ปฏิเสธไม่ได้ว่าเลยว่าคนไทยใช้ชีวิตอยู่กับ ฝุ่น PM 2.5 มาเป็นระยะเวลาหลายปีติดแล้ว หลายคนอาจมองว่า “ก็แค่ฝุ่น” แต่ฝุ่นเล็ก ๆ นี่แหละที่ทำเราสุขภาพแย่ลงได้
จากกรณีเคสของคุณหมอกฤตไท ธนสมบัติกุล อาจารย์หมอวัย 28 ปี เจ้าของเพจ สู้ดิวะ ป่วยเป็น มะเร็งปอด ที่เกิดจาก ฝุ่น PM 2.5 ทั้งที่เป็นนักกีฬาและเข้ายิม ดูแลสุขภาพตัวเองดีมาก ๆ และให้ความสำคัญกับอาหารและการนอนหลับอย่างดี
โดย คุณหมอกฤตไท บอกว่า PM 2.5 อาจจะไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้ตัวเขานั้นเป็นโรคมะเร็งปอด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคร้ายกับตัวเขา โดยเจ้าตัวบอกว่า ปัจจุบันผลการศึกษามากมาย มันพิสูจน์มาหมดแล้วว่าพวกตัวเลขค่าฝุ่นเท่านี้เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่กี่มวน
PM2.5 หรือชื่อเต็มคือ Particulate matter with diameter of less than 2.5 micron เป็นฝุ่นละออง ขนาดจิ๋วที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน เป็น 1 ใน 8 ตัว วัดมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศ
ความร้ายแรงจากฝุ่น PM 2.5
มันสามารถผ่านการกรองของขนจมูกและเข้าสู่ชั้นในสุดของปอด ได้ แม้ฝุ่นจิ๋ว PM2.5 จะไม่ได้เป็นอันตรายต่อ ร่างกายแบบเฉียบพลัน แต่ต้องใช้เวลาสะสมนับ สิบปีถึงจะแสดงผล อันตรายจากฝุ่น PM2.5 คือ มันสามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางพาสารอื่น ๆ เข้า สู่ปอด
PM 2.5 มีองค์ประกอบสารเคมีบางชนิด ที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้
เช่น โพลีไซคลิกอะโรมาติก ไฮโครคาร์บอน เกิดจาการเผาไหม้ของสารอินทรีย์ไม่สมบูรณ์ทั้งนี้ได้มีการศึกษาพบว่า PM 2.5 ปริมาณ 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เทียบเท่าการสูบบุหรี่ 1 มวน แม้ความเสี่ยงของ PM 2.5 ต่อมะเร็งปอดจะไม่มากเท่าการสูบบุหรี่ แต่ถ้าต้องได้รับ PM 2.5 ในปริมาณมาก เป็นเวลานานก็เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอดได้
การป้องกันจากฝุ่น PM 2.5 เบื้องต้น
- หลีกลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง เพื่อป้องกันการสูดฝุ่นละอองเข้าไปในร่างกาย
- เมื่อต้องออกกลางแจ้งให้สวมใส่หน้ากาก N95 ที่สามารถป้องกันฝุ่นล็ก ๆ ตั้งแต่ 0.1-0.3 ไมครอนได้ดี
- ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ งดการออกกำลังกายนอกอาคาร
- ติดตั้งอุปกรณ์ลด ฝุ่นละอองภายในบ้าน
- ปลูกหรือซื้อไม้ยืนต้นที่ช่วยดูดซับฝุ่นละอองได้ดี ได้แก่ กระถิน มะขาม บุนนาค ขนุน ชาสีทอง มะม่วง และ มะกอกน้ำ เป็นต้น
อ้างอิงข้อมูลจาก: https://www.chula.ac.th/
