รีวิวขึ้นภูกระดึง 2 วัน 1 คืน แบบละเอียดยิบ!! ตอนสุดท้าย จุดเที่ยวบนภูกระดึง
ต่อจากตอนที่แล้วที่เราพาร่างเดินผ่าเส้นทางอันหฤโหดกว่า 9 กิโลเมตร มาจนถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะมาแนะนำ จุดเที่ยวบนภูกระดึง กันค่ะ ต้องบอกก่อนว่า บนภูกระดึงนี้ ถ้าเราจะเที่ยวให้ครบทุกจุดควรที่จะนอนค้าง 2-3 คืนนะคะ ถึงจะเที่ยวได้ครบ เพราะแต่ละจุดนั้นค่อนข้างใช้เวลาเดินค่อนข้างมาก การเที่ยวด้านบนนี้จะ
ทำได้ 2 แบบค่ะ 1 คือ เดิน ๆ ๆ ๆ และแบบที่ 2 คือ เช่าจักรยานค่ะ
การเช่าจักรยาน
สำหรับการเช่าจักรยานนั้น มีให้เช่า 2 แบบ คือ จักรยานมีเกียร์(ล้อปกติ) ราคา 350 บาท ค่าธรรมเนียมอุทยาน 10 บาท รวม 360 บาท จักรยานล้อโต(Fat Bike) ราคา 400 บาท ค่าธรรมเนียมอุทยาน 10 บาท รวม 410 บาท แต่ต้องบอกก่อนว่า เส้นทางนั้นเป็นดินทรายนะคะ บางคนบอกว่าการเช่าจักรยานเป็นภาระ แต่บางคนก็บอกว่าสะดวกสบายกว่าเดิน ลองพิจารณากันดูค่ะ
สำหรับสายมีเวลาน้อย
นอนแค่ 1 คืน แถมเดินช้าเป็นเต่าแบบแกงค์เรา แม้ว่าจะขึ้นกันมาตั้งแต่ 7 โมงเช้า แต่ว่าจะถึง
กว่าจะเก็บของ กว่าจะทานข้าวเสร็จ ก็ปาไปเกือบบ่าย 3 โมงแล้วค่ะ ทำให้โปรแกรมวันนี้ไปได้แค่ ผาหมากดูก เพื่อดูพระอาทิตย์ตกค่ะ ให้เริ่มเดินออกจากจุดกางเต็นท์ตั้งแต่ช่วง 16.00-16.30 น. นะคะ จะไปถึงผาหมากดูกในเวลาพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี ระยะทางประมาณ 2.3 กิโลเมตรค่ะ เราใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาที
สำหรับสายโหด
โดยปกติถ้าขึ้นมาแต่เช้า แล้วถึงข้างบนไว ๆ ก็สามารถไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ผาหล่มสัก ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่เป็นไฮไลท์สุด ๆ ของที่นี่ได้ ระยะทาง 9 กิโลเมตร ไป-กลับก็ 18 กิโลเมตรค่ะ ซึ่งสายเต่าอย่างเราต้องขอยอมแพ้ ไปไม่ทันจริง ๆ ค่ะ
เมื่อชมพระอาทิตย์ตกเรียบร้อย เราก็เดินกลับจุดกางเต็นท์กันค่ะ แนะนำว่าตอนไปอย่าลืมพกไฟฉายไปด้วยนะคะ เพราะขากลับมืดแล้วค่ะ แต่มีเพื่อนเดินกลับเยอะแน่นอน เดินระวังด้วยนะคะ เพราะหลาย ๆ ท่านจะปั่นจักรยานมากันค่ะ เมื่อกลับถึงที่พัก ก็ได้เวลาอาหารค่ำของเราแล้วค่ะ
มาถึงภูกระดึง ถ้าไม่มาทานหมูกระทะ ก็เหมือนมาไม่ถึงนั่นแหละค่ะ หมูกระทะหอม ๆ ย่างมาร้อน ๆ ทานตอนอากาศเย็น ๆ เป็นอะไรที่ฟินสุด ๆ เลยค่ะ วันนี้เราเลือกทานกันที่ร้านสุขสันต์ ร้านที่เราเช่าเต็นท์นั่นแหละค่ะ ทุก ๆ ร้าน คน
เยอะมาก ๆ นะคะ เราสั่งหมูกระทะมา 1 ชุด ราคา 500 บาท ในเซ็ตก็จะมี หมูหมัก ไข่ไก่ ไส้กรอก ปูอัด เต้าหูปลา รวมมา 1 จานใหญ่ค่ะ แล้วก็เซ็ตผักกับวุ้นเส้น น้ำจิ้มคนละ 1 ขวดเล็ก เราทานกัน 3 คน อิ่มกำลังดีค่ะ รสชาติน้ำจิ้มติดหวานไปนิด แต่ก็อร่อยค่ะ
ระหว่างที่เราทานอาหารกันอยู่ ก็ได้เจอกับน้องกวาง ตัวบิ๊ก ๆ หนึ่งตัว ที่เดินมาแบบไม่กลัวนักท่องเที่ยวเลยค่ะ เหมือนมาเดินเล่นที่สวนหลังบ้าน หาอาหารทาน กวางที่ภูกระดึงนี่ฉลาดมาก ๆ นะคะ สามารถใช้ปากรูดซิปเต็นท์ได้ด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมเก็บของดี ๆ นะคะ ถ้ามีของอร่อยอยู่ในเต็นท์ โดนน้องขโมย จะหาว่าไม่เตือนน้าาาา
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเผชิญโลกแห่งความหนาวเย็นกันแล้วค่ะ ต้องอาบน้ำแล้ว ต้องบอกก่อนว่า จริง ๆ เราตั้งใจจะอาบแห้งนะคะ เตรียมทิชชู่อาบน้ำมา แต่สภาพเหงื่อในวันนี้นั้นนนน ยังงัยก็ต้องอาบค่ะ ก็เลยตัดสินใจ อาบ
น้ำอุ่นค่ะ ที่อาบน้ำอุ่นจะมีอยู่ 2 ร้านนะคะ คือร้านเจ๊กิม คนละ 80 บาท และร้านอมรรัตน์ 100 บาทค่ะ คนต่อคิวเยอะทุกร้าน
อาบน้ำเสร็จแล้วก็ได้เวลาเข้าเต็นท์นอน เพื่อเตรียมตัวตื่นแต่เช้า ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ สัญญาณเน็ตที่นี่จะถูกตัดช่วงประมาณ 4 ทุ่มนะคะ
สำหรับใครที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น เจ้าหน้าที่จะประกาศแจ้งเสียงตามสายว่า ต้องไปเจอกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเวลา 05.00 น. ค่ะ เราก็เตรียมตัวตื่นกันตั้งแต่ช่วง 04.30 น. ล้างหน้า แปรงฟัน แล้วเดินไปรวมกลุ่ม
กันที่จุดนัดพบ พอเวลาตี 5 เจ้าหน้าที่ก็เดินนำทางเพื่อไปยังจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ ระยะทาง 2.3 กิโลเมตร เราใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที ก็ถึงค่ะ เช้านี้ เราได้เห็นทะเลหมอกนิดหน่อยนะคะ อาจจะไม่ถึงกับโชคดีมาก ถึงมีทะเลหมอกน้อย แต่มันก็เป็นภาพที่สวยงาม ควรค่าแก่การตื่นเช้ามาดูมาก ๆ เลยค่ะ
พระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อย เราก็เดินทางกลับไปยังจุดบริการนักท่องเที่ยวกันค่ะ ระหว่างที่เดินทางกลับ ก็จะมีแยกให้ไปอ่างเก็บน้ำวังกวาง แนะนำว่าให้แวะไปก่อนกลับไปที่จุดกางเต็นท์นะคะ ถ่ายรูปที่นี่ช่วงเช้า จะได้วิวไอน้ำกำลังลอยเหนือผิวน้ำ กับแสงแดดอ่อน ๆ สวยงามมากค่ะ
ถ่ายรูปได้ 2 จุด เราก็เดินทางกลับไปยังจุดกางเต็นท์ ทานอาหารเช้า และเก็บสัมภาระกันค่ะ อาหารเช้ามีให้เลือกเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวต้ม โจ๊ก ไข่กระทะ น้ำเต้าหู้ โอวันติน ปาท่องโก๋ หรือใครอยากจัดหนักแต่เช้า พวกอาหารตามสั่งก็มีนะคะ เลือกทานกันได้ตามสบายเลยค่ะ ทานเสร็จแล้วก็ไปเก็บของค่ะ นำสัมภาระส่วนตัวที่จะฝากลูกหาบ ไปฝากกันตั้งแต่เช้าได้เลยนะคะ ส่วนเครื่องนอนที่เช่ามาก็นำไปคืนที่จุดรับ จากนั้นก็ไปเดินเที่ยวกันต่อค่ะ
เราคำนวนเวลาเดินแล้ว คิดว่าใช้เวลากันประมาณ 5-6 ชั่วโมง ซึ่งเราจองรถรอบ 19.00 น. เอาไว้ ขึ้นรถที่ผานกเค้า เผื่อเวลา นั่งรถไปที่ผานกเค้า เวลาอาบน้ำ และทานข้าวเย็น เราเลยเลือกที่จะลงกันตอน 11.00 น. ค่ะ ทำให้มีเวลาอีกเล็กน้อย จึงเดินไปเที่ยวที่น้ำตกวังกวาง ซึ่งห่างจากจุดกางเต็นท์แค่ 1 กิโลเมตร
เราลงมาถึงด้านล่างตอนเวลาประมาณ 16.30 น. ค่ะ รับสัมภาระเป็นคนสุดท้ายเลยค่ะ 555 เสร็จแล้วเราก็แบกกระเป๋าพร้อมกับร่างพัง ๆ ไปขึ้นรถสองแถว เพื่อไปอาบน้ำ รอขึ้นรถทัวร์กลับบ้านกันที่ร้านเจ๊กิมค่ะ ได้เวลาลาภูกระดึง
กลับไปสู้งานที่เรารักที่กรุงเทพฯแล้วค่ะ เราหลับตลอดทางเพราะความเหนื่อยล้า ตื่นมาอีกทีคือประมาณตี 2 กว่า ๆ ค่ะ รถมาถึงก่อนเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ป.ล.ขาลงของเรา เราเจ็บนิ้วเท้า และเหนื่อยกว่าขาขึ้นหลายเท่าเลยค่ะ เพราะตอนเรกเราใส่รองเท้าเดินป่า แบบปิดหมดทั้งเท้า เล็บนิ้วเท้ากระแทกกับรองเท้าตลอด แล้วก็ต้องเกร็งขาตลอดเวลาที่ลง พอเปลี่ยนมาเป็นรองเท้าที่เปิดหน้าเท้า ความเจ็บปลายนิ้วลดลงค่ะ แต่ก็เดินเตะเข้ากับรากไม้ไปอีก 5555 เพราะฉะนั้นจะเลือกรองเท้าแบบไหน รองพิจารณาดูนะคะ อัพเดตข่าวสารเพิ่มเติม คลิก
รีวิวขึ้นภูกระดึง 2 วัน 1 คืน แบบละเอียดยิบ!! ตอนที่ 1 ก่อนการเดินทางต้องจองอะไรบ้าง? คลิก
รีวิวขึ้นภูกระดึง 2 วัน 1 คืน แบบละเอียดยิบ!! ตอนที่ 2 เริ่มเดินทาง คลิก
รีวิวขึ้นภูกระดึง 2 วัน 1 คืน แบบละเอียดยิบ!! ตอนที่ 3 เดินขึ้นภูกระดึง คลิก