ตลาด “อสังหาเชียงใหม่” ซบเซา กำลังซื้อลดลง ‘บ้าน-คอนโดมือสอง’หั่นราคาสู้ ปัญหาหนี้สินครัวเรือน, ความไม่มั่นคงในการจ้างงาน, เศรษฐกิจชะลอตัว, ดอกเบี้ยขึ้น กระทบตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้าน
สรนันท์ เศรษฐี นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ กล่าวว่า จากข้อมูลในฝั่งดีมานด์การค้นหาบ้านในพื้นที่ภาคเหนือตลอดปี 2566 จนถึง ก.พ.2567 ที่มีการค้นหาบน Baania Marketplace พบว่าแนวโน้มของฝั่งดีมานด์ตั้งแต่ปลายปี 2566 การค้นหาบ้านน้อยลงตามลำดับ
เหตุจากปัจจัยกำลังซื้อในประเทศที่ “หดตัว” จากปัญหาหนี้สินครัวเรือน ความไม่มั่นใจในการจ้างงาน ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้เกิดการเลิกจ้าง (lay off) บวกกับดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อ
สังเกตได้ว่า ในเดือน ธ.ค.การค้นหาอยู่ที่ 41,000 คน เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา แม้จะขึ้นอยู่ที่ 45,000 คน แต่ในภาพรวมยังน้อยกว่าปีที่ผ่านมา
การค้นหาบ้านเดือน ม.ค.-ก.พ. เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เทียบช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนการเยี่ยมชมโครงการ อสังหาฯ ดีขึ้น ในส่วนของเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ “ลดลง” ค่อนข้างมากเทียบปีต่อปี โดยเชียงใหม่ได้รับอานิสงส์จากการเป็นหัวเมืองหลักของภาคเหนือและการท่องเที่ยว
เมื่อนักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาทำให้ตลาดเริ่มกลับมาก่อนจังหวัดเมืองรอง ส่วนประเภทบ้านที่ถูกค้นหาในจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นบ้านเดี่ยวจะมีการค้นหาสูงสุดรองลงมาจะเป็นบ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม
ปัจจุบันในจังหวัดเชียงใหม่ระหว่าง “บ้านใหม่” กับ “บ้านมือสอง” พบว่า กลุ่มคนที่ค้นหาบ้านเดี่ยวให้ความสนใจบ้านใหม่ 58% ที่เหลือ 41.9% สนใจบ้านมือสอง ที่มีราคาถูกกว่าหลายสิบเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากกำลังซื้อฝืดขึ้นคนเริ่มให้ความสนใจบ้านมือสองมากขึ้น ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นทำให้ตลาดบ้านมือสองคึกคักขึ้นเรื่อยๆ
ส่วน คอนโดมิเนียมมือสอง ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงมากกว่าคอนโดมิเนียมมือหนึ่งและ ทาวน์โฮม ยังคงนิยมมือหนึ่งมากกว่าอาจเป็นเพราะราคาไม่แพง เช่นเดียวกับ บ้านแฝด นิยมมือหนึ่งมากกว่า
ปัญหาเศรษฐกิจบานปลาย กระทบ อสังหาฯ ทั่วไทย
ไม่ใช่แค่ อสังหาเชียงใหม่ แต่เกิดเกือบทุกที่ ภาวะ “ดอกเบี้ยสูง” ทำให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทลำบาก! เพราะมีหนี้สินทั้งรถยนต์ บัตรเครดิตทำให้ต้องชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมออกไปก่อน
“บ้านที่มีราคาแพงไม่ได้ลดราคาขายลง แต่ในกลุ่มบ้านราคาถูกกลับต้องลดลงราคาลงมาเพราะกำลังซื้อเปราะบาง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมมือสองราคาลดลงถึง 16.9% เป็นราคาคอนโดมิเนียม 1 ห้องนอนขนาดไม่เกิน 40 ตร.ม. ขนาด 2 ห้องนอน ไม่เกิน 80 ตร.ม. ลดลง 1.5% สะท้อนกำลังซื้อที่อ่อนแอจากภาวะหนี้สินครัวเรือน อัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้คนขายยอมลดราคาลงมาเพื่อให้สามารถขายได้เร็วขึ้น”
สถานการณ์ดังกล่าวตอกย้ำสภาพเศรษฐกิจที่มีปัญหาบานปลายจนกระทบกำลังซื้อรุนแรง! ภาครัฐต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดเม็ดเงินเข้ามา ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
บทความน่าสนใจ