แน่นอนว่าการเที่ยวทะเล เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำ รวมถึงนักท่องเที่ยว ที่อยากไปสัมผัสบรรยากาศชิล ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่สิ่งที่ควรระวังหากคุณต้องลงเล่นน้ำก็คือ สัตว์ทะเล ที่ มีพิษร้ายแรง อันตรายถึงชีวิต บอกเลยว่าไม่ควรเข้าใกล้เลยเด็ดขาด มีสัตว์ทะเลอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ
สัตว์ทะเล ที่ มีพิษร้ายแรง
1. แมงกะพรุน (Jellyfish) มีพิษร้ายแรง
แมงกะพรุน จะมีลักษณะคล้ายวุ้น ล่องลอยไปตามกระแสน้ำ และคลื่นลม กินแพลงค์ตอน ปลา และครัสเตเซียนเป็นอาหาร ความอันตรายของแมงกะพรุนจะอยู่ตรงหนวด และแขนงที่ยื่นออกมารอบปาก
หากใครที่โดนจะเกิดอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน เกิดเป็นรอยไหม้ บวมแดง เป็นแผลเรื้อรัง ขึ้นอยู่กับแมงกะพรุนแต่ละชนิด บางรายมีอาการจุกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก นอนไม่หลับ มีไข้ บางรายถึงขั้นเสียชีวิต โดยทั่วไปจะเรียกแมงกะพรุนที่มีพิษว่าแมงกะพรุนไฟ
หากบังเอิญโดนหนวดแมงกะพรุนโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้ใช้น้ำส้มสายชูล้างแผล หรือนำใบผักบุ้งทะเลไปบดแล้วพอกบริเวณที่สัมผัส จะช่วยให้บรรเทาอาการลงได้ หากอาการไม่ทุเลา หรือมีอาการรุนแรงควรรีบพบแพทย์
2. แมงดาไฟ หรือ เหรา (Horseshoe Crab)
แมงดาที่พบในทะเลไทยจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ แมงดาจาน และแมงดาถ้วย โดยส่วนใหญ่พิษแมงดามักจะพบในแมงดาถ้วย หรือแมงดาหางกลม ที่รู้จักกันในชื่อ แมงดาไฟ หรือ เหรา การเกิดพิษของแมงดานั้นจะมีมากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – กันยายน โดยสันนิษฐานว่า อาหารของแมงดาอย่างพวกหอย หรือหนอนที่กินแพลงค์ตอนที่มีพิษ ทำให้ในตัว และไข่ของแมงดามีพิษไปด้วย
หากมีการบริโภคแมงดาที่มีพิษเข้าไปเป็นจำนวนมาก (ถึงแม้จะปรุงสุกแล้วก็ตาม) จะทำให้มีอาการมึนงง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว ปากชาพูดไม่ได้ แขนขาอ่อนแรง กล้ามเนื้อไม่ทำงาน หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้
หากพบผู้ที่บริโภคแมงดาทะเลแล้วเป็นพิษต้องทำให้อาเจียน ควรรีบพบแพทย์ เพื่อทำการล้างท้องโดยเร็วที่สุด
3. หมึก (Cephalopod)
หมึกเป็นนักล่าชนิดหนึ่ง ที่สามารถเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว ลำตัวไม่มีเปลือก มีหนวดจำนวน 4 – 5 คู่ ใช้ปากในการขบเหยื่อ และหมึกที่พบว่าพิษ จะเป็นหมึกสายวง หรือที่คุ้นชื่อกันอย่าง Blue-ringed จะอาศัยอยู่ตามแนวปะการังของออสเตรเลีย แทบจะไม่ค่อยมีปรากฏในน่านน้ำไทย
หมึกเหล่านี้จะต่อมพิษที่สามารถทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เพียงแค่สัมผัสโดนตัวหมึกโดยตรงในขณะที่หมึกยังมีชีวิต
วิธีการรักษา หากมีการสัมผัสโดยบังเอิญ ควรรีบทำความสะอาดบาดแผล ใส่ยาฆ่าเชื้อ และรีบพบแพทย์
4. ปักเป้า (Puffer Fish) มีพิษร้ายแรง
ปลาปักเป้า เป็นปลาที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งเวลาที่มีอาการตกใจ มันจะป้องกันตัวด้วยการพองตัวเหมือนลูกบอล ผิวหนังที่ตึงจะทำให้หนามชี้เพื่อป้องกันตัว บางคนที่พบเจออาจจะรู้สึกว่าดูน่ารัก แต่เชื่อไหมว่าพิษของปักเป้าร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย พิษส่วนใหญ่จะอยู่ในไข่ ตับ ลำไส้ ผิวหนัง ส่วนเนื้อนั้นจะมีพิษน้อย
โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดอันตรายจากการบริโภค หากไม่มีความเชี่ยวชาญในการปรุงอาหารก็จะทำให้ร่างกายได้รับพิษ ทำให้มีอาการคัน แสบร้อนที่ผิวหนัง และตา คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน ขออ่อนแรง หรือเกิดอัมพาต กลืนลำบาก หัวใจเต้นเร็ว เจ็บแน่นหน้าอก ความดันเลือดสูง จนถึงขั้นหยุดหายใจ และเสียชีวิต
ปลาปักเป้าที่มีพิษได้แก่ ปักเป้าดำ ปักเป้าหนามทุเรียน การป้องกัน และรักษาที่ดีที่สุดคือ ไม่บริโภคปลาปักเป้า หากได้รับพิษแบบไม่รู้ตัว ต้องทำให้อาเจียน หรือให้ผู้ป่วยดื่มผงถ่านกัมมันต์ผสมน้ำ อัตรา 10 กรัม ต่อน้ำ 100 มล. เพื่อดูดซับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร และรีบพบแพทย์
5. ปลาสิงโต (Lionfish)
ปลาสิงโตเป็นปลาที่มีลักษณะมีคีบสวยงาม อาศัยอยู่ตามแนวปะการัง ว่ายน้ำเชื่องช้า พบเจอในทะเลแทบทุกแห่ง ส่วนที่อันตรายของปลาสิงโตคือ คีบแข็งที่มีขนาดยาวหลายเซนติเมตร สามารถทิ่มแทงเข้าสู่ผิวหนังของคนได้ มีต่อมพิษที่ทำให้มีอาการเจ็บปวดรุนแรง
อันตรายจากการโดนคีบปลาสิงโตจะทำให้รู้สึก ปวดทรมานแบบทุรนทุราย หากทิ่มลึกมากอาจทำให้เลือดไหลไม่หยุด
วิธีรักษาเบื้องต้น ตรวจดูว่ามีเงี่ยงพิษที่ยังติดอยู่หรือเปล่า หากมีให้ทำการเอาออก และห้ามเลือด พิษของเงี่ยงจะเป็นสารพวกโปรตีนละลายได้ในน้ำร้อน ดังนั้นควรแช่บาดแผลในน้ำร้อน ประมาณ 30 – 60 นาที หากมีอาการแพ้มากควรรีบพบแพทย์
6. ปลากะรังหัวโขน (Stonefish)
ปลากะรังหัวโขนจะมีลักษณะคล้ายกับปลาแมงป่อง มีหัวขนาดใหญ่ มักนอนสงบนิ่งอยู่ตามพื้นทะเล หรือตามกองหินด้วยผิวที่มีลักษณะพิเศษ บางทีแทบแยกไม่ออกเลยว่ามีปลาอยู่ตรงนั้น จนทำให้บางทีเผลอเหยียบ หรือเตะโดนได้โดยบังเอิญ
บาดแผลที่เกิดจากการเตะ หรือเหยียบโดยบังเอิญไม่เพียงแต่ทำให้เกิดบาดแผล แต่หากถูกคีบของปลาที่มีพิษร้ายแรงอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้นไม่ควรเหยียบหรือ เดินบนพื้นทะเลด้วยเท้าเปล่า นอกจากนี้ไม่ควรสัมผัสปลาโดยตรง
วิธีป้องกันคือ หากบังเอิญเหยียบเข้าให้รีบล้างแผล และดึงเศษคีบปลาออกให้หมด พิษของปลามีสารที่เป็นโปรตีนย่อยสลายในความร้อนเหมือนปลาสิงโต ดังนั้นควรแช่บาดแผลในน้ำร้อนประมาณ 30 – 60 นาที แล้วทานยาแก้อักเสบ หากอาหารไม่ทุเลา หรือเกิดอาการแพ้ให้รีบพบแพทย์
7. ปลากด หรือปลาดุก (Catfish)
ปลากด และปลาดุกทะเล มีลักษณะตัวเรียวยาว หัวค่อนข้างใหญ่ บริเวณคางมีหนวดที่ใช้ดมกลิ่นเหยื่อ และที่น่ากลัวคือ ปลาดุกจะมีเงี่ยงซึ่งมีต่อมพิษอยู่ด้วย มักจะอาศัยอยู่ตามโคลน หรือป่าชายเลน หากเดินด้วยเท้าเปล่าอาจจะโดนทิ่มแทง และเกิดบาดแผลได้
หากมีการเหยียบย่ำแล้วโดนคีบหลัง หรือเงี่ยงของปลา จะทำให้เกิดบาดแผล และรู้สึกปวดทรมานแบบทุรนทุราย หากคนที่มีอาการแพ้อาจจะทำให้เสียชีวิตได้
วิธีการรักษา หากมีบาดแผลที่เกิดจากคีบ หรือเงี่ยงปลาให้รีบทำการห้ามแผล ตรวจดูว่ายังเศษเงี่ยงปักอยู่หรือเปล่าให้นำออกให้หมด พิษของปลามีสารที่เป็นโปรตีนย่อยสลายได้ในความร้อน ดังนั้นควรแช่บาดแผลในน้ำร้อนเป็นเวลา 30 – 60 นาที หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์
8. งูทะเล (Sea Snake) มีพิษร้ายแรง
โอกาสในการเจอนั้นบางทีอาจจะดูน้อยนิด แต่ส่วนมักจะเจอสำหรับกลุ่มนักดำน้ำ เชื่อไหมว่างูทะเลนั้น มีพิษร้ายแรง กว่างูเห่ามากถึง 8 เท่า แต่งูทะเลมักจะมีปากที่เล็ก และปล่อยพิษออกมาได้น้อยมาก ๆ จึงไม่ค่อยเป็นอันตรายต่อคนที่ร่างกายแข็งแรง แต่สำหรับเด็กแล้วอาจจะทำให้เสียชีวิตได้เลย
พิษของงูจะส่งผลต่อระบบประสาท และกล้ามเนื้อ ทำให้ปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลภายในระยะเวลา 3 – 5 ชั่วโมง มีอาการหายใจติดขัด หรือส่งผลให้หัวใจล้มเหลวจนเสียชีวิตได้
วิธีรักษาเบื้องต้น หากมีผู้ถูกงูทะเลกัด ควรให้ผู้ป่วยนอนนิ่ง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้พิษไหลเวียนเข้าร่างกายเร็วเกินไป ให้ทำความสะอาดแผล และรีบนำส่งแพทย์ ในประเทศไทยยังไม่มีเซรุ่มสำหรับรักษาพิษจากงูทะเล แต่อาจใช้เซรุ่มสำหรับผู้ป่วยที่ถูกงูสามเหลี่ยมกัดแทนได้
หากไม่แน่ใจว่า สัตว์ทะเล ชนิดไหนอันตรายบ้าง ให้สังเกตไว้ก่อนเลยว่า สัตว์ที่มีสีสันฉูดฉาด เพราะส่วนใหญ่ความงดงามนี้มันเอาไว้ใช้ล่อเหยื่อเพื่อกินเป็นอาหาร ยิ่งสีสวยเท่าไหร่บอกเลยว่ายิ่งน่ากลัวค่ะ ควรระวังไว้จะดีกว่า
ถ้าได้ลองอ่านดูแล้วจะเห็นว่า ความงดงามในท้องทะเลบางทีก็อันตรายกว่าที่เราคิด เพราะฉะนั้นพยายามหลีกเลี่ยง หรืออยู่ให้ห่างไกลจะดีที่สุดค่ะ นอกจากจะเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดแล้ว ยังช่วยให้ระบบนิเวศไม่ถูกรบกวนด้วย ในทะเลยังมีอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ อะไรที่ดูสวยงาม สีสันสดใส แนะนำเลยว่าหนีไปให้เร็วที่สุด
_____
ติดตาม Inzpy ได้ที่
Website:
https://inzpy.com/travel/
Youtube:
https://www.youtube.com/c/Inzpy
Facebook:
https://www.facebook.com/inzpyth