More

    รู้จักตัวตนของ “เอ็ม-คณิน โมกขะเวส” ผ่าน Sicknature แฟชั่นบำบัดซึมเศร้า

    ชีวิตที่ใช้แบบสุดทุกทางจนบางคนเกิดคำถามในตัวของผู้ชายคนนี้ ว่าเขาพอจะทำอะไรได้เรื่องได้ราวบ้าง เอ็ม-คณิน โมกขะเวส หรือ M Neverdie เขาไม่ใช่แค่นักเที่ยวกลางคืนไปวันๆ หรือ แต่งตัวสุดจัดไปเรื่อยเปื่อย สิ่งที่เขาเป็น และความคิดของเขาในวันนี้มันยังมีเรื่องที่ซับซ้อนและเป้าหมายมากกว่าภาพลักษณ์ภายนอก

    รูทีนชีวิตของ M Neverdie

    Sicknature

    “จริงๆ ผมเป็นคนแอบไม่ค่อยมีระบบเท่าไหร่ ใช้ชีวิตตามใจตัวเอง ส่วนใหญ่ก็มีออกแบบเสื้อผ้า และก็ไปเที่ยวกลางคืน สังสรรค์กับเพื่อนๆ ซึ่งมันก็เหมือนการไปหางานด้วย เพราะการออกไปเที่ยวของผมมันก็ได้คอนเนคชั่นกลับมา ก็เลยเป็นอีกหนึ่งงานก็คือ การเป็นโปรโมเตอร์ที่เที่ยวกลางคืน อาชีพนี้ผมเริ่มทำเมื่อต้นปีนี้เอง ทำหน้าที่จัดอีเว้นท์ จัดปาร์ตี้ รวมคนที่ชอบฟังเพลง ชอบแต่งตัวมาจอยกัน ตามสถานที่ต่างๆ มันเป็นอาชีพที่ผมเอนจอยนะ และก็ดันได้เงินด้วย”

    ความเป็น M Neverdie มาพร้อมกับความสนุก ความบ้า ความสุด เพื่อนเยอะ ตรงนี้กลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย

    “จุดเด่นของผมคือความสนุกความบ้า เขาจะรู้และบอกต่อ และมีถามว่าเราเป็นใคร ไม่ว่าจะคาแร็กเตอร์ หรือการแต่งตัว และผมอยู่กับชีวิตไนท์ไลฟ์มานาน เสน่ห์ของชีวิตแบบนี้มันคือ Community ครับ ชีวิตผมอยู่ทองหล่อมาตั้งแต่เด็ก และเรียนแถวนี้ ชีวิตประจำวันที่ผมอยู่มาตั้งแต่เด็กๆ ก็อยู่ย่านนี้อยู่แล้ว เลยไม่ได้คิดว่าย่านนี้ไฮโซอะไร ตั้งแต่เด็กมองว่ามันใกล้โรงเรียน และบังเอิญที่เที่ยวก็อยู่ย่านนี้ เราก็เคยชินกับสังคมที่นี่ แต่ถามว่าผมเจอแต่คนดีๆ หรือเปล่ามันก็ไม่ใช่ สังคมที่เที่ยวมันก็เหมือนสังคมอื่นๆ ซึ่งผมโชคดี ที่เจอแต่คนดีๆ เพราะการจะหาเพื่อนจากที่เที่ยวมันยากนะ”

    จุดเริ่มต้นที่ทำให้ชอบแฟชั่นและการแต่งตัว

    Sicknature

    “ผมชอบแฟชั่นมาตั้งแต่เด็ก เท่าที่จำได้ ผมคิดว่าน่าจะประมาณ ป.4 ที่เริ่มหยิบเลือกเสื้อผ้าใส่เอง และก็เลือกแต่ที่สีสันเต็มตัวไปหมด ใส่รองเท้าสลับข้างบ้างไรบ้าง มันมีความสนุกสนานอยู่ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร จะเรียกว่าเป็นแฟชั่นหรือเปล่า หรืออะไรก็ไม่รู้ในตอนนั้น แต่ทำแล้วมันสนุก มันตลกดี

    พอเริ่มโตขึ้นประมาณ ป.6 ทีนี้ก็เริ่มรู้จักแฟชั่นมากขึ้น บวกกับเรามีเพื่อนรุ่นพี่เยอะ ก็ได้คัลเจอร์การแต่งตัวมาจากพวกเขาด้วยบ้าง ช่วงนั้นก็เริ่มรู้จักแบรนด์แฟชั่นของเมืองนอก อย่าง Banana Republic, DR. Matin , SWEAR อะไรพวกนี้ และอะไรที่กำลังเป็นเทรนด์ เราก็ตามตั้งแต่นั้นมา ฟังแล้วอาจจะดูเหมือนเด็กแก่แดดเลยนะ (หัวเราะ)”

    สมัยเด็กๆ ที่แต่งตัวจัดแบบนี้เวลามีคนมองรู้สึกอย่างไร

    “เจ๋งสุดๆ ครับ (หัวเราะ) คือผมไม่ได้มีแค่เพื่อนที่โรงเรียน แต่ยังมีเพื่อนแถวบ้านซึ่งก็เป็นอีกกลุ่ม เวลาใครพูดอะไรก็เออรู้สึกว่าก็ดี ผมว่าโลกใบนี้มันมีอะไรหลายอย่างที่มันน่าสนุกกว่าที่เราจะมานั่งแคร์ว่าใครมองเราแบบไหน คิดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ชอบทำกิจกรรม เป็นนักกีฬาของโรงเรียน และก็เป็นคนที่ชอบแต่งตัวด้วย”

    จุดนี้เลยทำให้อยากสร้างแบรนด์ของตัวเอง

    “ตอนนี้ก็ทำไปบ้างแล้วครับ แบรนด์ผมคือ Sicknature ต้องเล่าที่มาให้ฟังก่อนว่า ครอบครัวผมจริงๆดีมาก คุณพ่อคุณแม่เป็นหมอ พี่สาวก็เป็นนางแบบ ส่วนผมก็จะเป็นตัวถ่วงนิดหน่อย (หัวเราะ) เพราะเราซน สายปาร์ตี้ เป็นเด็กแสบคนหนึ่ง ที่ไม่เอาไหนเลย แต่ตอนนี้ผมเริ่มศึกษาเรื่องที่ผมสนใจนั่นก็คือ แฟชั่น ว่ามันมีอีกหลายมิติ ซึ่งช่วงนั้นผมเรียนอยู่ที่ออสเตรเลียพอดี และสังคมมันอิสระมาก จะทำอะไรจะแต่งตัวแบบไหนก็ได้ที่มันสะท้อนความเป็นตัวตนของเรา ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกว่า แบบนี้แหละผมชอบ

    Sicknature แบรนด์ที่สะท้อนชีวิตและจิตใจของ M Neverdie

    ผมมีความคิดที่จะสร้างแบรนด์ Sicknature ซึ่งก็ต้องบอกก่อนว่า ผมเองก็เป็นคนป่วยคนหนึ่ง ผมเป็นไฮเปอร์ ซึมเศร้า และก็ไบโพลาร์ด้วย และพอผมย้ายมาอยู่เมืองไทย มองเห็นสังคมบ้านเรามันมีความเครียดเยอะ ความเครียดนี้ผมมองว่าเป็นเพราะคุณเอาโลกของคุณมาซ้ำเติมตัวเอง สมมติว่าคุณเป็นไบโพลาร์ คุณเป็นคนอารมณ์สองขั้ว แต่โรคพวกนี้จริงๆ มันมีวิธีการรับมือนะจากจิตแพทย์นะ มันมีทางออกของมัน แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะคอนโทรลมันได้มากแค่ไหนและเลือกทีจะฟังหมอได้มากแค่ไหน

    อย่างตัวผมเองเป็นคนที่ไม่ฟังหมอเลย ผมเลยอยากจะชักชวนคนที่เขาป่วยมาช่วยกันทำให้ดีขึ้น เพราะผมเองคงเป็นจิตแพทย์รักษาให้ใครไม่ได้ แต่คิดว่าการที่เราสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมาก็น่าจะเป็นอีกทางที่สามารถช่วยคนที่ป่วยแบบผมได้ให้เขารู้สึกเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น นี่คือคอนเซปต์ของ Sicknature ซึ่งตอนนี้ก็มีขายทางออนไลน์ และก็จะมีร้านที่สยามแสควร์ด้วยครับ

    Sicknature

    Sicknature เป็นแบรนด์แฟชั่นที่เอ็มทุ่มเท และเป็นกำลังหลักในการสร้างสรรค์งานขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กางเกง หมวก พร้อมกับเมสเสจที่เขาต้องการสื่อสารออกไป เพื่ออยากให้ทุกคนที่ป่วยซึมเศร้าคิดบวกมากขึ้น และทุกไอเท็มที่เขาออกแบบก็ถูกนำมาถ่ายทอดลงบนตัวเขาเอง จนบางครั้งก็มีคนที่วิจารณ์การแต่งตัวของเขา

    “บางคนอาจจะมองว่าผมคำแต่งตัวโคตรสุด แต่งตัวอะไรก็ไม่รู้ คือมันก็เป็นแบบนั้นล่ะครับ ยกตัวอย่างมีอยู่ครั้งนึง ผมนึกถึงตอนเด็กๆ ที่ใส่ชุดลูกเสือสามัญ ก็เลยนึกสนุกไปซื้อถุงเท้าลูกเสือใส่กับพู่ ส่วนเสื้อผ้ากับกางเกงก็แต่งปกติ มันก็เป็นความทรงจำในวัยเด็กของผมที่ลองเอามาปรับเป็นสไตล์ของตัวเอง ตอนนั้นเพื่อนทักว่าแต่งตัวอะไรของมึงวะ ผมก็บอกไปเหมือนกันว่า มันคือความทรงจำวัยเด็กของผม เพราะตอนนั้นโดนตีทุกวันเลย (หัวเราะ) โรงเรียนให้ใส่ชุดลูกเสือแต่ผมไม่ใส่”

    คาดหวังกับแบรนด์ Sicknature นี้ยังไงบ้าง

    ผมก็อยากจะทำแบรนด์นี้ให้เป็น Global นะ อยากให้ทุกคนได้รู้ว่าแบรนด์ไทย ของคนไทยนี่แหละมันเจ๋งยังไง ผมไปอยู่เมืองนอกมาก็จริง แต่ผมภูมิใจที่จะพูดและแสดงออกเลยว่าผมเป็นคนไทย ผมอยากโชว์ตรงนี้ อยากให้ทุกคนภูมิใจ และรักในประเทศของเรา

    ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ทุกวันนี้ผมดีใจมากนะที่พอบอกคนรอบข้างไป ทั้งครอบครัว และเพื่อน ทุกคนบอกว่าดี ชอบกันหมดเลย ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีในชีวิตของผมมากเลยนะ เพราะที่ผ่านมาทำอะไรก็ไม่เคยสำเร็จ มีไม่กี่เรื่องในชีวิตที่ผมทำได้สำเร็จ และพอมาทำแบรนด์ Sicknature ผมก็จริงจังเลย ซึ่งก็ยังมีคนที่ดูถูกอยู่บ้างนะ เพราะมองว่าเราปาร์ตี้เยอะ บ้าๆ บอๆ ไม่เอาไหน ไม่เคยสำเร็จ ซึ่งไอ้คำพวกนี้ผมก็ไม่ได้เถียงนะ เพราะผมชอบท้าทายและอยากให้เห็นว่าสิ่งที่เขาคิดว่าผมเป็นแบบนี้แบบนั้น แต่จริงๆมันไม่เสมอไปนะ ผมเชื่อว่าถ้าเราตั้งใจกับมัน และทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันต้องดีเอง”

    คุณคือผู้ชายที่สุดทุกทาง และแต่งตัวจัดยิ่งกว่าเกย์จริงไหม

    ถูกต้องครับ ผมคือหนึ่งในนั้นครับ และก็เคยมีคนถามด้วยว่าเป็นเกย์หรือเปล่า ผมเลยบอกไปว่า มาลองดูก่อน (หัวเราะ) ผมล้อเล่นนะครับ เอาจริงๆ นิยามของผมก็คือ M Neverdie ก็คือ ฆ่าไม่ตายสักที เพราะตั้งแต่เด็กจนโตผ่านเรื่องคอขาดบาดตายมาเยอะมาก จนทุกคนบอกว่ามึงยังไม่ตายอีกหรอวะ ก็เลยเรียกผมกันว่า เอ็ม เนเวอร์ดาย เพราะฆ่าไม่ตายสักที (หัวเราะ)

    แต่ถึงเราจะใช้ชีวิตสุดยังไง ผมก็มีสิ่งที่รักและภูมิใจมากนะ ก็คือความที่ผมเป็นคนไทย ผมไม่เคยอายพวกฝรั่งเลย และตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไปเยอะมาก เด็กยุคใหม่ทำงานกันเร็ว ซึ่งผมชอบนะ แต่ผมก็อยากให้พวกเขารักตัวเอง รักประเทศของเราด้วย มีสัมมาคารวะกับทุกคน ไม่ว่าจะอายุเด็กหรือแก่กว่า ผมว่าข้อนี้สำคัญมาก คุณจะไปสุดขนาดไหนก็ตาม แต่ต้องอย่าลืมว่าเรื่องพวกนี้เราไม่ควรหลงลืมมันไปครับ”

    ชมคลิปสัมภาษณ์มันส์ๆ Exclusive Interview ได้ทาง YouTube Channel ของเรา และฝากกดฟอล กดไลค์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ

    บทความที่เกี่ยวข้อง
    เกรฮาวด์ ออริจินัล กับ Eco Fashion ผลิตจาก “ฟางข้าว”
    วันพักผ่อนต้องแต่งลายจัดๆ นี้เลย

    Related Post