ในตอนเด็ก เชื่อว่าหลายคนนั้นมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของจักรวาล ซึ่งหนึ่งในนั้นก็จะมีเรื่องราวของ จันทรุปราคา หรือที่เรียกกันว่า ราหูอมจันทร์ ที่เราจะสามารถมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดง มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แล้วทำไมถึงเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้น โดยเฉพาะในวัน ลอยกระทง ปี 2565 นี้
จันทรุปราคานั้นสามารถจำแนกออกได้เป็น 3 แบบย่อย ได้แก่ จันทรุปราคาเต็มดวง, จันทรุปราคาบางส่วน และจันทรุปราคาเงามัว ซึ่งในปี 2565 จันทรุปราคาเกิดในวันลอยกระทงพอดี แล้วจันทรุปราคา ต่างจากวันพระจันทร์เต็มดวงแบบอื่นทั่วไปอย่างไร
ในวันที่เกิดจันทรุปราคา จะเกิดปรากฏการณ์น่าตื่นตากว่าปกติ เพราะว่าพระจันทร์จะกลายเป็นสีแดง นั่นเป็นเพราะว่าดวงจันทร์โคจรมาอยู่ใกล้โลกมากที่สุด และแสงถูกหักเหจากชั้นบรรยากาศโลก จะเกิดขึ้นในพื้นที่ อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง โอเชียนเนีย และพื้นที่ส่วนใหญ่ในเอเชีย
จันทรุปราคาเต็มดวง (Total Lunar Eclipse) เกิดขึ้นเมื่อเงาของโลกบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องไปยังดวงจันทร์เกือบทั้งหมด เนื่องจากเส้นผ่านศูนย์กลางของโลกใหญ่กว่าดวงจันทร์ 4 เท่า อย่างไรก็ตาม ยังมีแสงสว่างบางส่วนที่ลอดผ่านชั้นบรรยากาศโลกไปถึงดวงจันทร์ได้ ปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดการกรองแสงสีฟ้าออกไป จนเรามองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดง
ซึ่งในครั้งนี้จะเป็นจันทรุปาราคาเต็มดวงครั้งที่ 3 ในปี 2565 และจะเกิดขึ้นนาน 85 นาที หากไม่ได้ชมในครั้งนี้ จะเกิดจันทรุปราคาอีกครั้งในปี 2568 หรืออีก 3 ปีเลยค่ะ สำหรับช่วงเวลาที่จะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงคือเวลา 15.02 – 20.56 น. ในไทยดวงจันทร์จะโผล่พ้นขอบฟ้าในช่วงเวลา 17.44 น. จึงไม่สามารถสังเกตช่วงแรกของปรากฏการณ์ได้ แต่จะเริ่มเห็นชัดขึ้นขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงพอดี สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ทุกภูมิภาคของไทย ตั้งแต่เวลา 17.44 น. เป็นต้นไป ช่วงที่คราสเต็มดวง ดวงจันทร์จะปรากฏเป็นสีเลือดถึงเวลา 18.41 น.
จันทรุปราคา จะเกิดขึ้นเฉพาะในคืนวันเพ็ญ 15 ค่ำ หรือคืนพระจันทร์เต็มดวง ถึงแม้จะเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่ก็อิทธิพลต่อความเชื่อในหลายวัฒนธรรม รวมถึงไทยด้วย ที่เห็นมากที่สุดก็จะเป็นเรื่องความเชื่อของชาวอินเดีย ตอนที่เหล่าเทวดา และยักษ์ได้ช่วยกันกวนมหาสมุทร หรือที่เคยได้ยินกันในชื่อ “กวนเกษียรสมุทร” เป็นพิธีเสกน้ำอมฤตที่เชื่อกันว่าหากผู้ใดได้ดื่มแล้วจะกลายเป็นอมตะ
ในการกวนเกษียรสมุทรจะต้องทำเขามันทระไปตั้งกลางมหาสมุทร เป็นไม้กวน และมี “พญาวาสุกรี” พญานาคมาทำเป็นเชือกพันรอบเขา แล้วแบ่งฝั่งระหว่าง เทวดากับยักษ์ ด้วยกลอุบายของเหล่าเทวดาที่ฉลาดกว่ายักษ์ ก็เลือกไปอยู่ส่วนหาง และพวกยักษ์ก็จะอยู่ฝั่งหัว เมื่อระหว่างการกวนพญานาคที่ถูกดึงรัดก็ค่อยคลายผิดออกมา ทำให้พวกยักษ์อ่อนแรง แสบร้อน อยู่เป็นเวลานานกว่าจะได้น้ำอมฤตออกมา หลังจากนั้นก็เกิดการแย่งชิงจนในสุดท้ายน้ำอมฤตก็ตกเป็นของเหล่าเทวดา แต่มียักษ์ตนหนึ่งชื่อว่า “อสุรินทราหู” คิดไม่ซื่อจึงได้ปลอมตัวเป็นเทวดาสวมลอยมาดื่มน้ำอมฤตด้วย
แต่ในร่างที่เป็นยักษ์ปลอมตัวมาก็ซ่อนไม่มิด จึงถูกพระอาทิตย์ และพระจันทร์จับได้ พระนารายณ์เห็นดังนั้นจึงได้ใช้จักรที่เป็นอาวุธตัดคอยักษ์อสุรินทรา แต่ทว่ายักษ์ตนนั้นได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้วจึงทำให้ร่างของยักษ์เป็นอมตะ แต่ร่างกายถูกแยกส่วนออกเป็นสองท่อน ส่วนร่างกลายเป็น ดาวหาง ดาวเกตุ และส่วนบนจึงได้กลายเป็น “ราหู”
ด้วยความแค้นพยาบาทของพระราหูเมื่อพระจันทร์ หรือพระอาทิตย์ก็จะคอยอมแสง หากอมแบบคลี่จะเป็นการอมแบบเต็มดวง แต่ถ้าหากอมแบบคลายจะเป็นการอมแบบไม่เต็มดวง ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านต้องคอยช่วยพระจันทร์ และพระอาทิตย์ด้วยการตีเกราะ จุดประทัดทำเสียงดังเพื่อไล่ราหูออกไป
นี่ก็เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์จันทรุปราคา ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของราหู หวังจะว่าเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ และในวันลอยกระทงปีนี้ก็เป็นวันที่เกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาด้วย หากจะจุดประทัดกันก็ต้องคอยระมัดระวังกันด้วยนะคะ โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ที่อาจจะเกิดอันตรายได้ ปีนี้ก็ถือว่าได้ลอยกระทง และได้ดูจันทรุปราคาไปด้วย ก็ขอให้เป็นที่ดี และมีความสุขกันถ้วนหน้าเลยนะคะ
_____
ติดตาม Inzpy ได้ที่
Website:
https://inzpy.com/travel/
Youtube:
https://www.youtube.com/c/Inzpy
Facebook:
https://www.facebook.com/inzpyth
