คำว่า “ทานคอลลาเจน (Collagen)” เมื่อพูดถึงคำนี้คงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นหนึ่งในสารอาหารที่ดีและจำเป็นต่อสุขภาพร่างกายโดยเฉพาะในเรื่องของความสวยความงาม ซึ่ง
คอลลาเจนCollagen คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายของเราสามารถสร้างได้เอง (fibrous protein) ประกอบด้วยกรดอะมิโน (amino acid ) ที่ต่อกันเป็นเส้นใยยาวๆ (peptide bond) โดยร่างกายจะผลิตคอลลาเจน (Collagen) ออกมามากถึง 30-40% ซึ่งมีความสำคัญต่อเซลล์ในร่างกายเพื่อเชื่อมต่อเซลล์ให้เข้ากันอย่างสมบูรณ์
ถึงแม้ว่าร่างกายของเราจะสร้างคอลลาเจน (Collagen) เองได้แต่ก็อาจจะไม่เพียงพอ เพราะปริมาณที่ร่างกายต้องการใช้คอลลาเจนนั้นก็มีมากเหมือนกัน ซึ่งคุณสมบัติของคอลลาเจนมีความน่าทึ่งเป็นอย่างมาก มันไม่เพียงแค่ล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกายเท่านั้น แต่คอลลาเจนยังช่วยให้ผิวสวย เนียน เด้ง และช่วยรักษาบรรเทาอาการข้อเสื่อมได้ ที่เราจะเห็นตามโฆษณาตามสื่อต่างๆ อยู่บ่อยๆ ซึ่งคอลลาเจนที่ช่วยเรื่องของผิวพรรณ และไขข้อนั้นจะไม่เหมือนกัน
คอลลาเจนสำหรับ “ผิวพรรณ”
คอลลาเจน (Collagen) ที่ช่วยในเรื่องของผิวพรรณจะพบมากที่สุดในร่างกาย ซึ่งจะจัดอยู่ใน Collagen Type 1 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ป้องกันการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ และช่วยสมานแผลบนผิวหนัง ทำให้การมีคอลลาเจน Collagen Type 1 ในร่างกายมากๆ นั้นเป็นผลดีต่อผิวพรรณที่จะคอยช่วยให้ผิวเรียบ เนียน ไร้ริ้วรอยนั่นเอง ซึ่งคอลลาเจนชนิดนี้เราสามารถรับประทาน ได้ผ่านการแปรรูปกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เรียกว่า (bioactive collagen peptide) ซึ่งดีต่อผิวพรรณ พื้นฟูผิวเหี่ยวย่น และลดเลือนริ้วรอยต่างๆ เป็นอย่างมาก
คอลลาเจนสำหรับ “ไขข้อ”
คอลลาเจนที่ช่วยในเรื่องของไขข้อนั้น พบมากในข้อกระดูกอ่อนและไขข้อของร่างกายเรียกว่า Collagen Type 2 ซึ่งเมื่อเราแก่ตัวลงไปการผลิต Collagen Type 2 ในร่างกายก็จะน้อยลงตามไปด้วย ทำให้เกิดอาการปวดตามข้อเข่า ข้อขาได้ง่ายๆ Collagen Type 2 สามารถช่วยในการสร้างกระดูกอ่อน อีกทั้งยังช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอบริเวณข้อได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่มีปัญหาไขข้อ แนะนำให้ ทานคอลลาเจน ประเภท คอลลาเจนชนิด “ไฮโดรไลเซต คอลลาเจน (Collagen Hydrolysate)
ทานคอลลาเจน (Collagen) ยังไงให้ได้รับประสิทธิภาพสูงสุด
ถึงแม้ร่างกายของเราจะสามารถสร้าง คอลลาเจน (Collagen) ได้เอง แต่มันก็อาจไม่ได้เพียงพอต่อการพื้นฟูให้ได้ตามที่เราต้องการ ดังนั้นการทานคอลลาเจน จึงเป็นทางเลือกที่ดีของคนที่รักสวยรักงาม และอยากสุขภาพดียิ่งๆขึ้นไป เรามาดูกันว่า “การทานคอลลาเจนด้วยวิธีไหนจะได้ประสิทธิภาพมากที่สุด”
1.ทานหลังตื่นนอนตอนเช้า
ช่วงเวลาเช้าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ร่างการจะดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ดี หลายหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสุขภาพจึงได้รณรงค์ให้ทุกคนรับประทานอาหารเช้า แต่ก่อนที่จะทานอาหารเช้านั้นแนะนำให้คุณชงคอลลาเจน (Collagen) กินสัก 1 แก้วก่อน เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่มีอยู่ในคอลลาเจนได้มากที่สุด และจะทำให้คอลลาเจนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
2.ผสมคอลลาเจนในน้ำผลไม้
อย่างที่ทุกคนรู้ดีว่าในผลไม้ต่างๆ จะมีวิตามินมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี กรดอะมิโนต่างๆ และสารอาหารอีกมากมาย การทานคอลลาเจน (Collagen) ควบคู่ไปกับน้ำผลไม้จึงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากยิ่งขึ้น ไม่ต้องผสมน้ำให้เสียเวลา และสำหรับคอลลาเจนบางชนิดอาจจะมีกลิ่นคาว การผสมคอลลาเจนในน้ำผลไม้จะทำให้ทานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
3.ทานได้ทุกเมื่อตอนท้องว่าง
สำหรับท่านไหนที่ตื่นมาดื่มคอลลาเจน (Collagen) ในตอนเช้าไม่ทัน และคิดว่าจะดื่มในช่วงไหนได้อีก แนะนำให้ให้คุณดื่มคอลลาเจนเมื่อรู้สึกท้องว่าง หรือรู้สึกหิวให้ดื่มคอลลาเจนก่อนทานอาหารสัก 30 นาที เช่น ทานก่อนอาหารเที่ยง หรือ ทานก่อนอาหารเย็น เพื่อให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้มากที่สุด เพื่อจะได้เข้าไปซ่อมแซมร่างกายในส่วนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
หลายๆผลิตภัณฑ์ได้ผลิตคอลลาเจน (Collagen) ออกมาในรูปแบบต่างๆ มากมาย ทั้งแบบเป็นซอง และเป็นกระปุก ซึ่งแบบกระปุกคุณจะต้องกะปริมาณในการทานแต่ละครั้งให้ครบ 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และให้มีประสิทธิภาพต่อการบำรุง ซ่อมแซมส่วนต่างๆ ได้มากที่สุด ที่สำคัญการชง ทานคอลลาเจน สำเร็จรูปควรละลายในน้ำอุณหภูมิห้องจะดีที่สุด ไม่ควรละลายในน้ำร้อน และ ควรเลือกทานคอลลาเจนไตรเปปไทด์เพื่อให้ร่างกายดูซึมได้ดีขึ้น
สำหรับใครที่กำลังมองหาคอลลาเจนที่ช่วยในเรื่องของผิวพรรณควรจะเลือกคอลาเจนที่เป็นประเภท Collagen Type 1 เพื่อเข้าไปช่วยพื้นฟู เหี่ยวย่น และลดเลือนริ้วรอยต่างๆ แต่หากต้องการคอลลาเจนที่ช่วยเรื่องของไขข้อ กระดูก ให้เลือก Collagen Type 2 ที่มี “ไฮโดรไลเซต คอลลาเจน (Collagen Hydrolysate)
แว็กซ์ขน โกนขน เลเซอร์ขน “กำจัดขน” แบบไหนดีกว่ากัน คลิก!!