หมดเวลาเที่ยวทิพย์ เตรียมผิวสวยด้วยคลอลาเจน แล้วไปเที่ยวกันค่ะ
ปฎิเสธไม่ได้ว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการระบาดอย่างรุนแรง ทำให้หลายคนขอเซฟตัวเองกักตัวอยู่บ้านเปลี่ยนแผนจาก “ทริปเที่ยว” มาเป็น “เที่ยวทิพย์” แบบ New Normal กันไปก่อน ผ่านการโพสต์รูปทริปเที่ยวเก่าๆ ที่อยู่ในความทรงจำ บางคนก็ไอเดียบรรเจิดตัดต่อภาพตัวเองกับสถานที่ในฝัน ถึงขั้นทำคลิปก็ยังมีให้เห็น นั่นล่ะคืออิทธิพลของการ “เที่ยวทิพย์” ที่เข้ามาเยียวยาความเบื่อหน่ายจากสถานการณ์โควิด-19 ของผู้คน จนกลายเป็นแฮชแท็กมาแรง ทั้งยังสะท้อนให้ถึงสภาวะอัดอั้นของผู้คนที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว
และล่าสุดจากมาตรการ “คลายล็อกดาวน์-ลดเคอร์ฟิว” หลายคนก็เริ่มที่จะนับถอยหลังวางแผน “ทริปเที่ยว” ไม่ต้อง “เที่ยวทิพย์” กันแล้วค่ะ จะไปเที่ยวทั้งที ก็ต้องเตรียมอวดผิวสวย ๆ กันหน่อยใช่ไหมค่ะ วันนี้ทาง Inzpy จะพาทุกคนไป เตรียมผิวสวยด้วยคลอลาเจน แบบชนิดที่ว่า ใครเห็นก็ทักว่า ไปทำอะไรมาจ๊ะ!! ทำไมสวยขึ้น ทำไมผิวดีจัง
คอลลาเจนคืออะไร ?
คอลลาเจน คือ โปรตีนชนิดหนึ่ง ที่มีมากที่สุดในร่างกาย คิดเป็น 1 ใน 3 ของโปรตีนทั่วร่างกาย เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง โดยมีสัดส่วนสูงถึง 80 % โดยคำว่า คอลลาเจน ในภาษาอังกฤษ Collagen มีที่มาจากคำภาษากรีกคำว่า “kólla” ซึ่งแปลว่า “กาว” ดังนั้น คอลลาเจนจึงมีคุณสมบัติในการยึดเกาะสิ่งต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันคล้ายกับกาวและเป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ นอกจากนั้นยังสามารถพบคอลลาเจนได้ในส่วนอื่นๆ ของร่างกายอีกด้วย เช่น หลอดเลือด กระจกตา และฟัน โดยคอลลาเจนจะอยู่ที่ผิวหนังชั้นล่าง (ชั้นหนังแท้ หรือ dermis) ฉะนั้นการทาครีมทั่วไปจะไม่มีผลโดยตรงถึงคอลลาเจนในผิวหนัง ในปัจจุบันมีการค้นพบคอลลาเจนมากกว่า 18 ชนิด และแตกต่างกันไปตามหน้าที่ในร่างกาย แต่ที่สำคัญและควรรู้จักมี 4 ได้แก่
- คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุดในร่างกาย พบมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย ช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น การสมานแผล การสร้างกระดูก ผนังหลอดเลือด เอ็นและเอ็นยึดกล้ามเนื้อ ผิวหนัง กระจกตา และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีความเหนียวและแข็งแรงมากที่สุด สามารถพบได้ในผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด
- คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) เป็นชนิดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดที่ 1 พบมากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ เช่น ส่วนประกอบของหู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง มีหน้าที่ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อน
- คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) เป็นชนิดที่มักจะพบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน ผนังหลอดเลือด และหลอดเลือดแดง
- คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Collagen type IV) พบใน basal lamina และ basement membrane ในส่วนของ epithelium-secreted layer
- คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V) สามารถพบได้ในบริเวณเดียวกันกับชนิดที่ 1 หรือใต้ชั้นผิวหนังของเซลล์ ผม และรก และในเนื้อเยื่อของทารกในระหว่างตั้งครรภ์
จะเห็นได้ว่าคอลลาเจนกระจายอยู่ทั่วร่างกายของเรา โดยปกติแล้วร่างกายจะมีการสร้างและสลายคอลลาเจนในปริมาณที่สมดุลกัน แต่เมื่อเรามีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนก็จะลดลงประมาณร้อยละ 1 ต่อปี ในขณะที่อัตราการสลายคอลลาเจนยังเท่าเดิม ทำให้ปริมาณคอลลาเจนในร่างกายลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความแข็งแรงของผิวลดลงเมื่ออายุมากขึ้น และอย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าเมื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนังลดลงก็จะเกิดริ้วรอย
ทำความรู้จักกับคลอลาเจนกันมาพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะเตรียมผิวสวยด้วยคลอลาเจน แล้วไปเที่ยวกันค่ะ
เลือกกินอาหาร ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน
ใครอยากมีผิวสวยจนเพื่อนทัก ฟังทางนี้ ! เราสามารถเลือกการกินอาหารที่ช่วยชะลอการสลายและมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มขึ้นได้จากอาหารเพื่อสุขภาพ ที่คุ้นเคย รับรองว่าปลอดภัยหายห่วง เป็นคอลลาเจนที่ดีที่สุดในโลก และนี่คือเทคนิคง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คอลลาเจนในร่างกายอยู่กับเราไปนาน ๆ อยากรู้ว่ามีอาหารอะไรบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ
กินโปรตีนต่อวันต้องเพียงพอ
ทำให้สร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่ อย่างที่รู้กันแล้วว่าคอลลาเจนคือ โปรตีนชนิดหนึ่ง ดังนั้นการกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ นม ไข่ หรือ ธัญพืชต่าง ๆ ให้เพียงพอความต้องการต่อวัน หรือ 1 – 1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น ถ้าหากเรามีน้ำหนักตัวที่ 50 กรัม แสดงว่าเราต้องกินโปรตีนให้ได้ 50 – 60 กรัมต่อวัน หรือเทียบเท่ากับการเลือกกินเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นหมู ไก่ ปลา ให้ได้รวม ๆ กันประมาณ 200 – 250 กรัม การกินโปรตีนที่เพียงพอ ร่างกายจะย่อยเป็นกรดอะมิโนเพื่อนำไปสร้างเป็นคอลลาเจนไปใช้ประโยชน์ต่อสภาพผิว ข้อเข่า หรือมวลกระดูก นอกเหนือจากการนำไปปรับสมดุลของโปรตีนในร่างกายนั่นเอง
กินอาหารที่เป็นแหล่งกรดไขมันโอเมก้า
ต้องยกให้โอเมก้าเป็นแหล่งสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติตัวเด็ดอีกตัวหนึ่ง ซึ่งช่วยเติมเต็มร่องลึกของเซลล์ผิวที่ถูกปัจจัยอื่น ๆ ทำลาย โดยเราจะรับกรดไขมันโอเมก้าได้จากเมล็ดแฟลกซ์ซีด แซลมอน ปลาทูน่า อะโวคาโด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และอัลมอนด์ เป็นต้น
กินอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามิน ซี
วิตามิน ซี เป็นตัวพระเองที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญที่ช่วยชะลอการสลายของคอลลาเจน โดยแหล่งของวิตามิน ซี คือ ผักและผลไม้ต่าง ๆ เช่น ฝรั่ง ผักคะน้า บรอกโคลี สตรอเบอร์รี่ ส้ม แอปเปิ้ลแดง มะนาว เบอร์รีชนิดต่าง ๆ เป็นต้น
กินอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามิน เอ
เพราะวิตามิน เอ ช่วยกระตุ้นการเติบโตของไฟโบรบลาสต์ (fibroblast) ที่มีหน้าที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินของร่างกาย ที่ทำให้ผิวพรรณยังเต่งตึง โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามิน เอ ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ผักที่มีสีเขียวเข้มและสีเหลืองส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง แครอทมะละกอสุก เป็นต้น
กินอาหารที่เป็นแหล่งวิตามิน อี
เพราะวิตามิน อี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำงานคู่กับวิตามิน ซี โดยแหล่งของวิตามิน อี คือ น้ำมันพืชต่าง ๆ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง นอกจากนี้ยังพบใน ถั่วอัลมอนด์ อาโวคาโด มะม่วง กีวี เป็นต้น
ดื่มน้ำวันละ 8 – 10 แก้ว
ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8 – 10 แก้ว หรือ 2 ลิตรต่อวัน น้ำเปล่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างคอลลาเจนในร่างกาย หากดื่มน้ำไม่พอการสร้างคอลลาเจนก็จะลดลงไปด้วย
และปัจจุบันยังมีผลิตภัณฑ์เสริมคลอลาเจนที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้เราผิวพรรณสวยได้เช่นกัน การมองหาตัวช่วยเสริมปริมาณคอลลาเจนจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ผิวพรรณของเราเต่งตึงไม่เหี่ยวย่น รวมถึงลดการเสื่อมของไขข้อเมื่อเราอายุมากขึ้น โดยปริมาณคอลลาเจนที่ควรรับประทานในแต่ละวันเหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยมีประวัติการแพ้อาหารทะเล หรือไม่เคยแพ้สารสกัดจากปลามาก่อน โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยาของประเทศไทย ได้ประกาศออกมาว่าไม่ควรรับประทานคอลลาเจนเกิน 10 กรัมต่อวัน แต่สำหรับการรับประทานในชีวิตปกติประจำวันแล้ว การบริโภคคอลลาเจนเพียง 2.5-5 กรัมต่อวัน ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อเสริมสร้างผิวพรรณที่สวยงามและร่างกายที่แข็งแรง โดยไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย สำหรับใครที่กำลังมองผลิตภัณฑ์เสริมคลอลาเจน แต่ยังไม่รู้ว่า ควรเลือกยังไง กินยังไงถึงจะได้ผลและปลอดภัย รอติดตามอ่านได้ที่ Inzpy นะคะ
เคล็ดลับในการลดน้ำหนัก ให้พร้อมสำหรับไปเที่ยว คลิกเลย