เปิดตัวสักทีสำหรับ Final Fantasy VII : Rebirth หรือก็คือภาคต่อของ Final 7 Remake นั่นเองครับ หลังจากที่ใน Part 1 ทำเอาไว้อย่างดี จนทั้งเนื้อเรื่องเอย ความสวยงามขอภาพเอย ความจิ้นของตัวละคร และระบบการเล่นที่คงต้องบอกว่า โคตรจะสนุก รวมถึงการทิ้งปมเอาไว้ในช่วงท้ายเกม ก็ทำให้ใครต่อใครต่างก็รอการมาของ Part 2
ซึ่งทาง Square Enix ก็ได้มีการเผิดเผยข้อมูลบางส่วนออกมาแล้ว พร้อมทั้งลั่นวาจาไว้ด้วยว่านภาคนี้ จะต้องเป็น FF ที่ผู้คนจดจำไปตลอดกาล!
หัวเรือใหญ่ Square Enix ยืนยัน Final Fantasy VII : Rebirth 2 สุดยิ่งใหญ่
หลังจากที่ปล่อยตัววิดิโอ First Look พร้อมปแระกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่า FF 7 : Rebirth นั้นจากวางจำหน่ายในช่วงฤดูหนาวของปีหน้า (ธ.ค.-ก.พ.) บนเครื่อง PS5 รวมถึงการคอมเฟิร์มว่า FF 7 จะมีทั้งหมด 3 Part ด้วยกันกว่าที่เนื้อเรื่องนั้นจะสมบูรณ์ โดยเกริ่นมาแล้วด้วยวี่มงานบางส่วนเริ่มลุยงานในภาคจบแล้ว
ล่าสุดทาง Square Enix ก็ได้ลั่นวาจาไว้ว่า Final Fantasy VII : Rebirth จะต้องเป็นภาคที่ถูกจดจำ และถูกพูดถึงไปอีกนานแสนนานครับ
โดยคุณ Tetsuya Nomura ผู้กำกับฝ่ายสร้างสรรค์ของซีรีส์ Final Fantasy 7 Remake, คุณ Naoki Hamaguchi ที่ขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับแทนคุณ Nomura ในภาคนี้ และคุณ Yoshinori Kitase ผู้อำนวยการสร้างซีรีส์ Final Fantasy VII Remake และเคยเป็นผู้กำกับ Final Fantasy 7 ต้นฉบับ ได้ใช้โอกาสการเปิดตัวภาคใหม่ในการแถลงการณ์ถึงเหล่าแฟนๆ เอาไว้ดังนี้
“พวกเราประกาศเปิดตัว Final Fantasy 7 Rebirth ภาคที่ 2 อย่างเป็นทางการที่จะวางจำหน่ายในฤดูหนาวปีหน้า หรือราว 3 ปีหลังจาก Final Fantasy 7 Remake วางจำหน่ายเมื่อเดือน เม.ย. ปี 2020 ซึ่ง 3 ปี อาจจะรู้สึกว่าเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับแฟนๆ ทั้งหมดที่กำลังรอคอยเกมถัดไปอยู่
แต่พวกเราอยากจะนำเสนอประสบการณ์การเล่นที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และทำให้ทุก ๆ คนมั่นใจว่าการพัฒนาเกมนี้คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วและน่าอัศจรรย์สำหรับเกม HD สเกลใหญ่แบบนี้ และการทำภาคที่ 2 ในเกมไตรภาคก็ถือว่าเป็นความท้าทายโดยตัวมันเองอยู่แล้ว
แต่ก็มีภาคที่ 2 ของภาพยนตร์มากมายในโลกนี้ที่เป็นการหักมุมเนื้อเรื่องได้อย่างน่าทึ่งและการเล่าเกี่ยวกับตัวละครในเรื่องได้อย่างลุ่มลึกขึ้น และบ่อยครั้งที่หนังภาคต่อเหล่านี้กลายเป็นภาคที่แฟนๆ ชอบที่สุดด้วย
ในทำนองเดียวกัน พวกเรากำลังมุ่งเป้าที่จะทำให้ Final Fantasy 7 Rebirth ให้ประสบการณ์การเล่นที่น่าประทับใจและจับใจผู้เล่นยิ่งขึ้นไปกว่าที่ Final Fantasy 7 Remake ทำได้ ดังนั้น โปรดรอคอยกันนานอีกนิดในขณะที่เราพัฒนามันให้เสร็จด้วย”
Yoshinori Kitase กล่าว ด้าน Tetsuya Nomura ก็กล่าวถึงเกมภาคต่อนี้ว่า
“ก็อย่างที่เราได้เปิดตัวไป ตอนนี้เรามีโปรเจ็กต์ Final Fantasy 7 ถึง 4 ตัวที่กำลังพัฒนาไปพร้อมกัน แม้ว่าแต่ละเกมจะมีความแตกต่างกันไป แต่พวกมันทั้งหมดจะมีการเชื่อมโยงซึ่งกันและกันผ่านทางโลกและตัวละครคุณภาพสูงของ Final Fantasy 7
ในฐานะคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาแต่ละเกมและทุกเกมในโปรเจ็กต์นี้ ผมเข้าใจในวิสัยทัศน์และแนวคิดเบื้องหลังแต่ละโปรเจ็กต์เป็นอย่างดี และผมมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการพัฒนาเกมทั้ง 4 นี้
Final Fantasy 7 Pary 2 ถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นสามารถสนุกไปกับเกมนี้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักเกมต้นฉบับหรือไม่ก็ตาม จริง ๆ คือผู้เล่นหน้าใหม่อาจจะสนุกไปกับการเดินทางใน Final Fantasy 7 ของพวกเขาด้วย Final Fantasy 7 Rebirth ด้วยซ้ำ
ในขณะที่ Cloud และเพื่อนของเขาเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ในเกมนี้ และผมเชื่อว่าฉากเหตุการณ์ที่พวกเขาได้เห็นหลังออกจาก Midgar จะให้ผู้เล่นได้พบกับประสบการณ์การเล่นที่สดใหม่ ผมเองก็รอไม่ไหวแล้วที่จะได้เปิดเผยความตั้งใจเบื้องหลังการใช้ชื่อภาคแรกว่า Remake และภาคที่ 2 คือ Rebirth ในขณะเดียวกันผมก็หวังที่จะได้เปิดเผยว่า ชื่อภาคลำดับที่ 3 จะเรียกว่าอะไร และจะนำพาผู้เล่นเดินทางไปยังที่ไหนต่อไปด้วย
โดยการพัฒนาภาค 2 นี้คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เราใช้โครงสร้างการพัฒนาใหม่ เกมในสเกลระดับนี้ที่ทุกๆ อย่างจะต้องเชื่อมโยงถึงกันหมดตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มต้นการพัฒนาเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก ๆ และจริง ๆ คือเราเริ่มพัฒนาภาคที่ 3 กันไปบางส่วนแล้ว ตัวผมเองได้เริ่มพัฒนาและกำลังดำเนินการเพื่อให้ซีรีส์นี้เสร็จสิ้น
พวกเราจะทำงานอย่างหนักเพื่อส่งมอบเกมนี้ให้กับแฟนๆ ด้วยความกระตือรือล้นในระดับเดียวกันจากตอนนี้ไปจนกว่าเราจะไปถึงเส้นชัย ในขณะเดียวกันขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับโปรเจ็กต์ฉลองครบรอบ 25 ปีอื่นๆ ที่จะขยายโลกของ Final Fantasy 7 กันเถอะ”
และสุดท้าย Naoki Hamaguchi ได้บอกไว้ว่า
“ผมนี่ยิ่งกว่าดีใจที่พวกเราสามารถประกาศเปิดตัว Final Fantasy 7 Rebirth ได้สักที และผมรู้สึกอย่างแรงกล้าถึงหน้าที่ที่จะต้องส่งมอบประสบการณ์การเล่นอันสุดยอดของ Final Fantasy 7 ให้กับแฟนๆ ทุกคนที่กำลังรอคอยเกมนี้อย่างใจจดใจจ่อ
การพัฒนาเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการผลิตอย่างเต็มรูปแบบ และทีมงานมีแรงขับเคลื่อนอย่างแรงกล้าที่จะใส่ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกันเข้ามาในเกมนี้และทำงานเพื่อสร้างมันให้เสร็จสมบูรณ์ โปรเจ็กต์ Final Fantasy 7 เวอร์ชันรีเมคจะแบ่งเป็นไตรภาค 3 ส่วน แต่ Final Fantasy 7 Rebirth จะเป็นมากยิ่งกว่าอีกภาคในซีรีส์
พวกเรากำลังพัฒนามันด้วยความรักและทุ่มเททั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างเกมออริจินอลและมีแผนที่จะส่งมอบสุดยอดประสบการณ์เกมเพลย์และการสร้างโลกของเกมแล้ว เชื่อผมเถอะว่ามันจะคุ้มค่าการรอคอยอย่างแน่นอน!”
