9 สถานที่โดดเด่น ไป “เขาใหญ่” ต้องเช็กอิน… ให้โลกอิจฉา
“อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตตลอดปี โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ที่มองหาหาสถานที่ใกล้ๆ ไปชาร์จแบตเติมพลังในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็ไปชิลล์กับอากาศดีๆ และบรรยากาศของธรรมชาติสีเขียวได้อย่างเต็มที่ ซึ่งตลอดทางขึ้น เขาใหญ่ โดยเฉพาะหากขึ้นไปจากฝั่งปากช่อง นครราชสีมา มีหลายสถานที่น่าสนใจไปพัก และไม่ควรพลาดแวะไปเช็กอิน เติมความสุข สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด และเก็บภาพความประทับใจ ฟินได้ตลอดปี มีที่ไหนบ้าง ตาม 9 ลายแทงเด่นต้องเที่ยวมาได้เลย
1. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย และได้รับสมญานาม ว่าเป็นอุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน ตลอดจนเป็นที่ยอมรับทั่วไปว่า เป็นอุทยานแห่งชาติที่สำคัญของโลก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมานานหลายสิบปี เพราะนับเป็นแหล่งผลิตโอโซนสีเขียวขนาดใหญ่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สุด และเป็นต้นน้ำลำธารที่หล่อเลี้ยงชีวิตสัตว์ป่าหายาก ทั้งเก้ง กวาง ช้าง เสือ ไปจนถึงกระทิง ให้ได้พึ่งพิงอาศัย
การได้นั่งรถผ่านเส้นทางที่ร่มรื่น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ ได้ยินเสียงนก เสียงสัตว์ป่าน้อยใหญ่ส่งเสียงร้องทักทายผู้มาเยือน นับเป็นวิถีการท่องเที่ยวที่แสนจะสุขสำราญใจ แค่ได้ขับรถมองวิวข้างทางก็เพลินมากแล้ว ในขณะเดียวกันเราสามารถแวะท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิว น้ำตกเหวสุวัต ทุ่งหญ้าเขียวขจีระหว่างทาง ฯลฯ และยังมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น ล่องแก่ง ดูนก กางเต็นท์ค้างแรม หรือจะพักบ้านพักของอุทยานฯ สงบเงียบ สุดประทับใจ
อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ
ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
ที่ทำการ โทร.086-092-6527
ติดต่อบ้านพัก โทร. 086-092-6529
2. ฟาร์มโชคชัย
การได้มาเยือนเขาใหญ่อีกหนึ่งสถานที่ ถ้าไม่แวะมาฟาร์มโชคชัยก็เท่ากับมาไม่ถึง ฟาร์มแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งของฟาร์มโคนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย และยังเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ให้นั่งรถแทร็กเตอร์หรือรถม้าชมบรรยากาศโดยรอบฟาร์ม โดยจะมีเจ้าหน้าที่นำชมส่วนต่างๆ และมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวร่วมสนุกมากมาย เช่น เยี่ยมชมกระบวนการการผลิตน้ำนมดิบ ตั้งแต่การเลี้ยงโคนม การรีดนม รวมทั้งกิจกรรมขี่ม้า ชมฟาร์มม้า ฟาร์มสุนัขและการแสดงของสัตว์ ชมการแสดงคาวบอย ลองขี่ม้า รีดนมวัว ดูสุนัขต้อนแกะ พลาดไม่ได้กับสเต๊กขึ้นชื่อ ตลอดจนผลิตภัณฑ์นมแปรรูปทั้งไอศกรีม โยเกิร์ต ทอฟฟี่นม ฯลฯ ให้ซื้อติดมือกลับไปเป็นของฝากอีกด้วย
นอกจากกิจกรรมแสนเพลิดเพลิน สเต๊กโชคชัยอันเลื่องชื่อ และอาหารหลากเมนูแสนอร่อยแล้ว ที่นี่ยังมีห้องพักบูติกแคมป์ เป็นเต็นท์ติดแอร์สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนโดยการกลับสู่วิถีธรรมชาติ สร้างความแตกต่างจากรีสอร์ตอื่นๆ
เปิดบริการทุกวัน 09.30 – 16.30 น.
ค่าเข้าผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท (สูง 30 – 140 cm.)
3. ฟาวน์เท่น ทรี รีสอร์ท เขาใหญ่ (Fountain Tree Resort Khaoyai)
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในโซนเขาใหญ่ที่คึกคักตลอดปี เพราะมีกิจกรรมมากมายให้เล่น มีห้องประชุมสัมมนา ลานจัดเลี้ยง การแสดงคาวบอย วอร์กแรลลี่ 20 ฐาน และยังโดดเด่นด้วยที่พัก ที่แบ่งเป็นโซน สุพีเรีย เมืองคาวบอย แบบบูติก วิลล่า แบบเต้นท์ กระโจม แบบบ้านพัก ชวนอิ่มอร่อยในห้องอาหารสไตล์คันทรี่ และสนุกกับกิจกรรมสุดมันส์ 14 ชนิด เป็นสถานที่เหมาะทั้งการพักผ่อนส่วนตัว และยังมีการจัดงานท่องเที่ยวประจำปี ท่องเที่ยวเขาใหญ่ หรือจะมาจัดงาน Cowboy Night Party จัดประชุม จัดกิจกรรมวอล์กแรลลี่ ทีมบิลด์ดิ้ง ฝึกอบรมสัมมนา ค่ายฤดูร้อน ค่ายผจญภัย แอดเวนเจอร์ จัดค่ายเยาวชน ค่ายภาษา ค่ายนักศึกษา ค่ายเรียนรู้ กลุ่มฝึกอบรมพัฒนาองค์กร รองรับได้กว่า 500 คน ที่สำคัญยังมีมุมสวยๆ และมุมที่ท้าทาย ชวนถ่ายภาพประทับใจมากมาย โทร. 087-800-8158-9, 044-993-794-5
4. เขาใหญ่ฟาร์มวิลเลจ (Khao Yai Farm Village)
อีกหนึ่งสถานที่ผสมผสานความรู้ไปกับความสนุก เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรรูปแบบใหม่ เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือ Agrotourism โดยเน้นเกษตรแบบผสมผสาน พื้นที่กว่า 60 ไร่ถูกแบ่งสันปันส่วนสำหรับฟาร์มแกะ ฟาร์มกระต่าย ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ไปจนถึงศูนย์การเรียนรู้เชิงเกษตรที่นำเอาทฤษฎีเกษตรพอเพียงมาปรับใช้ โดยมีวิทยากรพาชมบริเวณโดยรอบพร้อมอธิบายทุกรายละเอียดกันแบบเจาะลึก ทั้งการเพาะเห็ด ที่เราจะได้รู้ถึงขั้นตอนการทำก้อนเห็ด วิธีการดูแล และการเก็บเห็ด เชื้อราต่างๆ ภายในเห็ด รวมถึงการปลูกพืชผักสวนครัว และผักเศรษฐกิจ
กล่าวคือ นอกจากจะปลูกกินเองแล้ว ยังสามารถจำหน่าย เป็นการสร้างรายได้ให้ครัวเรือน ที่นี่มีการเลี้ยงไส้เดือน ซึ่งมูลไส้เดือน สามารถนำไปใช้ทดแทนปุ๋ยสารเคมีที่ราคาแพง แต่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัยต่อต้นไม้ 100 % หลังจากรับความรู้เชิงเกษตรไปเรียบร้อยแล้ว ทุกคนสามารถร่วมกิจกรรมที่น่าสนใจได้ ไม่ว่าจะเป็น การปลูกผัก การทำก้อนเชื้อเห็ด การทำเทียนแฟนซี ฯลฯ โดยเราจะได้รู้ทุกขั้นตอน กระบวนการอย่างละเอียด และยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ด้วย สุดท้ายนี้ อย่าลืมแวะมา ฟาร์มแกะ ที่ทุกคนสามารถป้อนหญ้า ป้อนนมให้แกะที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ พร้อมถ่ายภาพกลับไปเป็นที่ระลึก
นอกจากนี้ ยังมีเวิร์กช็อปอื่นๆ อีกมากมาย ให้ผู้มาเยือนได้ลงมือปฏิบัติจริง เรียกว่าใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลย เหมาะที่จะพาเด็กๆ มาทำกิจกรรมแบบเอ้าต์ดอร์พร้อมเรียนรู้เรื่องวิถีการเกษตรแบบออร์แกนิคที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 100 บาท สามารถเที่ยวได้ทั้งฟาร์ม
เปิดทำการทุกวัน เวลา 8:30 – 17:30 น.
โทร. 087-800-8158-9, 093-319-0931-2
5. เขาใหญ่อาร์ตมิวเซียม (KhaoYai Art Museam)
หลายคนมักคิดว่า เขาใหญ่ คงมีแต่รีสอร์ต ไร่องุ่น ไร่ข้าวโพด และร้านอาหารเท่านั้น แท้จริงยังมีอีกหนึ่งเสน่ห์ของเขาใหญ่ นั่นคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย ที่สามารถแวะไปชมงานจิตรกรรม จัดแสดงในอาคาร หรือจะเดินชมผลงานประติมากรรมในสวน หรือจะแวะซื้อของที่ระลึกเก๋ๆ มีไอเดีย ติดมือก็ได้
“เขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียม” เป็นพิพิธภัณฑ์หอศิลป์ส่วนตัวของ พงษ์ชัย จินดาสุข ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้เก็บรวบรวมงานศิลปะของศิลปินชั้นนำทั่วประเทศไทย ที่คุณพงษ์ชัยสะสมไว้ บรรยากาศภายในสวน และในอาคารร่มรื่น สามารถเดินชมผลงานภาพวาด และงานประติมากรรมในบรรยากาศชิลล์ๆ ได้ตามอัธยาซัย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่แห่งความสุขที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทาง โดยเฉพาะคนที่รักการเสพศิลป์
เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 9:00 – 17:00 น.
โทร. 044-7596-060-6, 02-714-7929
6. สวนสัตว์โบนันซ่า (Bonanza Exotic Zoo)
หนึ่งในความพิเศษของอาณาจักร “โบนันซ่า เขาใหญ่” ได้จัดสรรพื้นที่กว่า100 ไร่ เปิดเป็น
“โบนันซ่า เอ็กโซติค ซู” สวนสัตว์โอบล้อมด้วยธรรมชาติและขุนเขา ที่นี่เราจะได้เยี่ยมชมสัตว์แปลกนานาชนิด ระยะทางเดินเป็นวงกลมรอบภูเขาขนาดเล็ก ประมาณ 700 เมตร เป็นสวนสัตว์ที่ดูกระทัดรัด สงบ ชวนเพลินกับสัตว์ที่หาชมยาก เป็นต้นว่า อัลปาก้า สัตว์หน้าคล้ายอูฐ ที่กำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ กับจุดเด่นของขนที่หนานุ่นและหลากสีสัน ลูกสิงโตขาว พบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและตื่นเต้นเมื่อครั้งหนึ่งในชีวิตเราจะมีสิทธ์ได้ป้อนนม และสัมผัสกับสัตว์ที่ได้ชื่อว่า “เจ้าป่า” อย่างใกล้ชิด แพนด้าแดง สัตว์ที่มีความน่ารัก แสนซน พร้อมกับลักษณะพิเศษ 3 ใน 1 นั่นคือ ลักษณะของแรคคูณ กระรอก และหมี มารวมเป็นตัวเดียวกัน และยังมีสัตว์อื่นๆ เช่น แพรี่ด๊อก, แรคคูนเผือก, ลิงกระรอก, ชะนี, รีเมอร์, นกแก้วซันคอนัวร์, วาลาบี้,กระรอกเวียดนาม, ลิงมาโมเสท ฯลฯ ล้วนแต่ชวนไปเช็กอินเซลฟี่กับสัตว์น่ารักเหล่านี้
ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 80 บาท (สูงไม่เกิน 100 cm.)
โทร.044-921-109
7. เดอะ เบิร์ดเดอร์ ลอดจ์ คาเฟ่ (The Birder’s Lodge Café)
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวหากมาเขาใหญ่ร้อยทั้งร้อยต่างมีโปรแกรมแวะมา คาเฟ่สุดเก๋เด่นด้วยดีไซน์ ตกแต่งน่ารักแห่งนี้ จนกล่าวได้ว่าใครมาเขาใหญ่ไม่ได้แวะ The Birder’s Lodge ซื้อกาแฟกดเช็กอินที่นี่ และแชร์ภาพให้โลกรู้ ถือว่าพลาด ถึงแม้ร้านจะไม่ใหญ่มาก แต่มีการจัดสรรพื้นที่ได้ดี มีที่นั่งหลายมุมสวยๆ ทั้งในร้านและเอ้าต์ดอร์ ภายในร้านจะเน้นสีครีม น้ำตาล และเขียว ด้านหลังยังมีที่พักสวยๆ สะดุดตาด้ายอาคารไม้ทรงแปลกตา เหมาะที่จะมาถ่ายภาพสวยๆ เป็นที่ระลึก เพราะมีมุมถ่ายภาพเก๋ๆ เยอะมาก
เวลาเปิด-ปิด : วันอาทิตย์-วันพฤหัส 8:30 – 17:00 น.
วันศุกร์-วันเสาร์ และวันหยุดยาว 8:30 – 20:00 น.
โทร. 081-645-4252
8. ไร่ทองสมบูรณ์คลับ (Thongsomboon Club)
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติ ล้อมรอบด้วยภูเขา และทุ่งหญ้าลูซี่ เราจะได้ได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก การมาเยือนที่นี่ จะทำให้รู้สึกว่าเวลาแห่งความสุขได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะบนเนื้อที่กว่า 300 ไร่ มีกิจกรรมแสนสนุกหลากหลาย ชวนเพลิดเพลินตลอดทั้งวัน เรียกว่ามาที่เดียวครบและคุ้ม ทั้งที่พัก ที่เที่ยว ที่กิน กิจกรรม น่าแวะมาเก็บความประทับใจในสไตล์คาวบอยกันได้ตลอดปี ไร่ทองสมบูรณ์คลับ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่ชอบความท้าทาย ชอบผจญภัยแบบเอ้าต์ดอร์ ทั้งนั่งกระเช้าลอยฟ้า บอลยักษ์ให้แทรกตัวเข้าไปอยู่ข้างในแล้วกลิ้งลงมาจากที่สูง ทั้งสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ หรือจะนั่งกระเช้าลอยฟ้าชมบรรยากาศ ภูเขา ทิวทัศน์ของทองสมบูรณ์ และแมกไม้นานาพรรณ
หรือจะนั่งรถจักรไอน้ำอายุกว่า 60 ปี ที่ยังมีวิ่งให้บริการแห่งเดียวในประเทศไทย นำชมเส้นทางธรรมชาติในทองสมบูรณ์คลับ หรือว่าจะล่องแก่ง, ขี่ม้า, ขับเอทีวี, โกคาร์ท, เล่น Flying Fox ฯลฯ ก็ตามสะดวก ค่าใช้จ่าย กิจกรรมละ 150 บาท ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ค่าเข้า+ค่านั่งรถลาก 50 บาท/ท่าน นอกจากนี้ ยังมีที่พักหลายรูปแบบไว้ให้บริการอีกด้วย อาทิ กระโจมอินเดียน, คาราวานเกวียน และแคมป์เปอร์ (ที่พักแบบรถเทรลเลอร์กลางแจ้ง) ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ สิ่งแวดล้อมที่ดี อากาศที่บริสุทธิ์ ที่จะช่วยเติมเต็มความสุขของท่าน ด้วนกลิ่นไอความเป็นคาวบอยตะวันตก โทร.093-326-6685
9. ไร่องุ่น ไวน์กราน-มอนเต้ (GranMonte Vineyard and Winery)
ไร่องุ่นไวน์ กราน-มอนเต้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร Agrotourism หรือ การท่องเที่ยวเชิงเกษตรไวน์ Oenotourism เรียกว่าเป็นการผสมผสานระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร และการปฏิบัติงานทางด้านการปลูกไวน์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยมีไร่องุ่นปลูกอยู่บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ที่นี่มีองุ่นหลายสายพันธุ์คัดสรรจากต่างประเทศ อาทิ Syrah, Cabernet Sauvignon, Chenin Blanc, Viognier, Verdelho โดยคัดเลือกสายพันธุ์ที่เข้ากับสภาพอากาศ และดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพื่อนำไปเป็นส่วนผสมหลักระดับพรีเมียมในการผลิตไวน์ของไร่กรามอนเต้ หลายคนมาที่นี่เพราะหลงใหลในรสชาติของไวน์ฝีมือ นิกกี้-วิสุดา โลหิตนาวี ทายาทเจ้าของไร่องุ่นแห่งนี้ที่มีดีกรีเป็นถึงไวน์เมกเกอร์หญิงคนแรกของเมืองไทย ด้วยการดูแลองุ่นทุกต้นอย่างพิถีพิถัน และกระบวนการทำไวน์ฉบับอินเตอร์ ทำให้ไวน์ของไร่นี้มีคาแร็กเตอร์พิเศษเฉพาะตัว จนหลายปีที่ผ่านมาไวน์ของ “กราน-มอนเต้” ได้ไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย จากการคว้ารางวัลในระดับโลกมาแล้วมากมาย
สำหรับใครที่สนใจเรื่องไวน์เป็นพิเศษ สามารถซื้อแพ็กเกจชมสวนองุ่น และร่วมเวิร์กช็อปชิมไวน์ หรือ Wine tasting ได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีร้าน Montino Shop ขายผลิตภัณฑ์จากไร่อย่างเช่น ไวน์และแยมไวน์องุ่น ฯลฯ รวมทั้งร้านอาหาร VinCotto ร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนบรรยากาศเยี่ยม ที่ซ่อนตัวอยู่ในไร่องุ่น และยังมีบริการห้องพักสุดหรู ถือว่าให้บริการครบทุกรูปแบบ ทั้งร้านอาหาร ที่พัก นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีเทศกาลเก็บเกี่ยวองุ่นประจำปี ช่วงต้นปี ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว จนต้องจองแพ็กเกจข้ามปีกันเลยทีเดียว ที่สำคัญเรื่องการบริการยังการันตีด้วย รางวัลชนะเลิศการบริการยอดเยี่ยมประจำปี ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปัจจุบัน จาก Tripadvisor เว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
ค่าเข้าชมไร่องุ่น และ Wine tasting เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ 330 บาท
แพคเกจสำหรับวันธรรมดา รวมเซ็ตอาหารกลางวันเริ่มต้นที่ 955 บาท วัน
เวลาเปิด – ปิด : วันธรรมดา 8:00 – 18:30 น. / เสาร์ – อาทิตย์ 8:00-19:30 น.
โทร. 044-009-543 หรือ 092-806-7755
นั่นคือ 9 สถานที่เด่นๆ โดยรอบเขาใหญ่ฝั่งปากช่อง นครราชสีมา ที่เหมาะแก่การแวะไปให้รางวัลตัวเอง และครอบครัว ได้เติมเต็มความสุข ฟินได้ตลอดปี ถ้าแวะไปแล้วอย่าลืมเช็กอิน แล้วแชร์ภาพให้โลกอิจฉากันล่ะ
_____
ติดตาม Inzpy ได้ที่
Website:
https://inzpy.com/travel/
Youtube:
https://www.youtube.com/c/Inzpy
Facebook:
https://www.facebook.com/inzpyth