พระพุทธเมตตา พระประธานในพระมหาเจดีย์พุทธคยา เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ศาสนวัตถุสำคัญที่ประดิษฐานอยู่ในสังเวชนียสถานแห่งที่ 2 มีความสำคัญที่สุดของชาวพุทธ และเป็นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนา
พุทธคยา,ประเทศอินเดีย (BodhGaya, India) : สังเวชนียสถานแห่งที่ 2
พุทธคยา เป็นชื่อภาษาบาลี ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า วัดมหาโพธิ์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเนรัญชรา 350 เมตร มีชื่ออยู่ในความดูแลของคณะกรรมการร่วม พุทธ-ฮินดู2 และได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม เมื่อปี พ.ศ. 2545
ด้านใน “พุทธคยา” จะมีสัตตมหาสถาน คือ สถานที่สำคัญ 7 แห่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุติสุข (คือการพบสุขที่เกิดเพราะความหลุดพ้นจากกิเลส) ดังนี้
พระแท่นวัชรอาสน์ หรือ “โพธิบัลลังก์ (Vajarasana)
ตั้งอยู่ระหว่างองค์พระเจดีย์และต้นพระศรีมหาโพธิ์(Maha Bodhi Tree) โดยต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นต้นไม้ที่ประทับและตรัสรู้สัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า อาสนะนี้จึงได้ชื่อว่า วัชระอาสน์ ซึ่งวัชระ แปลว่า เพชร, อาสนะ แปลว่า ที่นั่ง ดังนั้น วัชระอาสน์ มีความหมายว่า “พระที่นั่งแห่งมหาบุรุษใจเพชร”
อนิมิสสเจดีย์ (Animesa Locana Chaitya)
สถานที่สำคัญที่ประดิษฐานของ “พระพุทธเมตตา” พระพุทธรูปที่รอดจากการถูกทำลายจากพระเจ้าศศางกา พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธทั่วโลก ทรงยืนพิจารณาทอดพระเนตรต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยไม่กระพริบพระเนตรเลยตลอด 7 วัน ระลึกถึงอดีตที่ทรงชำระกิเลสหมดสิ้นผ่องใส
รัตนจงกรมเจดีย์ (Cankamana Chaitya or Cloister Path)
พระพุทธเจ้าทรงนิรมิตที่จงกรม ระหว่างโพธิบัลลังก์กับที่ประทับยืน ที่อนิมิสเจดีย์ ทรงเสด็จจงกรมจากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก เรียกว่า รัตนจงกรมเจดีย์
รัตนฆรเจดีย์ (Ratanaghrara Chatiya)
สถานที่ที่เทวดา นิรมิตถวาย พระองค์ทรงประทับภายในเรือนแก้วนั้นตลอด 7 วัน ทรงพิจารณาพระอภิธรรม เมื่อทรงพิจารณาถึงมหาปัฏฐาน ปรากฏมี พระฉัพพรรณ (สีที่แผ่ออกจากพระวรกายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
อชปาลนิโครธ (Ajapala Nigrodha Tree : Banyan Tree)
อชปาลนิโครธ หมายถึง ต้นไทรอันเป็นที่รักษาแพะ หมายถึง ต้นไทรนี้ มักมีเด็กเลี้ยงแพะ พาแพะ มาหากิน เสมอๆ พระพุทธเจ้า ขณะยังเป็นพระโพธิสัตว์ ยังไม่ตรัสรู้ และเป็นสถานที่ที่ ธิดาพญามาร 7 ตน คือ นางราคะ นางอรตี และนางตัณหา ได้อาสาผู้เป็นบิดาเข้าไปประเล้าประโลมด้วยเสน่ห์กามคุณต่าง ๆ นานา แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงเอาพระทัยใส่ กลับขับไล่ไปเสีย แสดงถึงบุคลิกลักษณะอันประเสริฐของผู้ชนะตนได้แล้ว จะไม่ยอมกลับเป็นผู้แพ้
สระมุจลินทร์ (Mucalinda Lake)
พระองค์ทรงประทับที่แห่งนี้ตลอด 7 วัน 7 คืน ขณะนั้นเกิดฝนตกใหญ่ พญานาค นามว่า มุจลินทร์ ปรารถนาจะกำบังผนให้พระพุทธองค์ จึงขนดตนเองวนรอบ พระวรกาย และแผ่พังพานบังลมผน ตลอด 7 วัน เมื่อครบ 7 วัน ลมฝนสงบแล้ว ได้คลายตัวออก และแปลงเพศเป็นมานพหนุ่ม ถวายบังคม ณ เบื้องพระพักตร์
ราชายตนะ หรือต้นเกด (Rajayatana)
เป็นทางที่มีพ่อค้า 2 คน ชื่อ ตปุสสะ และภัลลิกะ เดินทางมาถึง เกิดความเลื่อมใสจึงพากันถวายข้าวสัตตุ (ข้าวตู) พระพุทธองค์ทรงดำริว่า พระตถาคตทั้งหลายไม่รับด้วยมือ ท้าวเทวราชทั้ง 4 ทรงนำบาตรศิลา 4 ใบแล้วอธิษฐานให้เป็นบาตรเดียวรับข้าวสัตตุ จากนั้นพ่อค้าทั้งสองจึงได้ประกาศตนเป็นอุบาสก เป็นสรณะตลอดชีวิต
ที่มาเนื้อหา : https://thaiontours.com/india/bodhgaya-india
“พระพุทธเมตตา”
พระพุทธเมตตาองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หรือปางชนะมาร (คนอินเดียเรียกว่า ปางภูมิสัมผัส หรือปางภูมิผัสสะ แปลว่า ทรงชี้ให้แผ่นดินเป็นพยานแห่งการทำความดีในอดีต) ศิลปะสมัยปาละ และสร้างด้วยหินแกรนิตสีดำเนื้อละเอียด มีอายุกว่า 1,400 ปี
เหตุที่เรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธเมตตา” เพราะพระพักตร์เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน เมตตากรุณา ปัจจุบัน มีชาวพุทธผู้ศรัทธาเดินทางมาปิดทององค์พระพุทธเมตตา เหลืองอร่ามสุกใสงดงาม ฉัพพรรณรังสีประดับด้วยอัญมณีและพลอย อีกทั้งนิยมมาห่มผ้าองค์พระและถวายเครื่องบูชาต่าง ๆ มากมาย
ตำนานที่น่าสนใจเกี่ยวกับองค์พระพุทธเมตตา
ครั้งหนึ่ง กษัตริย์ฮินดูจากเบงกอล ขึ้นครองราชย์ก็ทรงมีนโยบายทำลายพระพุทธศาสนา ได้ยกกองทัพมาถึงต้นพระศรีมหาโพธิ์ สั่งให้กองทหารทำลายต้นพระศรีมหาโพธิ์ พร้อมกับขุดรากขึ้นมาเผา (ภายหลังพระเจ้าปรณวรมา ได้เสด็จมาพบ ทรงเร่งให้บูรณะพระศรีมหาโพธิ์ขึ้นใหม่) และได้เข้าไปในพระมหาเจดีย์ เห็นพระพุทธรูปพระองค์หนึ่ง คิดจะทำลายด้วยตนเอง แต่ทำลายไม่ลงเพราะพระพักตร์อันเปี่ยมด้วยเมตตา เมื่อยกทัพกลับพระนคร คิดว่าหากปล่อยให้พระพุทธรูปอยู่ในพระวิหาร พุทธศาสนิกชนก็จะฟื้นฟูขึ้นมาอีก
จึงให้นายทหารคนหนึ่งไปทำลายทิ้ง นายทหารนั้นไปถึงก็ไม่กล้าทำลายเพราะเป็นชาวพุทธ แต่ครั้นจะไม่ทำลายก็เกรงพระราชอาญา อาจจะถูกประหารทั้งครอบครัว จึงคิดว่าไม่ทำลายดีกว่า เพียงแต่ซ่อนองค์พระพุทธรูปองค์นี้ก็พอ จึงเอาอิฐมาก่อปิดทางเข้าห้องบูชาเพื่อไม่ให้ใครเห็นแล้วตั้งรูปพระเมหศวรไว้ด้านหน้า
เมื่อกลับไปรายงานพระเจ้าสาสังการ ว่าทำลายพระพุทธรูปเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะดีพระทัยกลับหวาดกลัวในอกุศลกรรม ภายหลังต่อมาได้ล้มป่วยลง พระวรกายเน่าเปื่อยเนื้อหลุดเป็นชิ้น ๆ ด้วยบาปกรรมที่สั่งให้ทำลายต้นพระศรีมหาโพธิ์ และองค์พระพุทธเมตตา เมื่อพระเจ้าสาสังการสิ้นพระชนม์แล้ว ทหารคนนั้นจึงกลับไปที่พระมหาเจดีย์ นำเอาอิฐที่บังองค์พระพุทธรูปออก และจุดตะเกียงน้ำมันบูชา ปรากฏว่าดวงประทีบที่นายทหารคนนั้นจุดบูชาพระพุทธรูปยังส่องสว่างอยู่
ที่มาเนื้อหา : https://shorturl.asia/AcFVI
_____
ติดตาม Inzpy ได้ที่
Facebook:
https://www.facebook.com/inzpyth/
YouTube:
https://www.youtube.com/c/Inzpy