หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการมาได้ 1 ปีเต็ม Valorant ก็คว้ารางวัล เกมแห่งปี จนได้ สำหรับรางวัลนี้ที่ถูกยกให้เป็น “ออสการ์แห่งวงการอีสปอร์ต” อย่าง Esport Awards ประจำปี 2021 นี้ และแน่นอนรางวัลที่เป็น The Best ของงาน รางวัลที่มีผู้คนสนใจมากที่สุดอย่าง “เกมแห่งปี” นี่แหละ
โดย Valorant สามารถเอาชนะ เกมอย่าง League of Legend, CS:GO, Freefire, Call of duty, Rocket League, Rainbow Six Siege, Dota 2, PUBG Mobile และ Overwatch
ขณะที่ Freefire ได้รางวัลเกม Mobile ยอดเยี่ยม
Valorant สมราคา เกมแห่งปี
เกมแนว PVP 5 ต่อ 5 จริง ๆ มีเยอะมาก ๆ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน โดยเฉพาะพวกเกมยิง หรือที่เรียกว่า FPS (First Person Shooting) ที่มีออกมาให้เห็นกันในทุกปี โดยเฉพาะในช่วงปี 2008-2012 ที่ถ้าหากเดินเข้าร้านเกม ก็จะเจอแต่คนเล่นเกมพวกนี้อยู่
ซึ่งในยุคนั้น จะเผ็นเกมอย่าง Counter Strike 1.6 ถ้าแบบได้รับความนิยมขึ้นมาหน่อยก็จะเป็น Ponit Blank (PB) หรือ Special Force 1 และ 2(SF)
นอกจากนี้ก็ยังมีที่ได้รับความนิยม จนกลายเป็นอีกหนึ่งเกม E-sports อย่าง AVA หรือชื่อเต็มว่า Alliance of Valiant Arms ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก
หลังจากนั้น ในปี 2012 ก็มีเกมอย่าง CS:GO หรือ Counter Strike : Global Offensive ออกมาครองตลาด เรียกว่ากลายเป็นเกม FPS ที่ฮอตฮิตที่สุด ใคนเล่นเยอะที่สุด แม้จะไม่ใช่เกมฟรี (ในตอนนั้น) และยังเป็นหนึ่งในเกมที่มีเงินรางวัล และคนดูการแข่งขันในระดับ E-Sports ที่มากที่สุดอีกด้วย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2020 ทาง Riot Game ก็ได้ปล่อยเกม FPS ตัวใหม่ลงสู่ตลาดนั่นคือเกม Valorant ที่ปล่อยออกมาเป็นเกม Free-to-play
ซึ่งถือว่า ปล่อยออกมาได้ถูกช่วงเวลา เพราะ ในช่วงนั้นเกมอย่าง CS:GO เริ่มได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในบ้านเรา หรือทางโซนเอเชีย
และการมาของ เกมแห่งปี 2021 เกมนี้ ก็เรียกว่า “ว้าว” มาก ๆ ทั้งระบบการเล่น ที่มีลักษณะคล้ายกัน CS:GO หรือเกมยิงอื่น ๆ ทั่วไป คือ 5v5 ทีมบุกเอาระเบิดไปวาง ส่วนทีมรับต้องกันไม่ให้เข้ามา หรือแก้ระเบิด
แต่ด้วยภาพที่มีความเป็น แอนิเมชั่น ตามสไตล์ของตัวค่าย ด่านการเล่นที่สวยงาม มันทำให้สายยิง เริ่มหันมาให้ความสนใจเกมนี้ แต่ทั้งนี้แม้ลักษณะและพื้นฐานของเกมจาะคล้ายกัน
แต่วิธีการเล่นนั้นแทบจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โอเคเรื่องการเล่นกับมุม การวางเป้า วิธีการยิงอาจไม่ได้แตกต่างมาก แต่เกมนี้มันมีอะไรมากกว่านั้น
อย่างแรกเลย คือเป็นการยิงที่มีตัวละครให้เลือก ซึ่งแต่ละตัวละครจะมีสกิลการเล่น และวิธีการเล่นที่แตกต่างกันไป ทุกตัวละครจะมีหน้าที่ของมัน
โดยตัวเกมจะจัดตำแหน่งพื้นฐานไว้ให้ ได้แก่ Duelist (ตัวบุก), Sentinel (ตัวป้องกัน), Controller (ตัวคลุมแผนที่ ส่วนใหญ่จะมีหน้าที่ Smoke) และ Initiator (ตัวหาข่าวสาร)
สองสกิลของแต่ละตัวละครที่ทำให้แต่ละตัวละครค่อนข้างจะเป็นตัวของตัวเอง มีวิธีการเล่นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางตัวมีแฟลช ที่ใช้ในระยะใกล้ บางตัวแฟลชระยะไกล บางตัวละครสามารถดูดเลือดได้ หรือบางตัวบินได้เลย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่แปลกใหม่ ในเกมแบบ 5v5
สุดท้าย สกินปืน ที่หลากหลาย มีเยอะ ราคาจับต้องได้ ที่สำคัญทุกสกินจะมีกิมมิคเป็นของตัวเอง มีเอฟเฟ็คที่สวยงาม และดูเท่มาก ๆ ซึ่งด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้ผู้คนเปิดใจเข้าหา วาโลแรนท์ มากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เกมคู่แข่งคนเล่นค่อย ๆ น้อยลง (หากแค่ฝั่งของไทย และโซนเอเชีย)
และยิงได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก เมื่อตัวเกมถูกบรรจุ เข้าสู่ E-sports อย่างจริงจัง มีนักอแข่ง CS:GO หลายคนที่ย้ายข้ามฟากมา อาทิ Tenz จากนักแข่ง Tier ล่างของ CS แต่ก้าวขึ้นมาเป็น No.1 ของ วาโลแรนท์
หรือ Scream จ้าวแห่งการ 1 แท็บ แล้วยิ่ง Shourd สตีมเมอร์สาย FPS อันดับ 1 มาเล่นยิ่งทำให้ตัวเกมติดลมบน
และมันส่งผลกระทบให้เกมนี้มี ทัวร์เล็ก ทัวร์น้อย ทัวร์ยิบทัวร์ย่อย ไปจนถึงการแข่งระดับ Major มีการแข่งในรูปแบบการเก็บพ้อยท์ของแต่ละโซน เพื่อหาทีมเข้าไปแข่งในการชิงแชมป์โลก แถมการเวลามีการแข่งขันที ก็มีผู้เข้าชมหลัก 5 แสนคนขึ้นไป (รวม ๆ กัน หลายช่อง) บางทีแตะล้านด้วยซ้ำ
ซึ่งด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง จึงไม่แปลกใจที่ Valorant จะได้เป็น เกมแห่งปี ของปี 2021 นี้เลย!
