มัดรวม วิธีการดูแลแมวในแต่ละช่วงวัย
ต้องยอมรับว่าแมวที่เคยเป็นสัตว์เลี้ยง ปัจจุบันได้กลายเป็นเสมือนหนึ่งในสมาชิกครอบครัว ที่ผู้เป็นเจ้าของพร้อมจะเลือก และลงทุนจัดหาในสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่น้อง ทว่าทุกวันนี้ ในท้องตลาดมีอาหารแมวค่อนข้างหลากหลาย ทำให้บางคนอาจไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไร
และหากอ้างอิงจากสัตวแพทย์ หนึ่งสิ่งที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรคำนึงถึงเป็นประการแรก นั่นก็คือการเลือกอาหารแมวที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ที่สำคัญต้องสมดุลและเหมาะสมกับวัยของน้องนั่นเอง
นอกจากนี้งานวิจัยของ National Research Council of the National Academies หรือสถาบันวิจัยแห่งสหรัฐอเมริกาได้กล่าวว่า คุณค่าทางโภชนาการของแมวแต่ละตัวขึ้นอยู่กับขนาด และช่วงอายุของน้อง ซึ่งสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 3 ช่วงวัย ดังนี้
ช่วงวัยเด็ก
สำหรับในช่วงไม่กี่เดือนแรกของน้อง ถือเป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุด เพราะเจ้าของสัตว์เลี้ยงควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย และเหมาะสม เพื่อให้แม่แมวสามารถดูแลลูก และเอื้อต่อการสำรวจโลกของแมวน้อย เพราะในช่วงนี้ลูกแมวจะเริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมของตน อีกทั้งมีพัฒนาการทางด้านการรับรู้ และสัญชาตญาณเอาตัวรอด
และอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่สุดคืออาหารการกินของลูกแมว ในช่วงที่ลูกแมวเพิ่งคลอดนั้น นมจากแม่แมวเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกแมว เนื่องจากในแม่แมวจะมีโคลอสตรุม ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับเสริมระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญในการปกป้องแมวจากโรคต่าง ๆ และช่วยในระบบการย่อยอาหาร
แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ 3-4 ของน้องแมว เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถเริ่มให้ลูกแมวหย่านมได้ โดยเจ้าของอาจค่อย ๆ เปลี่ยนอาหารจากนมแม่เป็นอาหารแมวตามท้องตลาด ในช่วงแรกเจ้าของควรเริ่มด้วยการผสมน้ำในอัตรา 1 ส่วน / อาหาร 3 ส่วน หลังจากที่ลูกแมวเริ่มคุ้นชินเจ้าของสามารถค่อย ๆ เพิ่มปริมาณอาหารได้ที่ละ 1-2 ช้อนชา
และเมื่อแมวครบ 3 เดือนแล้ว แมวจะเริ่มมีพัฒนาการอื่น ๆ ที่มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น และฟันแท้ที่ขึ้นมาเกือบครบชุด
ช่วงวัยผู้ใหญ่
สำหรับแมวที่อายุครบ 1 ปี นับว่าเป็นแมวที่โตเต็มวัย ในช่วง 1-2 ปีแรกนั้น แมวมักจะมีพลังงานที่เปี่ยมล้น เขาจึงจะซุกซนและแอ็กทีฟอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งแสดงอาหารไม่พึงประสงค์ อาทิ การฉี่เพื่อสร้างอาณาเขต การทำลายข้าวของหรือเฟอร์นิเจอร์ และมักติดนิสัยเอาแต่ใจ
ทั้งนี้ อาการทั้งหมดจะหายไป เมื่อแมวมีอายุ 3 ปี เพราะเป็นช่วงที่แมวจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว พลังงานเขาจะเริ่มลดลง ในช่วงวัยนี้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรให้อาหารที่ปริมาณโปรตีนที่สูง และมีสารอาหารที่จำเป็น อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โอเมก้า-6 สังกะสี วิตามินเอ และทอรีน ที่จะช่วงเสริมการพัฒนาของกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อในร่างกายเพื่อให้การทำงานของอวัยวะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยบำรุงให้แมวมีผิวหนังและขนที่สุขภาพดี ส่งเสริมการย่อยอาหาร อีกทั้งให้พลังงานที่เพียงพอ และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่แอ็กทีฟของแมว
นอกจากนี้ หนึ่งในปัญหาที่แมววัย 2-5 ปีมักประสบคือ โรคระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่างในแมว (Feline lower urinary tract disease หรือ FLUTD) เป็นความผิดปกติส่วนกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคดังกล่าว เจ้าของแมวควรให้แมวดื่มน้ำดื่มที่สะอาดในปริมาณที่เพียงพอเพื่อไม่ให้น้องอยู่ภาวะขาดน้ำ
แต่หากน้องไม่ชอบดื่มน้ำ เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถเลือกให้อาหารชนิดเปียก ซึ่งมีสัดส่วนของน้ำในปริมาณ 70-80% เพื่อเพิ่มน้ำให้แก่น้องนั่นเอง
ช่วงสูงวัย
ส่วนใหญ่พลังงานของแมวจะต่ำลงไปเมื่อแมวมีอายุครบ 7 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่แมวเข้าสู่วัยชราอย่างเต็มตัว รวมถึงพฤติกรรมก็จะเปลี่ยนไปด้วย โดยจะมีระยะเวลาการหลับนอนที่ยาวนานขึ้น ข้อกระดูกเริ่มมีความฝืด ต่อมการได้กลิ่นและรับรสอาหารอาจแย่ลง และการมองเห็นหรือได้ยินที่เคยดีอาจถดถอยลงไป ในช่วงวัยนี้
เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรมองหาอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นเช่น สารต้านอนุมูลอิสระ อาหารที่ทำจากโปรตีนที่มีคุณภาพ และไขมันดีในปริมาณที่สูง เพื่อช่วยและป้องกันปัญหาอาหารไม่ย่อย ปัญหาข้อต่อกระดูกฝืด อีกทั้งโรคอ้วน และยังต้องให้น้องดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ
ข้อมูลจาก : www.whiskas.co.th
อัปเดตคอนเทนต์ใหม่ ๆ ทาง LINE ฟรี
Add friend ที่ ID : @inzpy (มี@นำ)
บทความน่าสนใจ : จับตา! พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้ารุกบริหารโครงการระดับ Luxury