More

    เทคนิค “ถ่ายภาพฝนดาวตก” แบบฉบับนักดาราศาสตร์

    เทคนิค “ถ่ายภาพฝนดาวตก” แบบฉบับนักดาราศาสตร์

    คืนวันที่ 14 ธันวาคม ไปจนถึงรุ่งสางของวันที่ 15 ธันวาคม 2566 จะเกิดปรากฎการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือ ฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ Inzpy จึงขอแชร์เทคนิคการ ถ่ายภาพฝนดาวตก จาก เพจ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ มากฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ เป็นเทคนิคถ่ายฝนดาวตกแบบฉบับนักดาราศาสตร์

    อุปกรณ์ถ่ายภาพ

    1. กล้องดิจิตอลพร้อมสายลั่นชัตเตอร์

    2. เลนส์ไวแสง มุมกว้าง
    – ข้อดี คือ ทำให้ถ่ายติดแสงวาบของฝนดาวตกได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องดัน ISO สูง ๆ และช่วงเลนส์มุมกว้างก็ยังทำให้เพิ่มโอกาสการได้ภาพฝนดาวตกที่ติดมาในภาพได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เลนส์คิตธรรมดาก็สามารถนำมาใช้ในการถ่ายภาพได้เช่นกัน

    3. ขาตั้งกล้องและอุปกรณ์ตามดาว
    – อุปกรณ์ตามดาวถือเป็นอุปกรณ์ที่นักดาราศาสตร์จำเป็นต้องมีไว้เพื่อใช้ติดตามวัตถุท้องฟ้า ในการถ่ายภาพฝนดาวตกจะช่วยให้เราสามารถนำภาพฝนดาวตกที่มีศูนย์กลางการกระจายตัวเดียวกัน กลุ่มดาวเดียวกัน มาใช้ในการ Stack ภาพในภายหลังได้นั่นเอง หากเราไม่ถ่ายภาพแบบตามดาว ภาพฝนดาวตกที่ได้แต่ละภาพก็จะเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ ตามการเคลื่อนที่ของทรงกลมท้องฟ้าทำให้ยากแก่การนำภาพมา Stack ในภายหลัง

    ถ่ายภาพฝนดาวตก

    เทคนิคและวิธีถ่ายภาพ

    1. ตั้งค่ากล้องก่อนการถ่ายภาพ
    – เวลาที่ใช้บันทึกภาพ เริ่มตั้งแต่ 30 วินาที หรือมากกว่า
    – ใช้ค่ารูรับแสงกว้างๆ เช่น f/1.4 f/2.8 เพื่อให้กล้องมีความไวแสงในการเก็บแสงวาบหรือลูกไฟของฝนดาวตก
    – ใช้ค่าความไวแสง (ISO) ที่สูงๆ เพื่อให้กล้องไวแสงมากที่สุดขณะเกิดดาวตก เช่น ISO 3200 หรือมากกว่า
    – ตั้งโหมดการถ่ายภาพแบบต่อเนื่อง (Continuous Mode) เพื่อให้กล้องถ่ายภาพต่อเนื่องตลอดช่วงการเกิดฝนดาวตก
    – ปิดระบบ Long Exposure Noise Reduction เพื่อให้กล้องถ่ายภาพต่อเนื่องไม่เว้นช่วงในการถ่าย Dark Frame
    – เปลี่ยนโหมด Color space ให้เป็น Adobe RGB เพื่อให้ขอบเขตสีที่มีช่วงสีที่กว้างกว่าแบบ sRGB- ปิดระบบกันสั่น และระบบออโตโฟกัสของเลนส์
    – โฟกัสที่ระยะอินฟินิตี้ ซึ่งควรเลือกโฟกัสที่ดาวดวงสว่างให้ได้ภาพดาวที่คมชัดที่สุดเล็กที่สุด โดยใช้ระบบ Live View ช่วยในการโฟกัส

    2. ตั้งกล้องห่างจากฉากหน้า
    โดยให้อยู่ห่างตามค่าระยะไฮเปอร์โฟกัส ซึ่งอาจคำนวณได้จากเว็บไซต์ตามลิงก์นี้ http://www.dofmaster.com/dofjs.html หรือควรห่างไม่น้อยกว่า 3 – 4 เมตร โดยประมาณ

    3. ตั้งกล้องบนขาตามดาว เพราะดาวตกจะพุ่งออกจากบริเวณจุดศูนย์กลางการกระจาย (Radiant) ด้วยวิธีนี้จะทำให้เราได้ภาพฝนดาวตกออกมาจากจุดเรเดียนจริงๆ และที่สำคัญคือ เราจะได้ภาพฝนดาวตกมากกว่าการถ่ายภาพบนขาตั้งแบบนิ่งอยู่กับที่ เพราะตำแหน่งจุดศูนย์กลางการกระจาย จะเคลื่อนที่เปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อย ๆ
    *การตั้งกล้องบนขาแบบตามดาว* ถือเป็นเทคนิคสำคัญในการถ่ายภาพฝนดาวตกเพื่อให้ได้ภาพที่มีจำนวนดาวตกติดมากที่สุด และแสดงให้เห็นการกระจายตัวจากศูนย์กลางได้อย่างชัดเจน

    4. หันหน้ากล้องไปที่จุดศูนย์กลางการกระจาย (Radiant) โดยให้จุดดังกล่าวอยู่กลางภาพ

    5. ถ่ายแบบต่อเนื่อง อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง โดยใช้ค่าการเปิดหน้ากล้องประมาณ 30 วินาที ต่อ 1 ภาพ หรือมากกว่า

    6. กำหนดช่วงเวลา ช่วงเที่ยงคืน คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะเป็นเวลาที่ชีกโลกที่เราอยู่จะรับดาวตกที่พุ่งเข้ามาแบบตรงๆ

    7. อยากได้ดาวตกยาว ๆ ต้องหลังเที่ยงคืนไปแล้วหรือในเวลาใกล้รุ่ง จะเป็นช่วงที่ดาวตกวิ่งตามทิศทางการหมุนของโลก จึงทำให้เห็นดาวตกวิ่งช้า

    8. นำภาพฝนดาวตกมารวมกัน จากหลายร้อยภาพก็เลือกเฉพาะที่ติดดาวตกมารวมกันใน Photoshop หรือ Star Stack ก็จะทำให้เห็นการกระจายตัวของฝนดาวตกได้อย่างชัดเจน

    ขอบคุณข้อมูล : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

    _____

    ติดตาม Inzpy ได้ที่
    Website:
    https://inzpy.com/travel/
    Youtube:
    https://www.youtube.com/c/Inzpy
    Facebook:
    https://www.facebook.com/inzpyth

    fahwoww
    fahwoww
    สิ่งแรกที่ทำหลังกลับจากเที่ยว คือ วางแพลนทริปถัดไป ^..^ เรื่องกิน เรื่องเที่ยว ขอให้บอกงานถนัด

    Related Post