5 Must-Have ของใช้ในครัวระดับตำนาน ที่คนรักงานดีไซน์ต้องมี
งานระดับตำนานที่ผ่านมาไม่ได้มีแค่เก้าอี้ โต๊ะ หรือเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งบ้านเท่านั้น แต่ในวันวาน ยังมีเหล่าดีไซเนอร์หัวก้าวหน้าหลายคน ที่สร้างสรรค์งานไว้ในโลกนี้อีกมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ของในก้นครัว ที่ส่วนใหญ่แล้วมีไว้ใช้แต่ไม่ได้โชว์ แต่… ทั้งหมดนี้ มีไว้ทั้งใช้และโชว์ เพราะเป็นผลงานดีไซน์คลาสสิกตลอดกาล ที่ปัจจุบันยังฮ็อตและฮิตไม่สร่างซา
JUICY SALIF
ที่คั้นน้ำมะนาวสุดฟีเวอร์ในยุค 90 ซึ่งเป็นผลงานของ Philippe Starck นักออกแบบชื่อดังชาวฝรั่งเศส ที่มีผลงานการออกแบบอันหลากหลาย ตั้งแต่ข้าวของชิ้นจ้อยยันตึกระฟ้าเก๋ ๆ ระดับโลก
สำหรับ JUICY SALIF เกิดขึ้นมาจากการที่สตาร์คได้สเก็ตช์ภาพปลาหมึกหนวดยาวววว ลงไปในกระดาษทิชชูเปื้อนซอส ก่อนยื่นให้กับ Alberto ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Alessi และหลังจากนั้น ภาพร่างดังกล่าวก็กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้เขานำไปออกแบบที่คั้นน้ำมะนาวนั่นเอง โดยหล่อขึ้นมาจากอะลูมิเนียมและทำสีปัดเงา ในชื่อรุ่น Gold Plated มีฐานกว้าง 14 ซม. และสูง 28 ซม. ต่อมาระหว่างปี 1991-2004 ก็ได้มีการผลิตรุ่น Anthracite สีดำเทาขึ้น จนในที่สุดได้รับเลือกจัดแสดงไว้ที่ Museum of Modern Art ที่นิวยอร์ก และปัจจุบันได้รับการผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ Alessi
โดย สตาร์ค ได้กล่าวถึงงานชิ้นนี้ไว้ว่า… “งานของเขามิได้หมายถึงที่คั้นน้ำมะนาว แต่เป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่ผู้คนจะได้พูดคุยกัน” และก็เป็นไปตามคำสนุกปากของดีไซเนอร์ขี้เล่นเจ้านี้จริง ๆ เพราะ JUICY SALIF ต่างมีผู้คนกล่าวถึงทั่วโลก และเข้าไปอยู่ในฉากภาพยนตร์ดัง ๆ หลายเรื่อง แถมบางคนก็นำมาตั้งโชว์หราไว้ในบ้านหรือเก็บเป็นไอเทมของสะสม
สำหรับส่วนตัวแล้วคิดว่ามันไม่เหมือนปลาหมึกนะ เพราะเห็นแล้วนึกถึงจรวดซะมากกว่า และตอนนี้รูปทรงมันก็ยังดูล้ำ… อยู่เลย (ดูสินค้าได้ที่ Crystal Maison ชั้น 2 ตึก B ณ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์)
CHAMBORD FRENCH COFFEE PRESS
เครื่องชงกาแฟ CHAMBORD แบรนด์ Bodum ของประเทศเดนมาร์ก ถูกรังสรรค์ขึ้นครั้งแรกในปี 1982 แถมปัจจุบันความคลาสสิกของรูปแบบเดิมยังเป็นที่นิยมไม่จางหาย เพราะเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่ทำให้เหล่าคอกาแฟทั่วโลกต่างประทับใจ ต้องยกให้การออกแบบที่สะท้อนความเรียบง่ายแบบสไตล์สแกนดิเนเวีย รวมถึงประหยัดไฟ เพราะไม่ต้องใช้ แถมวิธีในการชงยังสะดวกรวดเร็ว เพียงเติมกาแฟที่บดแบบหยาบเท่า ๆ กัน ตามด้วยน้ำร้อนลงไป ใช้เวลาประมาณ 4 นาที ก็สามารถสกัดรสชาติกาแฟออกมาได้ ก่อนกดแท่งก้านโลหะเพื่อดันกากกาแฟลงสู่ด้านล่าง
ที่สำคัญ CHAMBORD สามารถชงกาแฟได้หลายถ้วย ในส่วนของฝาปิดและมือจับยังผลิตจากสเตนเลสสตีลเนื้อดี และเจ้าเครื่องชงกาแฟชิ้นนี้ยังสามารถพลิกบทบาทไปใช้ชงชาได้อีกด้วย (ดูสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล)
Moka Express
หม้อต้มกาแฟทรง 8 เหลี่ยมสุดคลาสสิครุ่นนี้ เป็นของแบรนด์ Bialetti สัญชาติอิตาลี ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1933 โดย Luigi De Ponti และเป็นที่รู้จักวงกว้างในชื่อ Macchinetta (Small machine) หรือเรียกอีกนามว่า Italian Coffee Pot และยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นหม้อต้มกาแฟที่ผลิตจากอะลูมิเนียม และมือจับทำจาก Bakelite (พลาสติกชนิดหนึ่ง) คุณภาพดี รวมถึงการดีไซน์ที่ง่ายต่อการใช้งาน ชงด้วยแรงอัดไอน้ำหรือน้ำร้อน ผ่านเมล็ดกาแฟคั่วบดละเอียด
ที่เจ๋งคือหม้อต้มกาแฟ Moka นี้ได้ถูกนำไปจัดแสดงที่ Science Museum ณ กรุงลอนดอน ก่อนกลายมาเป็นต้นแบบในการผลิตเครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซที่ทั่วโลกให้ความสนใจ (ดูสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล)
Kettle 9093
งานดีไซน์ไอคอนในปี 1985 ของแบรนด์ Alessi ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของ Michael Graves สถาปนิกชาวอเมริกัน ที่นำเสนอกาต้มน้ำสเตนเลสสตีลแผดเสียงคล้ายเสียงนกร้อง
โดยโจทย์ที่เขาได้รับมานั้นคือให้สร้างสรรค์กาต้มน้ำที่สามารถตั้งบนเตาได้สวยอย่างไร้ที่ติ ต้มน้ำได้เร็วกว่ากาน้ำปกติทั่วไป และก่อนออกแบบ Graves ได้ทำการทดลองเรื่องเหลี่ยมมุมองศาของด้านข้างตัวกา และเส้นผ่าศูนย์กลางของตัวฐาน จนกระทั่งเขาพบรูปทรงที่ตรงกับความต้องการของ Alberto Alessi (เจ้าของแบรนด์)
ปิดท้ายด้วยสร้างสรรค์ให้มีเสียงคล้ายเสียงนกจิ๋วที่ร้องเจื้อยแจ้วขึ้นเมื่อน้ำถึงจุดเดือด และนั่นจึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้กาต้มน้ำรุ่นนี้มียอดขายถล่มทลายชนะคู่แข่งอย่างต่อเนื่องทันทีที่วางตลาด (ดูสินค้าได้ที่ Crystal Maison ชั้น 2 ตึก B ณ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์)
Le Creuset Cocotte
หม้อเหล็กเคลือบสี รุ่น Cocotte ของ Le Creuset สร้างสรรค์ครั้งแรกในปี 1925 โดย Armand Desaegher ผู้เชี่ยวชาญด้านการหล่อ และ Octave Aubecq ผู้รอบรู้เรื่องงานเคลือบ ได้จับมือกันค้นหาจุดด้อยและข้อบกพร่องของภาชนะบรรจุอาหารที่ทำ จากเหล็กเคลือบ ก่อนทำการสร้างสรรค์ Cocotte หม้อเหล็กฉาบผิวเคลือบเงาแบบงานพอร์ซเลนขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีสีส้มสดเป็นตัวชูโรง ซึ่งขอบอกว่าดูแซ่บ และโดดเด่นกว่าหม้อสีเทาในสมัยนั้น อีกทั้งยังแข็งแรงทนทานใช้ได้ทั้งทำอาหารบนเตา เตาอบ และเตาย่าง หรือแม้แต่วางไว้บนโต๊ะอาหารก็ยังดูสวยน่ามอง จึงทำให้ผลงานชิ้นนี้ขึ้นแท่นเป็นไอเทมขวัญใจของคนนิยมทำอาหาร
ประกอบกับหลังจากนั้นทางแบรนด์เริ่มทำสีมาให้เลือกหลากหลาย (มีไซส์เล็กให้เลือกด้วย) จึงทำให้หม้อ Cocotte เป็นสินค้าที่ยังคงความอมตะ ขายดีตลอดกาลให้กับแบรนด์เลยทีเดียว (ดูสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล)
และทั้งหมดนี้ คือ 5 Must-Have ของใช้ในครัวระดับตำนาน ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นภายใต้แนวคิดที่แตกต่างกัน แต่เชื่อว่าสามารถเป็นแพชั่นให้คุณนำไปต่อยอดกับงานที่คุณรักได้ (ไม่มากก็น้อย)
ป.ล.บอกเลยว่าพ่อบ้าน/แม่บ้านท่านใดมีติดก้นครัวไว้สักชิ้น รับรองดูคูล… ไม่เบา
บทความน่าสนใจ : 5 Iconic Lamps โคมไฟดีไซน์เหนือกาลเวลา