สำหรับเดือนพฤษภาคมนี้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ “รีเจ้นท์ โฮม วุฒากาศ” ห่างจากบีทีเอสสถานีวุฒากาศเพียง 180 เมตร ขนาด 1 ห้องนอน 26 ตารางเมตร ทุกชั้นราคาเดียว 1.2 ล้านบาท
“รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์” เจ้าตลาดคอนโดฯราคาคุ้มค่า ไม่หวั่นผลกระทบเศรษฐกิจซบเซาจากวิกฤติโควิด-19
ประเดิมปีเสือเปิดตัว “รีเจ้นท์โฮม บางนา” มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท กระแสตอบรับแรงเกินคาด ทำยอดขายได้กว่า 70% หลังเปิดพรีเซลแค่ 2 เดือน
นางสาวปรารถนา อยู่ภักดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัทรีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ “รีเจ้นท์ โฮม บางนา” เป็นอาคารไฮไรส์สูง 32 ชั้น ทั้งหมด 4 อาคาร จำนวนห้องชุดรวม 5,000 ยูนิต ขนาด 1 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตร มูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท
ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าทั้งซื้อ เพื่ออยู่อาศัยเองและซื้อเพื่อลงทุนเข้ามาจับจองห้องชุดไปแล้วกว่า 60-70% ภายในเวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทคาดการณ์ไว้และสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในช่วงซบเซาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 และตลาดคอนโดฯที่อยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่องมา 2-3 ปีแล้ว
ดังนั้นในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ บริษัทฯเตรียมเปิดตัวคอนโดฯ โครงการใหม่เพิ่มอีก 1 โครงการ คือ โครงการ รีเจ้นท์ โฮม วุฒากาศ มูลค่าโครงการกว่า 3,700 ล้านบาท พัฒนาเป็นคอนโดฯไฮไรส์ 2 อาคาร สูง 37 ชั้นจำนวน 1,933 ยูนิต และสูง 38 ชั้นจำนวน 1,165 ยูนิต รวม 3,098 ยูนิต และร้านค้า 18 ยูนิต ราคาขาย 1.2 ล้านบาททุกยูนิต หรือเฉลี่ยตารางเมตรละกว่า 46,000 บาทเท่านั้นออกแบบเป็นห้องชุดขนาด 1 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอย 26 ตารางเมตร
ที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนวุฒากาศ โดยอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีวุฒากาศเพียง 180 เมตรเท่านั้น
การเดินทางโดยรถไฟฟ้าเพียง 15 นาทีถึงสีลม, สาทร ย่าน CBD ซึ่งเป็นแหล่งธุรกิจและมีบริษัทชั้นนำมากมาย
นอกจากนี้ยังมีสถานศึกษาชั้นนำหลายแห่ง โครงการฯจึงน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของคนเมือง ที่ใช้เวลาเร่งรีบได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งโครงการฯใกล้กับตลาดพลูและห้างเดอะมอลล์ ท่าพระ สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางหว้า และรถไฟฟ้า สายสีทอง สถานีกรุงธนบุรีได้สะดวก นอกจากนี้ยังเดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวกเพราะถนนวุฒากาศสามารถเดินทางเชื่อมต่อกับ ถนนราชพฤกษ์ กัลปพฤกษ์ กาญจนาภิเษก และเพชรเกษม ได้ด้วย
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการฯ มีทั้ง Garden jogging track สำหรับออกกำลังกายใกล้ชิดธรรมชาติ,Energetic Fitness ที่มีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน รวมถึงสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ Co-working space สำหรับนั่งทำงานและพักผ่อน และห้อง Meeting Room สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ 02-4655477-8 หรือลงทะเบียนได้ทาง www.rgp.co.th
“ในฐานะที่เป็นเจเนอเรชันรุ่น 2 ของกลุ่มรีเจ้นท์ฯที่เข้ามาบริหารร่วมกับคุณ “นิรัตน์ อยู่ภักดี” คุณพ่อผู้ได้บุกเบิกตลาดคอนโดฯบีโอไอมากว่า 30 ปี ภายใต้แบรนด์ “รีเจ้นท์ โฮม” ได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์และฟังก์ชันใช้สอยภายในห้องชุดให้สอดรับและตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่มากขึ้น
รวมถึงการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยของพื้นที่ส่วนกลางให้มากขึ้น เช่น พื้นที่ Co-working Space เพื่อรองรับการทำงานของลูกค้าที่ทำงานแบบ Work from Home พื้นที่สวนส่วนกลางและ jogging track ส่วนลิฟต์โดยสารก็เลือกใช้ของโอทีส หรือยี่ ห้ออื่นที่เทียบเท่า สุขภัณฑ์ในห้องน้ำเป็นของเฮเฟเล่ เป็นต้น”
สำหรับจุดเด่นที่ทำให้คอนโดฯ “รีเจ้นท์ โฮม” ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า นางสาวปรารถนากล่าวว่า ห้องชุดของแบรนด์รีเจ้นท์เป็นราคาที่จับต้องได้ ซึ่งเมื่อเทียบราคาขายต่อตารางเมตรกับโครงการอื่นที่อยู่ในรัศมีเดียวกันถือว่าคุ้มค่า อยู่เองราคาค่าผ่อนก็ใกล้เคียงกับราคาค่าเช่าอพาร์ทเม้นท์ โดยเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 5-6 พันบาทเท่านั้น โดยห้องชุดทุกชั้นทุกยูนิตเปิดขายราคาเดียว 1.2 ล้านบาทเท่านั้น
นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทรีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่าในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างมาก ทำให้มีห้องชุดเหลือขายอยู่ในตลาดกรุงเทพฯ ประมาณ 4-5 หมื่นยูนิต
ขณะที่ราคาสินค้าที่เหลือขายอยู่ในตลาดเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้กลุ่มคนซื้อที่เป็นคนรุ่นใหม่และเรียนจบใหม่ไม่สามารถซื้อได้ จึงเป็นโอกาสของกลุ่มรีเจ้นท์ฯ ที่พัฒนาคอนโดฯ บีโอไอขายในราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อยูนิตสามารถตอบโจทย์และรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ปกครองที่ต้องหาซื้อที่อยู่อาศัยให้กับบุตรหลานของตัวเองได้พักอาศัยในช่วงที่เริ่มต้นทำงานใหม่ ทำให้โครงการของรีเจ้นท์จะมีลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ 20% เพราะในแต่ละปีจะมีนักศึกษาจบใหม่ทั่วประเทศเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ประมาณ 1 แสนคน รวมถึงกลุ่มข้าราชการวัยเกษียณที่นำเงินออมมาซื้อคอนโดฯ เพื่อลงทุนแทนการนำเงินไปฝากธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารของรัฐเพราะได้รับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทตั้งเป้าที่จะพัฒนาคอนโดฯ ใหม่ ปีละ 10,000 ยูนิต โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทวางแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 2-3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรีเจ้นท์โฮม ประชาชื่น, โครงการรีชพหลโยธิน 52 เฟส 2 ราคาขายต่ำกว่า 1 ล้านบาท และโครงการเทอร่า เรสซิเดนซ์ เฟส 2 อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต
แผนที่
https://goo.gl/maps/PELsY9rCw8SCmRiJ6
อัปเดตคอนเทนต์ใหม่ ๆ ทาง LINE ฟรี
Add friend ที่ ID : @inzpy (มี@นำ)