ในช่วงนี้เชื่อว่าหลายคนต้องเห็นสีรุ้งในที่ต่าง ๆ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า รถเมล์ รถไฟฟ้า ป้ายต่าง ๆ แม้กระทั้งเสื้อผ้าหรือข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าสีรุ้งที่คุณเห็นนั้นมีต้นกำเนิดมาจากอะไร ทำไมถึงแพร่หลายในช่วงนี้ ทาง Inzpy เลยจะผ่านทุกคนไป ส่องความหมาย “สีรุ้ง” ของกลุ่ม LGBTQIA+ กัน
LGBTQIA+ เป็นคำที่ใช้เรียกผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เพราะถึงแม้ว่าโลกใบนี้จะมีเพียงแค่สองเพศหากจำแนกตามสรีระ แต่ในความเป็นจริงมนุษย์มีเพศมากกว่านั้น โดยในอดีตกลุ่มคนเหล่านี้มักถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดของสังคม และไม่ได้รับการยอมรับให้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และในรายที่รุนแรงอาจถูกครอบครัวของตนเองกีดกัน และบังคับให้ปฏิบัติตัวตามแบบแผนที่เคยทำมาตั้งแต่โบราณ แต่ในปัจจุบันกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเริ่มได้รับการยอมรับมากกว่าในอดีต
ความหมายของแต่ละตัวอักษร
L = Lesbian คือผู้หญิงที่มีรสนิยมชอบผู้หญิง
G = Gay คือผู้ชายที่มีรสนิยมชมผู้ชาย
B = Bisexaul คือคนที่มีรสนิยมสามารถชอบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
T = Transgender คือบุคคลข้ามเพศ ซึ่งมีทั้งผู้หญิงข้ามเพศมาจากผู้ชาย และผู้ชายที่ข้ามเพศมาจากผู้หญิง
Q = Queer เป็นคำเรียกกว้างๆ ของกลุ่มคนที่มีเพศลื่นไหล ไม่ได้จำกัดกรอบว่าตนจะต้องชอบเพศไหน
I = Intersex ผู้ที่มีเพศทางกายภาพที่ซับซ้อนโดยกำเนิด (มีมากกว่า 1 เพศ)
A = Asexual คือคนที่ไม่ได้มีความฝักใฝ่ทางเพศ
ไม่เพียงแต่ตัวอักษร LGBTQIA+ เท่านั้น ยังมีตัวอักษรระบุเพศอีกมากมายในปัจุบัน
ทำไมต้องเป็นสีรุ้ง
เป็นที่รู้กันดีว่า LGBTQIA+ นั้นเป็นกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย และสีรุ้งเองก็เป็นการรวมตัวกันของความหลายของสีให้มาเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างสีสัน โดยสีรุ้งที่มาเป็นสัญลักษณ์ของคนกลุ่มนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการออกแบบธงสีรุ้งของ Gilbert Baker ศิลปินชาวอเมริกันและนักขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนของเกย์ในปี 1978 ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากธงชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาในวาระฉลองครบรอบ 200 ปี ในปี 1976 โดยในแรกเริ่มธงนี้มีด้วยกันทั้งหมด 8 สี ได้แก่
สี Hot pink ที่มีความหมายสื่อถึงเรื่องเพศ | สีแดง หมายถึงชีวิต | สีส้ม หมายถึงการเยียวยา | สีเหลือง หมายถึงแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่าง | สีเขียวหมายถึงธรรมชาติ | สีฟ้า Turquoise หมายถึงเวทมนต์ | สีน้ำเงินม่วง หมายถึงความสามัคคี | สีม่วง หมายถึงจิตวิญญาณอันแน่วแน่
ภายหลังได้มีการลดจำนวนของสีบนธงลงเหลือเพียง 6 สี โดยสีที่ถูกถอดออก คือ สี Hot pink และสีฟ้า Turquoise เนื่องจากเป็นสีที่มีความพิเศษ ทำให้ยากต่อการผลิต แต่ถึงแม้ว่าจะถูกลดทอนสีลงเหลือเพียงแค่ 6 แต่ความหมายของสีต่าง ๆ ก็ยังคงเหมือนเดิมนั้นเอง
นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบของธงเพิ่มขึ้นอีกมากมายเพื่อเป็นตัวแทนและสัญลักษณ์แห่งความหลากหลาย รวมไปถึงธงโพรเกรส หรือธงไพรด์ยุคใหม่ ที่ถูกคิดค้นเมื่อมี 2018 จากกราฟิคดีไซน์เนอร์ซึ่งเป็น นอน ไบนารี แดเนียล เควซา โดยมีบั้งแถบสีผสมต่าง ๆ ที่มีพื้นฐานสีมากจากธงไพรด์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความอินคลูซีฟ โดยมีจุดมุ่งหมาย คือ เน้นย้ำถึงการตระหนักรู้ในเรื่องความหลากหลายทางเพศและชาติพันธุ์
ติดตามข่าวสารจากเราได้ที่
Website: https://inzpy.com/
Youtube: https://www.youtube.com/c/Inzpy
Facebook: https://www.facebook.com/inzpyth