More

    ทริป เที่ยวกระบี่ แนวใหม่ ได้ไปนอน เกาะพีพี และ เกาะยาว

    หลายคนคงได้ไป เกาะพีพี เกาะยาว กันมาแล้วบ้าง โดยเรือจากภูเก็ต หรือเดย์ทริปจากกระบี่ แต่รอบนี้ขอแนะนำทริป เที่ยวกระบี่ แต่ได้นอนเกาะ 4 วัน 3 คืน แบบไปเองไม่สนใจใคร

     

    โดยเราเริ่มจากจองตั๋วแอร์เอเชียลงกระบี่ก่อนเลย ซึ่งช่วงที่ไปเป็นเดือนกรกฎาคม ค่าตั๋วเลยค่อนข้างถูก ช่วงโลว์ซีซัน อะไรมันก็สบายๆ แต่ต้องลุ้นหน่อยว่าจะเจอมรสุมรึป่าว คิดว่าทั้ง เกาะยาว และ เกาะพีพี ยังคงเที่ยวได้ทั้งปี เนื่องจากมีเกาะภูเก็ตบังลมไว้อยู่ มาเริ่มกันเลยค่ะ

    วันแรก

    เราเดินทางจากสนามบินดอนเมืองเข้าสู่สนามบินกระบี่ ถึงประมาณ 11 โมง วางแผนว่าจะไปท่าเรือท่าเลนทันเที่ยง แต่ด้วยความอยากประหยัดเลยจะหารถบัสหรือสองแถวจากสนามบินไป ปรากฏว่าในสนามบินไม่มี สุดท้ายต้องเรียกแท็กซี่ กระบี่ หรือ เมือท่องเที่ยวอื่นๆ ค่าแท็กซี่ก็จะแพงกว่าปกติ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว สุดท้ายเลยให้แวะกินข้าวเที่ยงที่ ร้านขนมจีนโกจ้อย ก่อน ไหนๆ ก็เลยเที่ยงแล้ว เลยให้พี่แท็กซี่แวะซื้อของเลย จากท่าเรือท่าเลน เรานั่งเรือเข้าเกาะยาวด้วยสปีดโบ๊ตประมาณเกือบชั่วโมง ไปขึ้นที่ ท่าเรือช่องหลาด (เกาะยาวใหญ่) ถึงช่องหลาดเราก็เช่ามอเตอร์ไซด์เลย จุดหมายแรกคือไป แหลมหาด ก่อนเลย อยู่ใกล้กับท่าเรือนิดเดียว เมื่อไปถึงพระอาทิตย์ยังไม่ตก แต่ทรายสวยมาก ฝั่งขวามองเห็นเกาะห้อง


    ออกจากแหลมหาด เราก็มุ่งสู่ที่พัก ลงเล่นสระ ซ้อมดำน้ำตื้น ฟรีไดร์ฟ สำหรับวันถัดไปที่จะไปเกาะพีพี ในส่วนของที่พักคือ ทิวสนรีสอร์ต  ก็จะมองเห็นเกาะห้องในอีกมุม
    เราทานอาหารทะเลกับคนดูแลแหลมหาดบาร์ ซึ่งของทะเลก็ซื้อมาจากกระชังปลาบริเวณท่าเรือช่องหลาดทั้งนั้น ไม่แพง และ สดสุดๆ ที่มาพร้อมกับบรรยกาศแบบนี้
    พระอาทิตย์ตกได้สักชั่วโมงก็เริ่มมืดแล้ว ที่สำคัญต้องขับมอเตอร์ไซด์กลับที่พัก เลยกลับไปต่อที่รีสอร์ตดีกว่า

    วันที่สอง

    ตื่นเช้ามาทานกาแฟ และอาหารเช้า ที่รีสอร์ต เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น คนเลยไม่เยอะ เหมือนติดเกาะเลย เราเลยขี่มอไซด์สำรวจเกาะรอบเกาะดีกว่า ลงใต้ของเกาะไปก็จะมี ท่าเรืออีกท่าซึ่งมีชุมชนอยู่ค่อนข้างหนาแน่น เพราะมีตลาดคนเดินด้วย แต่ช่วงนี้จะไม่ได้เปิด ถัดจากทิวสนรีสอร์ต ก็เห็นรีสอร์ตหรูหรามาก กำลังตกแต่ง คิดว่าจะเปิดบริการในอีกไม่นาน มองเห็นหมู่เกาะห้อง อย่างสวยเลย คือใครที่ต้องการความสงบ แบบติดเกาะให้มาติดที่ เกาะยาว นี้ จะมีความสุขมาก ธรรมชาติจริงๆ หรือข้ามไปเกาะยาวน้อยเที่ยวเล่นได้ มีโรงแรมระดับ 6 ดาว อยู่ คือ โรงแรมซิกเซ้นท์
    ส่วนเกาะยาวใหญ่จะเป็นธรรมชาติ คนท้องถิ่นเกือบทั้งร้อยเป็นคนมุสลิม อัธยาศัยดี มีร้านสะดวกซื้อ เซเว่นก็มี แต่ให้ดีเตรียมมาเป็นแพ็คดีกว่า เอาหล่ะได้เวลาไปเกาะพีพี

    เรามีเวลาเหลือชั่วโมงครึ่งก่อนเรือมารับช่องหลาด ไปเกาะพีพี เลยโทรหา บังหนีกระชังปลา ที่ท่าเรือช่องหลาด ให้มารับไปดูปลากระชังของแก เดินเล่น ถ่ายรูป มีทั้งปลา กุ้ง กั้ง ที่สำคัญ แกเลี้ยงกุ้งมังกรไว้ขายด้วย สดจริงๆ ใครไปก็ลงท่าเรือช่องหลาดแล้วซื้อเข้าไปทำ bbq เลย
    สักพัก เรือมาแล้ว ต้องรีบขึ้นท่า นั่งไปสักพักก็ยังไม่ออก เลยถามคนเรือ คือ ช่วงโลว์จะรอคนเข้ากระบี่ด้วยเลย เราเลยได้ทริปกระบี่แถมอีก 2 จุด คือหาดนพรัตน์ธารา กับ เกาะปอดะ แถวๆ ไร่เลย์
    และเข้าสู่ เกาะพีพี ที่ ท่าเรือต้นไทร  อย่างที่เห็นกันมา เกาะพีพี เป็นอ่าวโค้งเข้าหากัน 2 อ่าว ท่าเรือต้นไทร จอดฝั่งใต้ คนพลุกพล่าน เดินไปหน่อยก็เป็นถนนคนเดินอยู่ซ้ายขวา ถ้าเดินตรงไป ประมาณ 100 เมตร ก็จะเจอ อ่าวโล๊ะดาลัม ที่เงียบสงบ สวยงาม โรงแรมดีๆ สวยๆ จะอยู่ฝั่งนี้ มีกิจกรรมทางน้ำเล่น เราเดินมาสักพักก็เรียกเรือมารับไปเข้าที่พัก เนื่องจากทริปนี้เน้นที่จะฟรีไดร์ฟ หรือสกินไดร์ฟ เลยรีบเข้าที่พักซ้อมดำน้ำ ที่ เดอะโค๊ฟ บีช รีสอร์ท   ที่จองรีสอร์ทแห่งนี้เพราะเงียบสงบ ด้านหน้ามีกองหินไว้สำหรับซ้อมดำน้ำได้ดี รีสอร์ทนี้ยังถัดจากแหลมไวกิ้งมาอีกสักพักเลย เมื่อเข้าที่พักแล้วก็ซ้อมดำน้ำหน้าที่พักเลย มีแคนนูพายออกไปฟรีด้วย
    อาหารเย็นทานที่รีสอร์ท แบบสบายๆ เพื่อเตรียมพร้อมลุยสำหรับวันพรุ่งนี้

    วันที่สาม

    เนื่องจากรีสอร์ทต้องนั่งเรือมาด้านขวาของเกาะพีพี ทำให้ห่างไกลจากถนนคนเดิน เลยทำให้เราตื่นเช้ามาก มานั่งเล่นกับปูเสฉวน เพื่อรอกินข้าวเช้า หลังจากอาหารเช้าแล้ว เราก็เรียกเรือรีสอร์ท ไปที่ท่าเรือเลย
    จุดมุ่งหมายเช้านี้คือ พิชิตวิวพ้อยต์เกาะพีพี

    เราเดินผ่านถนนคนเดิน ลัดเลาะไปตามทาง จนถึงทางขึ้น ซึ่งต้องบอกว่าทางสบายกว่า วิวพ้อยต์หลายๆที่ที่ไป แต่ขึ้นไกลกว่า เมื่อขึ้นไปถึงแล้วจะมีร้านกาแฟให้นั่ง เก็บบรรยากาศยาวไปเลย เพราะเหงื่อท่วมตัวหมด แต่วิวก็สุดแสนที่จะบรรยายได้ ลงมาแล้วเราก็แวะ อ่าวโล๊ะดาลัม นั่งเล่นทราย อ่าวนี้สวย ทรายขาว โค้งเกือบกลม มีจุดทางออกอยู่ไกลๆ คล้ายๆ อ่าวมาหยา ที่กำลังจะไปดำน้ำบ่ายนี้ เราเก็บบรรยากาศแล้วก็เดินต่อสู่ถนนคนเดิน ด้วยเป็นคนชอบดำน้ำเลยแวะร้านดำน้ำบ่อยหน่อย สุดท้ายก็มาจบที่ร้านอาหารริมอ่าวต้นไทร เพื่อกินอาหารเที่ยง และเตรียมตัวกลับที่พัก เพราะจองทริปดำน้ำไว้
    ช่วงบ่ายเราได้ออกเรือ ไปจุดดำน้ำ 3-4 จุดที่เกาะพีพีเลย์ เริ่มจาก อ่าวลิง ที่ปกติลิงจะลงมาเล่นน้ำกับคน และได้ขึ้นอ่าวไปถ่ายรูปกับพวกมัน แต่บ่ายนี้ครึ่มฝนหน่อย มันเลยขึ้นไปด้านบน สุดท้ายเลยไม่ขึ้นเกาะดีกว่า
    ไปจุดต่อไปเลยคือ หน้าอ่าวมาหยา แต่ไม่สามารถขึ้นหาดได้ เนื่องจากช่วงที่ไปปิดอ่าวเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ ก็ได้ดำน้ำหน้าอ่าว แต่ที่เป็นไฮไลท์สุดๆเลยคือ ปิเละ ลากูน    สวยงามมาก ทั้งปะการัง ความใส สวย ของโลกใต้ทะเล
    ออกจากปิเละ ลากูน ยังมีเวลาก่อนพระอาทิตย์ตก เลยได้แวะดำน้ำ หน้าปิเละ ลากูน อีกไดร์ฟ ปรากฏว่า ได้เจอกับเจ้าฉลามหูดำเข้าให้ ว่ายตามมันไป จนได้ภาพมา
    หลังจากเต็มที่กับการดำน้ำแล้ว ไต๋เรือก็เรียก เพื่อจะกลับที่พัก เป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตก ทำให้วันนี้เป็นวันที่สมบูรณ์แบบมาก

    วันที่สี่

    วันสุดท้ายสำหรับทริปนี้ เราตื่นเช้ามาทานอาหารเช้าแล้วเตรียมตัวไปท่าเรือต้นไทรเลย เพราะไม่ได้จองออนไลน์ไว้เลยไม่แน่ใจว่าเรือมากี่โมง แต่มั่นใจได้ว่าเรือจากเกาะพีพี มีออกไปทั้งกระบี่ และภูเก็ตแน่นอน
    ถึงท่าเรือต้นไทรก็หาตั๋วเรือเลย เป็นเรือเฟอร์รี่ใหญ่ของ ลมพระยา   ซื้อตรงท่าเรือเลย เช็คไปมาถูกกว่าออนไลน์อีก แต่การเดินทางแบบนี้ถ้าเป็นหน้าไฮ จองไว้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ได้กลับ
    เรือมีเกือบทุกชั่วโมง เข้าฝั่ง เรานั่งกลับกระบี่มาลงท่าเรือคงคา ซึ่งอยู่ใกล้เมืองกระบี่มากที่สุด เพราะไม่ได้อยู่กระบี่ต่อ เลยไม่ได้ไปอ่าวนาง มาลง ท่าเรือคงคา   เที่ยวเล่นในเมือง มีร้านอาหารมากมาย จุดหลักๆ ก็คือ ลานปูดำ     ที่มีร้านอาหารทะเลอยร่อยๆหลายร้าน ช่วงเย็นๆก็มีถนนคนเดินด้วย  แต่เวลาเรายังเหลืออยู่หลายชั่วโมง ถ้าเข้าไปอ่าวนาง หรือสระมรกต ก็เสียเวลามาก เราเลยจ้างเรือหางยาวแถวอนุสาวรีย์ปูดำนี่แหละ ให้พาไปเที่ยว เขาขนาบน้ำ

    หาร้านลับในร่องน้ำป่าโกงกางแห่งนี้ พี่คนขับเรือก็จัดเลย พาไปถ้ำ ที่มุ่งหน้าไปเขาขนาบน้ำ ตามข้อมูลบอกว่าถ้ำนี้เป็นถ้ำพญานาคด้วย ก็สนุกดีนะ เดินเล่นสักชั่วโมงก็ขึ้นเรือไปร้าน มะหญิง  ซึ่งมุดเข้าไปด้านในอีก มีแพ กระชังปลามง เก๋ายักษ์ ให้ดูด้วย อาหารและบรรยากาศใให้เต็มเลย
    ออกจากร้านมะหญิง รีบขึ้นฝั่ง เรียกรถเข้าสนามบินจัดการกับของฝากในสนามบิน รอการเรียกขึ้นเครื่อง

    สนนราคาทริปนี้ 2 คน รวมค่าโรงแรม 3 คืน ค่าเครื่องบิน ไป – กลับ ค่าเรือ 7 จุด ค่าดำน้ำ ดูพระอาทิตย์ตก ค่ารถแท็กซี่ และ รถมอเตอร์ไซด์ และค่าอาหาร แล้ว 14,860 บาท ตกแล้วคนละ 7,430 บาท เท่านั้น  ใครสายลุยแบ็คแพ็คกันไปเลย รับรองความสนุกคุ้มค่ามาก

    9 เกาะ อ่าวแสมสาร แหล่งรวมความสุขของครอบครัว คลิกเลย

    Related Post