แชร์เทคนิคการเลือกเต็นท์ เลือกอย่างไรให้เหมาะสม
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก หลาย ๆ ท่านเอง ก็อาจจะกำลังเพิ่งเริ่มสนใจการท่องเที่ยวในแบบนี้ เรียกว่าเป็นมือใหม่ในวงการแคมป์ ซึ่งอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการท่องเที่ยวแบบนี้ก็คือ “เต็นท์” ซึ่งในวันนี้เราจะมา แชร์เทคนิคการเลือกเต็นท์ เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักส่วนประกอบพื้นฐานของเต็นท์กันก่อนค่ะว่า ประกอบไปด้วยส่วนไหนบ้าง
1.ภายในเต็นท์ (canopy or inner tent)
เต็นท์ชั้นในสุด เป็นพื้นที่สำหรับการนอนโดยเฉพาะ มักจะเป็นผ้ามุ้ง แยกส่วนจาก Flysheet ที่ถือว่าเป็นชั้นนอก (Outer)
2.ฟลายชีท (fly sheet)
เป็นผ้าคลุมชั้นนอก ที่คลุมส่วน Innert tent เอาไว้อีกที ซึ่งตัวฟลายชีทนั้นเปรียบเสมือนเป็นผ้าใบกันน้ำขนาดใหญ่ ช่วยในเรื่องป้องกันแดด กันน้ำค้าง และกันฝน
3.เสา หรือโครงเต็นท์ (pole)
เป็นส่วนโครงสร้างที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทำให้เต็นท์ตั้งขึ้นเป็นรูปร่าง วัสดุที่ใช้ทำเสาหรือโครงเต็นท์นั้นนอกจากจะต้องมีความแข็งแรงเป็นพิเศษแล้ว ก็ต้องมีความยืดหยุ่นอีกด้วย เพื่อป้องกันการแตกหรือหัก วัสดุที่นิยมนำมาทำโครงเต็นท์ คือ ไฟเบอร์ อะลูมิเนียม เป็นต้น
4.ผ้าปูพื้น (ground sheet / Foot Print )
เป็นผ้าปูรองพื้นเต็นท์ ช่วยป้องกันตัวเต็นท์จากการขูดขีดจากสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รากไม้ กิ่งไม้ หิน หรือแม้แต่แมลงต่าง ๆ ที่อาจจะกัดเจาะพื้นเต็นท์ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันน้ำ หรือความชื้น หรือน้ำที่จะซึมเข้าทางพื้นเต็นท์ รวมทั้งทำให้พื้นเต็นท์ของเราสะอาด ไม่เปื้อนคราบดินโคลน
5.สมอบก (peg) หรือหมุดตอกเต็นท์
เป็นส่วนที่จะช่วยขึงยึดเต็นท์ไว้กับพื้นดิน ยิ่งหากไปกางเต็นท์ในที่ที่มีลมแรง ยิ่งต้องมีการยึดสมอบกให้ถูกต้องและแน่นหนา ซึ่งสมอบกเองก็มีหลายแบบ ให้เลือกใช้ตามสภาพพื้นผิวต่าง ๆ เช่น
สมอบกรูปเข็ม เป็นสมอบกที่มักจะแถมมาพร้อมกับเต็นท์ ใช้ในพื้นที่เป็นดินทั่วไป
สมอบกรูปฉาก ใช้กับพื้นที่เป็นทราย
สมอบกรูปตัวไอ เป็นสมอบกที่ถูกพัฒนาให้มีด้านเสียดสีหลายด้านจึงทำให้ยึดเกาะได้ดีในเกือบทุกสภาพอากาศ
สมอบกแบบถุงผ้า เป็นสมอบกที่ใช้กับทรายเท่านั้น
สมอบกรูปตัว X เป็นวัสดุ 2 ชิ้นแบน ใช้กับพื้นทราย
เมื่อเราทำความรู้จักส่วนประกอบพื้นฐานของเต็นท์ไปแล้ว คราวนี้เราจะมาดูกันว่า เราจะเลือกเต็นท์อย่างไร ให้เหมาะกับตัวเอง ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
1.น้ำหนักของเต็นท์
ซึ่งจะต้องอ้างอิงกับรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวของเรา หากเราชอบการเดินทางในสถานที่ ที่รถยนต์สามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้ ก็สามารถเลือกเต็นท์ที่มีน้ำหนักมากแค่ไหนก็ได้ ตามความชอบ เพราะไม่มีปัญหากับการขนย้าย แต่หากเราเป็นนักท่องเที่ยวสายเดินป่า หรือสายขับมอเตอร์ไซค์เที่ยว สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงที่สุดก็คือ น้ำหนัก และขนาดของเต็นท์ เนื่องจากเรามีพื้นที่ในการขนค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะสายเดินป่า ที่จะต้องแบกเต็นท์ไปจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง
2.ขนาดของเต็นท์
เราจะเลือกขนาดของเต็นท์ โดยใช้จำนวนผู้ร่วมทริปมาเป็นเกณฑ์หลัก ว่าในแต่ละทริปของเรานั้น เราเน้นเดินทางคนเดียว เดินทางเป็นคู่ หรือไปเป็นแบบครอบครัว ซึ่งมีตัวเลือกให้ค่อนข้างหลากหลายเลยค่ะ ซึ่งเต็นท์ทุกตัวจะระบุอยู่ในคุณสมบัติอยู่แล้วว่า เป็นเต็นท์สำหรับนอนได้กี่ท่าน แต่แนะนำว่าหากสามารถขนย้ายได้ ไม่กังวลเรื่องน้ำหนัก ให้เลือกเต็นท์ที่กว้างกว่าจำนวนคนที่ใช้จริง เช่น นอน 2 ท่าน ควรเลือกเต็นท์ขนาด 3 ท่าน จะทำให้นอนได้สบายขึ้นไม่อึดอัด ที่สำคัญหากท่านเป็นคนรูปร่างใหญ่ หรือสูงมาก ๆ อย่าลืมดูในส่วนของขนาดความกว้าง ความยาว และความสูงของเต็นท์ให้พอดีกับขนาดตัวด้วยค่ะ
3.คุณสมบัติกันน้ำ
ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ไปกางเต็นท์ในช่วงหน้าฝนก็ตาม คุณสมบัตินี้ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อเต็นท์ เพราะในช่วงหน้าหนาวนั้น สิ่งที่จะเกิดกับเต็นท์ของคุณก็คือ น้ำค้าง นั่นเอง หากเต็นท์ของคุณไม่กันน้ำแล้วล่ะก็ รับรองว่านอนหนาวน้ำค้างรั่วอย่างแน่นอนค่ะ การจะดูว่าเต็นท์กันน้ำได้มากน้อยแค่ไหนนั้น เราสามารถดูได้จากค่าที่เรียกว่า Hydrostatic Head หรือตัวย่อ HH โดยค่านี้จะบอกเป็นหน่วย mm (มิลลิเมตร) ซึ่งเต็นท์ที่วางจำหน่ายโดยส่วนใหญ่จะมีค่ากันน้ำอยู่ที่ 1,000-3,000 mm ยิ่งค่าสูงยิ่งกันน้ำได้มาก
4.การระบายอากาศ
เป็นอีกคุณสมบัติหนึ่ง ที่ไม่ควรมองข้ามเลย ในการจะเลือกซื้อเต็นท์ซักหนึ่งหลัง โดยเฉพาะอากาศแบบร้อนชื้นของบ้านเรา เต็นท์ที่มีการระบายอากาศที่ดี ย่อมทำให้ภายในเต็นท์ไม่ร้อนมาก นอนสบายยิ่งขึ้น หากเลือกเต็นท์ที่มีการระบายอากาศได้ไม่ดี อากาศในเต็นท์ไม่ถ่ายเท นอกจากจะทำให้ร้อนแล้วยังจะทำให้อากาศมากลั่นตัวเป็นหยดน้ำเกาะอยู่ภายในเต็นท์อีกด้วย ในช่วงหน้าหนาว หรือหน้าฝน การกลั่นตัวของหยดน้ำจะมีความสำคัญมาก เพราะถึงแม้เต็นท์จะกันน้ำได้ดี แต่คุณอาจจะต้องนอนเปียกเพราะหยดน้ำภายในเต็นท์ที่ไม่สามารถระบายออกไปได้
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นที่เป็นข้อมูลหลัก ๆ ในการตัดสินใจเลือกซื้อเต็นท์แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญเช่นกัน และเราก็จะนำมาเขียนกันต่อในตอนถัดไป นั่นก็คือการเลือกซื้อเต็นท์จากประเภทของเต็นท์ ซึ่งเต็นท์นั้นมีอยู่หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์ทรงกระโจม เต็นท์ทรงอุโมงค์ เต็นท์แบบเคบิน เต็นท์ทรงพีระมิด เป็นต้น อย่าลืมติดตามอ่านกันนะคะ เมื่อเลือกเต็นท์ได้แล้วก็ไปซื้อเต็นท์กันค่ะ คลิก และหากใครยังหาที่กางเต็นท์ไม่ได้ ก็คลิกอ่านบทความนี้กันเลย แนะนำ 10 จุดกางเต็นท์หน้าหนาว ไม่ไปไม่ได้แล้ว!