More

    เที่ยว เวียดนามใต้ 3 วัน 3 เมือง ใช้งบไม่เกินหมื่น

    เที่ยว เวียดนามใต้ 3 วัน 3 เมือง ใช้งบไม่เกินหมื่น

    เวียดนามใต้

    เวียดนามเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง และที่ที่เราเลือกไปคือ เวียดนามใต้ ซึ่งจุดเริ่มต้นของการไปเที่ยวครั้งนี้คือ ใช้เวลาบินไม่นาน เพียง 3 ชม. และได้ตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูกมาก เราจึงตัดสินใจจอง เราไปลุยแบบสองสาว กับเพื่อนอีกคน ในงบเพียงหลักพัน ไปเที่ยวได้ถึง 3 เมือง และเมืองที่เราเลือกไปคือ โฮจิมินห์ มุยเน่ และดาลัต (ขาไปจอง Air Asia ขากลับจอง Vietjet Airline)

    ที่เวียดนามใช้ค่าเงิน VND (ดอง) 1000 ดอง ประมาณ 1.47 บาท แลกจากไทยไปเลยค่ะ ไปถึงจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาหาที่แลก

    วันที่ 1 โฮจิมินห์

    เวียดนามใต้

    เรานั่งเครื่องมาถึงโฮจิมินห์ประมาณเกือบทุ่มแล้ว สิ่งแรกที่เราตามหาคือ ซิมมือถือค่ะ เราเลือกใช้บริการของค่าย mobifone เป็น 4G Simcard ดูเหมือนว่าคนจะใช้กันเยอะสุด ซึ่งได้มาในราคาไม่เกิน 300 บาท

    เวียดนามใต้

    หลังจากนั้นพอเดินออกมาจากสนามบินก็เริ่มค่ำแล้ว เราเดินทางไปที่พักด้วยรถเมล์ จากที่สอบถามคือค่าตั๋วคนละ 5000 ดอง เค้าบอกว่าเราต้องจ่ายค่าตั๋วรถเมล์ทั้งหมด 4 ใบ ก็งง ว่าไปแค่ 2 คน ทำไมต้องซื้อตั๋ว 4 ใบ สรุปมันคิดค่ากระเป๋าเดินทางเราอีกคนละใบ ถือว่ากินพื้นที่เพิ่มไป 2 ที่ โอ้โหวเลยแม่ โดนไปแล้วหนึ่ง

    เวียดนามใต้

    โฮจิมินห์ เป็นเมืองที่ค่อนข้างดูวุ่นวายนะคะ ด้วยการจราจรที่แน่นไปหมด เสียงแตรรถนี่เป็นที่หนึ่ง ดังสนั่นทั้งคืนเลย แม้แต่บนฟุตบาทเอง ยังมีมอเตอร์ไซต์ที่วิ่งสันจรเต็มไปหมด คนกลัวการข้ามถนนอย่างเรานี่ต้องระวังเป็นอย่างยิ่งเลยค่า

    เวียดนามใต้

    จุดศูนย์รวมของสถานที่ยอดฮิตก็จะอยู่ตรง The Cafe Apartment ค่ะ ดูจากด้านหน้ามัน So Cute มากค่ะ แต่ว่าด้านในตัวอาคารจริง ๆ จะดูเก่าหน่อย โชคยังดีที่ยังมีลิฟท์ให้ขึ้นค่ะ 555+ ข้างในอพาร์ทเมนต์ก็เห็นว่ามีคุณลุง คุณป้า ที่ยังอาศัยกันอยู่นะคะ ไม่ได้มีแค่ร้านกาแฟอย่างที่เห็นด้านหน้า ขึ้นไปจริง ๆ เดินวนขึ้นลงอยู่หลายรอบ เพราะเลือกร้านไม่ได้ สุดท้าย เราเข้าร้านที่มีชื่อว่า Thinker & Dreamer

    ร้านนี้ก็ดูแนวๆไปอีกแบบค่ะ ร้านค่อนข้างวัยรุ่น อยากออกไปนั่งตรงระเบียงบ้าง แต่คิวไม่ว่างเลย 555+ ทุกคนแย่งกันออกไปนั่งกันหมด ยังมีอีกหลายร้านที่อยากจะเข้านะคะ แต่ว่าเรารู้สึกหิวกันมากกว่า เลยต้องออกไปเดินหาร้านอาหารทานที่อื่น

    เราก็เดินเท้าไปเรื่อย ๆ แทบจะไม่มีร้านอาหารร้านไหนเปิดเลย เวลาก็เกือบจะ 3 ทุ่มแล้ว เดินไปเดินมา บังเอิญมาเจอร้านเฝอ ดูดีทีเดียวค่ะ เมนูก็ดูงงอยู่นะ ก็จิ้ม ๆ เอาค่ะ ใจก็กลัวโป๊ะ กลัวจะเจอ ไม่ใช้เนื้อหมู เนื้อวัว กลัวจะเป็นเนื้ออย่างอื่น 555+ เราคุยกับเพื่อนว่าร้านนี้บริการดีนะคะ มีผ้าเช็ดไม้เช็ดมือให้ด้วย จัดมาให้เป็นเซตเลย พอทานเสร็จ ถึงเวลาคิดเงินเท่านั้นแหละ ร้านคุณเค้าคิดค่าผ้าเช็ดมือไปด้วย โอ้โหววววว โดนไปอีกหนึ่ง อยากจะกรี๊ด กะว่าจะไม่พลาดแล้วนะ

    เวียดนามใต้

    แปะมาให้ดูค่ะ เราแทบไม่เห็นร้านนั่งดื่มเลย อันนี้คือบังเอิญเดินผ่านกลับไปที่พัก จะเห็นเป็นแค่ร้านริมถนน จะเหมือนร้านนั่งดื่มก็ไม่น่าใช่ ดูจากคนนั่งมีแต่เด็กๆทั้งนั้นเลย ฟิลเหมือนร้านชา ร้านนมมากกว่า เราก็ไม่แน่ใจว่าเป็นร้านอะไร เลยเดินกลับที่พักกันเลย ไม่กล้าแวะ 555+

    วันที่ 2 มุยเน่

    เวียดนามใต้

    เราตื่นกันแต่เช้าตรู่ เพื่อเดินทางไปยังมุยเน่ ด้วยรถบัสนอน มันเป็นเบาะที่ปรับเอนนอนจริง ๆ ทุกคน แบบไม่สามารถนั่งได้ ตอนขึ้นรถก็จะมีพนักงานมาแจกถุงสำหรับเก็บรองเท้าก่อนขึ้นรถ คือแต้มบุญดีมาก ที่ไม่มีกลิ่นรองเท้าระหว่างนั่งรถค่ะ เราใช้เวลาเดินทางจากโฮจิมินห์ไป มุยเน่ประมาณ 6-7 ชม. (ออก 7.00น. ถึงประมาณ 13.00น.) ตั๋วรถบัส ถ้าใครมีเวลาจำกัด แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าจะดีกว่าค่ะ เพราะไม่แน่ใจว่าถ้า Walk-in ไปซื้อที่หน้าบรษัทจะเต็มก่อนหรือเปล่า

    เวียดนามใต้

    ที่นี่เป็นที่ที่เราปักมุดมา เพื่อมาดู ทะเลทราย ก่อนรถของที่พักจะมารับเราตรงจุดลงรถ จะมีร้านที่ขายทัวร์เที่ยว มุยเน่ค่ะ หลักๆก็จะมีพาไปทัวร์ Fairy Stream, Fishing Village, White sand dune และ Red Sand dune ต้องย้ำบ่อย ๆ ว่า ราคาที่จองคือรวมทุกอย่างแล้ว ทั้งคันมีแค่ 6 ที่นั่ง ไม่มีจอยเพิ่ม ตกลงกันเรียบร้อยก็ทำการจองค่ะ เค้านัดเราไว้ 15.00น. เราก็รีบเข้าที่พัก และสั่งอาหารทานที่นั่นเลย

    โรงแรมที่ไปพักชื่อว่า โรงแรม เมืองทัญ ฮอลิเดย์ มุยเน่ โฮเต็ล (Moung Thanh Holiday Mui Ne Hotel) มันสวยมาก สระคือเริ่ดมาก ถูกใจมาก เอาไป 10 กะโหลกเลย 55+ ที่นี่เราจองผ่าน Agoda มาค่ะ ราคาประมาณคืนละ 1400 บาท ตกคนละ 700 บาทเอง แถมที่นี่ยังติดกับ Windsurf Club ด้วยนะคะ ใครสายนี้คงชอบไม่เบาเลย

    ห้องพักใหญ่มากแม่ นอนสองคน 555+ ในห้องมีเตียง 2 เตียง ควีนไซส์หนึ่งเตียง กับเตียง 3.5 ฟุต ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ อยากจะลงแช่อ่าง ลงไปว่ายน้ำที่สระ ถามว่ามีเวลามั้ย 555+ ขึ้นมาก็ต้องรีบเปลี่ยนชุด แล้วลงไปทานข้าว เพื่อเตรียมตัวออกไปทัวร์ต่อ

    เวียดนามใต้

    สำหรับที่ที่เราจะไปก็ตามแพลนเลยค่ะ ที่แรกคือ Fairy Stream ต่อด้วย Fishing Village และทีเด็ด ที่ทะเลทรายจุดสุดท้ายค่ะ โรงแรมไปส่งเราที่จุดซื้อทัวร์เพื่อไปต่อค่ะ รถที่เราได้จะเป็นรถจิ๊บ แล้วก็จะมีมาจอยมา 4 คน เป็นฝรั่งหมดเลยค่า ถนนหนทางที่นี่คือดีย์มาก ตลอดทางก็จะเห็นวิวทะเลผ่านอยู่ตลอดค่ะ สวยงาม อากาศดี

    Fairy Stream

    ที่แฟรี่ สตรีม ก็จะเป็นเหมือน แกรนด์แคนยอน ของเวียดนามค่ะ จะเป็นภูเขาหินทราย ลวดลายสวยงาม ทางเดินก็จะเหมือนลำธารเล็กๆมีน้ำไหลผ่านตลอดทาง ละคือชุดที่ใส่มานั้นคือกางเกงขาวค่า กว่าจะถึงทะเลทราย ไม่รู้จะเปื้อนหรือยัง แดดก็แรงพอประมาณ แต่ด้วยความเย็นของน้ำเลยทำให้รู้สึกไม่ร้อนค่ะ ถือว่าได้อยู่

    Fishing Village

    เวียดนามใต้

    จริง ๆ ที่นี่ก็ไม่มีอะไรมากนะคะ เค้าก็พาเรามาดู เรือรูปทรงกลมแปลก ๆ ของชาวประมงที่นี่ ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนที่ไหน ที่เทียบหาดเรียงรายกันเยอะมาก พอมองลงไปจากด้านบนก็จะเห็นวิวเรือเวียดนาม ก็สวยไปอีกแบบค่ะ ส่วนด้านบน จะมีเป็นพวก กุ้ง หอย ปู ปลา ขายในราคาที่ถูกมาก ก็อยากซื้อนะ แต่พักโรงแรม ไม่รู้จะเอาไปทำอาหารยังไง

    White Sand Dune

    ทุกคน มาที่นี่เราต้องเสียเงินเพิ่มนะคะ รถจิ๊บที่พาเรามาไม่สามารถขึ้นไปได้ เราต้องเช่ารถจิ๊บใหม่ที่นี่อีกคัน หรือจะนั่ง ATV ขึ้นไปก็ได้ค่ะ เรามากัน 2 คน เลยเลือกนั่งแค่ ATV ขึ้นไป พี่เค้าขับโหดมาก ขึ้นมาแล้วเราจะได้ตั๋วสำหรับนั่งลงอีกรอบนะคะ ซึ่งจะลงกับ ATV คันไหนก็ได้ ก็ประมาณคนละ 300 บาทค่ะ

    ทุกคนคือที่ทะเลทรายนี่มันแบบ ก็โอนะ โอโหววว ลมแรงแบบท่าน Zephyr ไปโกรธใครมา 555+ ผมที่ม้วนมานั้น เพิงหมด ถ่ายได้แค่กล้องมือถือ ไม่กล้าหยิบกล้องออกมาถ่ายเลย กลัวทรายเข้ากล้อง ทำไมไม่เหมือนที่เค้ารีวิวมา ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ 5555+ เราอยู่ที่นี่ชมวิวทิวทัศน์กันสักพักใหญ่ ๆ เห็นรถจิ๊บวิ่งขึ้นลงเยอะไปหมด อารมณ์เหมือนอยู่ในหนังเรื่อง The Indiana Jones แบบนั้นเลยค่ะ เดี๋ยวเราไปดูกันต่อที่ Red Sand Dune กันบ้างว่าจะเป็นยังไง

    Red Sand Dune

    เค้าบอกว่าพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยมาก แต่น่าเสียดายเรามาช้าไป พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าไปแล้ว แล้วเราก็เดินกันไม่ไหวแล้ว ได้แต่ยืนมองอยู่ไกลๆ และถ่ายรูปเล่นด้านล่าง ที่นี่เราโอเคกว่าที่ White Sand Dune นะคะ เพราะว่าไม่ค่อยมีลม ทรายก็จะสีแดงหน่อย ตามชื่อเลยค่ะ สวยดี และนี่ก็จบทริป มุยเน่ ที่เราอยากมา ท้ายสุดแล้วถึงแม้ลมจะแรง ถ่ายรูปลำบาก แต่ใน เวียดนามใต้ มุยเน่ก็เป็นที่ที่น่าประทับใจ ที่อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตก็ควรมาสัมผัสบรรยากาศค่ะ

    อาหารเย็นที่มุยเน่

    อาหารเย็นผิดคลาดไปมาก เรากะว่าจะเจอร้านอาหารทะเลถูก ๆ แต่คงจะค่ำเกินไป เราเดินออกจากที่พัก ตามทางไปเรื่อย ๆ เจอร้านไหนก็เดินเข้าร้านนั้นเลย เหลือที่เป็นทะเลไว้อยู่นิดหน่อย ก็ดูธรรมดานะคะ เสียใจตอนเจอที่ Fishing Village ไม่ได้ซื้อ เพราะไม่รู้จะต้องเอาไปทำที่ไหน เมนูก็จะประมาณนี้ค่ะ แต่ราคาไม่แรง ถูกดีนะคะ หลังจากทานเสร็จก็รีบกลับไปพักผ่อนเพราะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางต่อ

    วันที่ 3 ดาลัด

    เวียดนามใต้

    จากมุยเน่มา ดาลัด เราก็นั่งรถบัสมาค่ะ เป็นที่นั่งธรรมดา ก็ไม่แน่นะคะ ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. เราออกจากมุยเน่ประมาณ 9.00น. ก็จะถึงดาลัดประมาณบ่าย ๆ ดาลัดก็เป็นอีกเมืองที่เงียบสงบ และน่าไปมากค่ะ เหมาะสำหรับสาย slow Life อากาศดีต่อใจมาก ๆ

    รถบัสก็จะเป็นประมาณนี้นะคะ เล็ก ๆ ไม่ใหญ่มาก ฝั่งละ 2 ที่นั่ง พองีบได้ ระหว่างทางที่นั่งมาประมาณ 2 ชม. ก็จะมีจุดพักรถ ที่นี่ก็จะมีพวก กาแฟโบราณ โอวันติน มาม่าขายนะคะ ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 30 นาที ก่อนเดินทางต่อ ตรงนี้เราก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นไทย มาเที่ยวกันเยอะพอสมควรค่ะ ส่วนมใหญ่จะมาเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ

    Pi Hostel

    หลังจากมาถึง เราก็ตรงดิ่งไปเช็คอินที่พักกันก่อนเลยค่ะ อยู่ที่ดาลัดรู้สึกเงินกองกลางเราเหลือกันค่อนข้างเยอะ เลยใช้วิธีเดินทางด้วย grab ค่ะ มาถึงที่พัก Pi Hostel ที่นี่เราจองผ่าน Air BNB ค่ะ ราคาประมาณคืนละ 790 บาท เป็นห้องแบบ Private ห้องนอนสำหรับ 2 คน ห้องน้ำในตัวค่ะ

    ที่พักมีความน่ารักกรุบ ห้องน้ำเกือบจะ Open Air แล้วค่า 555+ วิวจากระเบียงที่มองไปสุดลูกหูลูกตา คือบ้านเมืองดาลัต วิวสวยมาก และจะบอกว่าที่นี่อากาศดีกว่าสองเมืองที่ไปมา ส่วนสถานที่เที่ยวเราก็มีสอบถามกับทางที่พัก ว่ามีที่ไหนแนะนำบ้าง แต่ที่เราปักหมุดมาก็จะมี สวนดอกไม้ไฮเดรนเยีย กับโบสถ์โดเมนเดมารี (โบสถ์สีชมพู) ไปดูกันเลยว่าเราไปที่ไหนกันบ้าง

    Windmills Coffee

    กองทัพต้องเดินด้วยท้อง จริงมั้ยคะ ก่อนเราจะไปท่องเมืองดาลัต ก็แวะหาอะไรทานกันก่อน จากที่พักเราเดินออกมาเรื่อยๆ ก็จะเจอร้านดังที่ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปเช็คอิน ที่ร้าน Windmills Coffee ข้างก็มีพวก Bakery กาแฟ มากมายหลายเมนู มีแซนวิช พิซซ่า ต่างๆ นานา ที่สำคัญคือ อร่อยนะคะ

    และที่ดาลัดจะมีอาหารที่เป็น Street Food แบบคล้าย ๆ บาบีคิวด้วยนะคะ เหมือนร้านขายลูกชิ้นบ้านเราเลย แต่ดูหลากหลายกว่า

    Crazy House

    จุดแรกที่เรามาเที่ยวก็คือ บ้าน Crazy เดิมทีเป็นรีสอร์ทเก่า ที่มีการตกแต่งที่แปลกตามาก และแต่ละห้องก็จะแต่งไม่เหมือนกันเลยค่ะ ทำให้เป็นที่สนใจเหล่านักท่องเที่ยว จะมาพักที่นี่ต้องจองกันนานเลยทีเดียว ซึ่งตอนหลังก็ได้มาเปิดเป็น พิพิธภัณฑ์ ให้คนที่สนใจอยากดูความแปลกเข้ามาชม เสียค่าเข้าไม่ถึง 100 บาทค่ะ ที่นี่ค่อนข้างกว้าง และมีจุดให้ชมหลากหลาย ก็ไม่เลวเลยนะคะ ที่จะแวะมาเที่ยวที่นี่

    โบสถ์โดเมนเดมารี

    โบสถ์โดเมนเดมารี หรือโบสถ์สีชมพู จะบอกว่าที่นี่ถ่ายรูปได้สวยทุกมุมเลยค่ะ แต่วันที่เรามา เหมือนจะมีกลุ่มนักเรียนมาทัศนศึกษากัน ทำให้คนค่อนข้างเยอะ เลยเก็บภาพมาได้นิดเดียว ที่นี่ร่มเย็นสบาย เงียบสงบ เหมาะกับการมาถ่ายรูปชิลๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ค่ะ

    สวนไฮเดรนเยีย

    ออกจากโบสถ์มาที่สวนดอกไม้ ก็ค่อนข้างไกลกันพอสมควรนะคะ แต่ก็เหมือนได้นั่งรถ กินลม ชมวิว เมืองดาลัดไปด้วย เมืองนี้ค่อนข้างมีความเป็นธรรมชาติอยู่เยอะมาก ไม่ค่อยมีรถแน่น ไม่แออัด ดูสบายตาไปหมด พอมาถึงสวน ก็ทำการซื้อตั๋วเข้าชมค่ะ มันงดงามมาก และแอบเห็นมีคู่รักมาถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย น่ารักกรุบ มองไปจะเห็นสวนกว้างทอดยาวมากพอจะรับนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายรูปได้หลากหลายมุมค่ะ สีสันสีฟ้าสวยงาม สดชื่นไม่เบา พอถึงช่วงเย็นอากาศที่นี่ก็เริ่มเย็นลงตามเวลา ได้ฟิลมาก นี่เวียดนาม หรือเกาหลีกันเนี่ย

    ร้านกาแฟ – Up Cafe

    ร้านกาแฟ Up Café ร้านกาแฟ 3 ชั้นบนเขา ติดถนนที่เรานั่งรถผ่านพอดี ถ้าขึ้นไปนั่งข้างบนจะมองเห็นวิวเมืองดาลัดได้อย่างสวยงามสุด ๆ บรรยากาศ และอากาศคือดีย์มากแม่ ตอนที่เรานั่งอยู่ อุณหภูมิประมาณ 19 องศา วางแผนมาดีมาก ที่เอาเสื้อโค้ทมา ทุกอย่างลงตัว ถือได้ว่า Perfect!

    อาหารเย็นที่ดาลัด

    เราพยายามจะหาร้านอาหารทานกันก่อนเข้าที่พัก ก็นั่งรถมาลงใกล้ที่พัก และลงเดินค่ะ เดินไปเรื่อย ๆ เข้าซอยมั่วไปหมด 555+ จนมาเจอร้านราเมง ที่ยังเปิดอยู่ ดีใจมาก เพราะหิวมาก ราเมงที่นี่เค้าทำออกมาได้ดีทีเดียวค่ะ อร่อยถูกปาก แล้วก็เป็นร้านที่วัยรุ่นมานั่งกันเยอะมาก นี่ต้องรอคิวเข้าร้านด้วยนะคะ เพราะคนเยอะจริง

    เช้าวันกลับไทย

    ก่อนจะกลับ เราก็แวะมาทานอาหารเช้าที่ร้าน An Café ค่ะ น่าจะเป็นร้านดังในย่านนี้ เพราะเป็นร้านที่ใหญ่ ติดริมถนน และคนมากันเยอะมาก ร้านดูมีความเป็นธรรมชาติ แยกเป็นหลายโซน คนมาถ่ายรูปกันเพรียบ เป็นอีกร้านที่ใครมาดาลัด ก็อย่าลืมมาเช็คอินที่นี่กันนะคะ อยู่ไม่ไกลจาก Pi Hostel ด้วย เดินมาแป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ

    เวียดนามใต้

    สรุปการเดินทาง และค่าใช้จ่ายในทริป เวียดนามใต้ ทั้งหมดแบบเป็นเลขกลม ๆ นะคะ
    เรานั่งเครื่องมาลงที่ โฮจิมินห์ นั่งรถบัสนอน ไป มุยเน่ นั่งรถบัสไป ดาลัด และขึ้นเครื่องที่ดาลัด กลับไทยค่ะ
    – ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ประมาณคนละ 4,000 บาท ขาไปจองของ Air Asia ขากลับจอง Vietjet Airline
    – จองค่าที่พักล่วงหน้าไป 3 ที่ ตกประมาณคนละ 1,600 บาท
    – จองค่ารถบัส ไปมุยเน่ และไปดาลัด ไม่เกินคนละ 1,000 บาท
    – ค่าอาหาร ค่าแท็กซี่ ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ เราแลกเงินไปก่อนแล้วคนละ 3,000 บาท เก็บไว้เป็นกองกลางค่ะ เงินที่แลกไปนั้น ยังเหลือพอที่จะซื้อของฝากได้ด้วยนะคะ

    ตีเป็นเลขกลม ๆ สำหรับทริป 2 คน ตกคนละประมาณ 9,600 บาท

     

    ดินแดนแห่งจุดเยือกแข็ง China Snow Town คลิกเลย

     

     

    Related Post