง สำหรับ Warm Tone ให้เลือกเสื้อผ้าในโทนสีอบอุ่น สีที่ติดเหลือง ติดส้ม หรือประกายทอง ส่วน Cool Tone ให้เลือกเสื้อผ้าในโทนสีเย็น สีที่ติดอมชมพู ประกายคราม หรืออมม่วง เช่น สีเฉดชมพู ของ Warm Tone ก็จะเป็นชมพูอมพีช อมส้ม ถ้าสีเฉดชมพูของ Cool Tone ก็จะเป็นชมพูอมม่วง ชมพูบาร์บี้ ชมพูบานเย็น เป็นต้น
3. ทดลองและประเมิน
– ทดลองสวมเสื้อผ้าในโทนสีที่ตัวเองได้ แล้วให้สังเกตว่าใบหน้าของตัวเองดูสว่างขึ้นหรือไม่ รวมถึงริ้วรอยต่างๆ แลดูเบาลงหรือไม่ ก็จะทำให้คุณทราบถึงโทนสีผิวของตัวเองแบบเบื้องต้นได้อีกด้วย
เพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆ ก็จะทำให้คุณทราบถึงโทนสีผิวของตัวเองและเป็นเครื่องมือประจำตัว เนื่องจากเม็ดสีผิวของแต่ละคนไม่สามารถเปลี่ยนได้ ถึงแม้ผิวจะเข้มหรือสว่างขึ้น ก็จะยังคงอยู่ในเฉดของโทนเดิมไปตลอด
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจากแบรนด์ CC DOUBLE O และ ค้นหาโทนสีที่ใช่! จากเสื้อผ้าหลากสีหลายสไตล์ ได้ที่ www.ccdoubleo.com
บทความที่เกี่ยวข้อง
CC DOUBLE O ชวนอัปลุครับซัมเมอร์สดใสไปกับธีม “HAWAII CALLING”
เตรียมลุคพร้อมเดตฉลองวาเลนไทน์ไปกับ 8 แบรนด์ดัง
——-
ติดตาม Inzpy ได้ที่
Website:
https://inzpy.com/
Facebook:
https://www.facebook.com/inzpyth
Instagram:
https://www.instagram.com/inzpy.official
TikTok:
https://www.tiktok.com/@inzpy
Youtube:
https://www.youtube.com/c/Inzpy
ฝากกดฟอล กดไลก์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ