“พุกาม” เมืองแห่งทะเลเจดีย์ที่พม่า ตอนที่ 1
“มิงกะลาบา” แปลว่า “สวัสดี” เปิดหัวทักทายกันด้วยภาษาพม่าขนาดนี้ วันนี้เราจะพาทุกท่านกลับไปเยี่ยมเยียนดินแดนแห่งพุทธศาสนากันอีกครั้งค่ะ วันนี้เดินทางกันไปที่เมือง พุกาม (Bagan) เมืองแห่งทะเลเจดีย์นั่นเองค่ะ หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าทะเลเจดีย์นั้นเป็นยังไง ถ้าอยากรู้ก็ตามมาอ่านกันต่อได้เลยค่ะ
เมืองพุกามนั้น ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิรวดี ถูกตั้งขึ้นโดยพระเจ้าอโนรธา เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นยุคทองของพุทธศาสนาในพม่า และเป็นยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรพุกามอีกด้วย กษัตริย์ในราชวงค์ยุคนั้นล้วนเลื่อมใส และศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก นิยมสร้างเจดีย์เพื่อเป็นการเสริมสร้างสิริมงคลให้กับตนเอง โดยธรรมเนียมการสร้างเจดีย์ในสมัยนั้นมิได้มีแต่กษัตริย์เท่านั้นที่จะสามารถสร้างได้ แต่ยังมีการสร้างโดยเหล่าเสนาบดี ที่มีตำแหน่ง ลดหลั่นลงมาตามบรรดาศักดิ์ ทำให้มีเจดีย์มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในอดีตนั้นเมืองพุกามแห่งนี้ ถูกสันนิษฐานว่าเคยมีเจดีย์กว่าหนึ่งหมื่นองค์เลยทีเดียว
แต่ในปัจจุบันนั้นเจดีย์เหล่านี้ก็ค่อย ๆ เสื่อมสลาย และพุพังไปตามกาลเวลา คาดการณ์กันว่าปัจจุบันมีเจดีย์เหลืออยู่ที่ประมาณ 4,000 องค์เท่านั้น ถึงแม้จะยังเทียบกับในอดีตไม่ได้ แต่ก็ถือว่ายังมีเจดีย์เหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เมืองพุกามแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมือง แห่งทะเลเจดีย์นั่นเองค่ะ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็พบเจอเจดีย์อยู่มากมายเต็มพื้นที่นั่นเอง โดยเฉพาะหากขึ้นไปมองเมืองพุกามในมุมสูงแล้วหล่ะก็ จะเห็นเจดีย์ทั่วทั้งบริเวณ เป็นวิวที่สวยงามและไกลสุดสายตาเลยค่ะ ในการเดินทางมาเที่ยวที่พุกามนั้น มีกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำกัน นั่นก็คือ การขึ้นวิวทะเลเจดีย์ในมุมสูง และการนั่งรถมาชมเมือง
เจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda)
1 ใน 5 มหาสถานที่ชาวพม่านับถือ ตั้งอยู่ที่เมืองพุกามแห่งนี้ เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ สีทองสวยงาม มีความสูงอยู่ที่ 160 เมตร ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำแบบมอญ ประดับด้วยช่ออุบะ มีลวดลายวิจิตรอ่อนช้อยโดยรอบ ตัวเจดีย์ตั้งอยู่บนฐาน 4 เหลี่ยม 3 ชั้น มีบันไดทางขึ้นทั้ง 4 ทิศ ชื่อของเจดีย์ชเวสิกองแห่งนี้ มีความหมายว่า เจดีย์แห่งชัยชนะ
การสร้างเจดีย์แห่งนี้นั้นมีตำนานเล่าว่า พระเจ้าอนิรุทธ์ หรือ พระเจ้าอโนรธามังช่อ เป็นผู้สร้างโดยได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาจากศรีลังกาโดยไว้บนหลังช้างเผือก โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า หากช้างเผือกมาหยุและคุกเข่าลงที่ใด ก็จะทรงสร้างเจดีย์ไว้ที่จุดนั้น แต่ยังเจดีย์ยังสร้างไม่เสร็จ พระองค์ก็มาสวรรคตเสียก่อน และมาสร้างเสร็จในสมัยของพระเจ้ากยันสิตถา เมื่อปี ค.ศ.1089
จุดที่คนนิยมมากราบไหว้สักการะจะอยู่บริเวณลานหน้าบันไดทางขึ้น ตรงทิศตะวันออก ซึ่งจะมีบ่อน้ำเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 10 เซ็นติเมตร เมื่อมองลงไปจะเห็นยอดเจดีย์ที่สะท้อนลงบนผิวน้ำ เป็นภาพที่มีความสวยงาม และเป็นมุมที่นักท่องเที่ยวนิมยมมาถ่ายภาพกันอีกด้วยค่ะ
วิหารติโลมินโล Hilominlo Pagoda
ถูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าติโลมินโล โดยมีตำนานเล่าต่อกันมาว่า ในอดีตนั้นการแต่งตั้งพระเจ้าติโลมินโลขึ้นเป็นกษัตริย์เกิดจากการเสี่ยงทาย โดยการให้ราชบุตรทั้ง 5 พระองค์นั่งล้อมวงกัน แล้วตั้งฉัตรประจำพระองค์ไว้ตรงกลาง ถ้าหากปลายฉัตรล้มไปทางพระองค์ใดพระองค์นั้นจะได้ขึ้นคลองพระราชบัลลังค์ต่อจากพระบิดา ซึ่งปรากฎว่าปลายฉัตรนั้นชี้ไปที่พระเจ้านาตองมยา เมื่อได้ขึ้นคลองราชย์แล้ว จึงได้มีชื่อเรียกขานกันว่า กษัตริย์ฉัตรตั้ง และทรงให้สร้างเจดีย์ ติโลมินโล เอาไว้ตรงจุดนี้
วิหารแห่งนี้เป็นวิหารที่ถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบพุกาม มีความสูง 46 เมตร ฐานกว้าง 43 เมตร สร้างแบบก่ออิฐถือปูน ภายในวิหารมีช่องระเบียงสำหรับเดินขึ้นชั้นบนได้ บริเวณทางเข้าจะมีประตูใหญ่ที่เป็นซุ้มโค้งก่อด้วยอิฐสีน้ำตาล บริเวณภายในนั้น มีทั้งพระพุทธรูปต่าง ๆ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง บริเวณด้านนอกนั้นมีเจดีย์เล็ก ๆ และมีลายปูนปั้นสวยงามอยู่บริเวณฐานอีกด้วย นอกจากการมาชมความวิจิตรสวยงามของวิหารแห่งนี้แล้ว บริเวณด้านนอกยังมีสินค้าที่เป็นงานฝีมือต่าง ๆ จากชาวบ้านในเมืองพุกาม เช่น ภาพวาดทราย งานแกะสลักไม้ หรือตุ๊กตาผ้า สามารถซื้อไปเป็นของฝากได้ค่ะ
วัดธรรมยางจี (Dhamayangyi Temple)
เจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ และแข็งแรงที่สุดในพุกาม สร้างขึ้นด้วยอิฐสีส้มแดง ลักษณะเป็นทรงสีเหลี่ยมจตุรัส มีมุกยื่นออกมาทั้ง 4 ด้าน แต่ความสวยงาม และแข็งแกร่งนี้แฝงไว้ด้วยตำนานการก่อสร้างที่โหดร้าย ในสมัยของพระเจ้านราธูขึ้นครองราชย์นั้น พระองค์ได้ปลงพระชนม์ของพระบิดา และพระเชษฐา และเมื่อได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แล้วจึงได้สั่งให้มีการก่อสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้น เพื่อเป็นการไถ่บาปในครั้งนั้น ในการก่อนสร้างนั้นพระองค์ทรงเป็นผู้ควบคุมเองทั้งหมด หากช่างคนไหนลงอิฐไม่แน่น มีรูโหว่แม้เล็กน้อย เพียงแค่เข็มสอดเข้าไปได้ ก็จะถูกสั่งตัดมือ หรือบางรายอาจจะถูกสั่งฆ่าไปเลยก็มี จึงเป็นที่มาของตำนานอันน่ากลัว และสุดท้ายวิหารแห่งนี้ก็สร้างไม่เสร็จเนื่องจากพรเจ้านราธุสิ้นพระชนม์หลังขึ้นครองราชย์เพียง 4 ปี
ตัววิหารแห่งนี้ถูกเรียงอิฐต่อกันอย่างสวยงามแทบไม่เห็นรอยต่อ บริเวณด้านในนั้นมีทางเดินสองชั้นรอบล้อม แต่ทางเดินด้านในนั้นถูกปิดสนิทเอาไว้ และเมื่อไม่กี่ปีมานี้นักโบราณคดีก็ทำการขุดทะลุทางเดินด้านในเข้าไปแต่ก็ไม่พบอะไร
สำหรับการเดินทางท่องที่ยวในเมืองพุกามยังไม่จบลงตรงนี้นะคะ ยังมีสถานที่ต่าง ๆ ให้ได้ไปสัมผัสกันอีกหลายที่ ซึ่งแต่ละที่นั้นรับรองว่ามีทั้งความงดงาม และประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมาก ๆ ไม่แพ้กันค่ะ มาตามอ่านต่อกันได้ที่ตอนหน้านะคะ
Tips:การเดินทางไปพุกามครั้งนี้ เราเลือกจองรถขับกันไปเองนะคะ รายละเอียด คลิก
สัมผัสวิถีชีวิตในทะเลสาบที่พม่า “INLE LAKE” คลิก