Loveseat โซฟา 2 ที่นั่ง ดีไซน์สุดจึ้ง ตัวเดียวสวยเจิด เอาอยู่ทุกพื้นที่ Loveseat บ้างก็เรียกกันว่า “เก้าอี้คู่รัก” หรือ “ที่นั่งแห่งความรัก” ฯลฯ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงแล้ว ของสิ่งนี้ คือที่นั่งที่ถูกออกแบบให้เป็นโซฟาสำหรับนั่งสองคน (ไม่ต้องเป็นคู่รักกันก็ได้) หรือใครใคร่จะนั่งมากกว่า หรือน้อยกว่า ก็ไม่ผิดกฎใด ๆ (เชื่อสิ มีคู่รักหลายคู่ นั่งซ้อนตักกันแทบตลอดเวลาด้วยซ้ำ)
จากการขุดข้อมูลทราบมาว่า เลิฟซีท นั้นปรากฏในปลายศตวรรษที่ 17 ซึ่งออกแบบขึ้นมาเป็นที่นั่งสำหรับรองรับสตรี ที่ใส่กระโปรงสุ่มไก่หนาเตอะในสมัยนั้น กระทั่งศตวรรษที่ 18 -19 ชุดของหญิงสาวเริ่มหดลง ไม่อลังการงานสร้างเหมือนก่อน เก้าอี้เลิฟซีทจึงสามารถนั่งได้สองคน ทำให้เกิดมุมมองใหม่ว่านี่เป็นเก้าอี้สำหรับคู่รัก และบัญญัติคำว่า ‘Loveseat’ ขึ้นมาในที่สุด
ทว่าข้อดีของเลิฟซีท ที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันคือ เหมาะกับห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องดูหนัง ที่มีขนาดกะทัดรัดนั่นเอง หรือใช้เป็นที่นั่งรอง สำหรับจัดวางตกแต่งเข้ากับโซฟาหลักในห้องรับแขกขนาดใหญ่ก็ได้เช่นกัน
และสำหรับโซฟา 2 ที่นั่ง ที่เราคัดมาให้ทำความรู้จักกันครั้งนี้ มีทั้งของดีไซน์ไทยและเทศ ซึ่งบอกเลยว่าแต่ละชิ้นต๊าชเวอร์ บ้างเด่นเรื่องฟังก์ชัน และบ้างเด่นเรื่องรูปลักษณ์ แค่เห็นก็ใจระทวย อยากครอบครอง อารมณ์ประมาณเด็กอยากได้ของเล่นกันเลยทีเดียว…
BOCCA SOFA
โซฟาริมฝีปากสุดแซ่บนี้ เป็นงานดีไซน์ไอคอนสุดฮอตในยุค 1970s (ที่ตอนนี้ก็ยังนิยมอยู่) โดยเริ่มแรกดีไซน์ขึ้นจาก Salvador Dali ศิลปินแนว surrealist ที่นำรูปริมฝีปากของ Mae West นักแสดงอเมริกัน มารังสรรค์
ต่อมาภายหลัง studio 65 ทำเป็นนิวเวอร์ชั่นให้แก่บริษัท Gufram ในอิตาลี โดยเปลี่ยนรูปริมฝีปากเป็นของ Marilyn Monroe และปรับรูปทรงโซฟาให้ดูเรียบง่าย พร้อมหุ้มตรึงด้วยผ้าสีแดงสดจี๊ด… (ด้านในบุด้วยวัสดุ polyurethane foam ที่มีคุณสมบัตินุ่ม… และยืดหยุ่นได้ดี) จนกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของงาน pop art และ modern furniture design ในยุค 70
จากนั้นบริษัท Heller ในอเมริกา ได้ผลิต Bocca Sofa ด้วยการเปลี่ยนวัสดุเป็นพลาสติกโพลีเมอร์ เพื่อต่อยอดให้สามารถใช้งานได้ทั้งภายใน และภายนอกอาคารนั่นเอง
LC2
LC2 ผลิตขึ้นครั้งแรกในโปรเจกต์ The Maison la Roche ณ กรุงปารีส และถูกจัดแสดงขึ้นในงาน Autumn Salon Art Exhibition in Paris ปี 1929 ก่อนถูกผลิตขึ้นอีกครั้งให้แก่แบรนด์ Cassina (ดูสินค้าได้ที่ Euro Creations) ซึ่งได้รับสิทธิ์ในการผลิตในปี 1964 ทั้งนี้เป็นผลงานของ “เลอ กอร์บูซีเย” (Le Corbusier) สถาปนิกชาวฝรั่งเศส-สวิส ผู้โด่งดังด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมสไตล์โมเดิร์น ในปี 1928
ส่วนการออกแบบโซฟา รุ่น LC2 ถือเป็นความสุดโต่งทางความคิดของ เลอ กอร์บูซีเย ที่ได้ฉายความพิลึกผ่านการออกแบบนำเฟรมเหล็กที่เป็นโครงสร้างด้านในมาไว้ด้านนอก โชว์ให้เห็นลักษณะท่อเหล็กชุบโครเมี่ยม ที่หุ้มตรึงโซฟาด้วยเครื่องหนังสีดำขลับอันงดงาม
แถมที่นั่งใช้วัสดุ polyurethane ผสมกับเส้นใยธรรมชาติที่มอบสัมผัสอันนุ่มนวล กระทั้งผลงานชิ้นนี้ขึ้นแท่นเป็นงานระดับตำนานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนความโมเดิร์นแกมเรียบโก้ ครองใจคนยุคนั้น จวบจนถึงยุคนี้ทีเดียว (ปัจจุบันมีให้เลือกหลากสี และมีทั้งแบบหุ้มด้วยหนังและหุ้มด้วยผ้า)
DELAKTIG
เลิฟซีทสุดเท่ ซึ่งเป็นโปรเจกต์พิเศษที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ IKEA เฟอร์นิเจอร์ชื่อดังสัญชาติสวีเดน กับ Tom Dixon ดีไซเนอร์คนเก่งสมญานามว่า “แบดบอยแห่งวงการดีไซน์อังกฤษ” ซึ่งผลงานนี้ไม่ใช่เป็นเป็นแค่โซฟาสำหรับสองที่นั่งเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์มนุษย์ขี้เบื่อทั้งหลายด้วยคอนเซปต์ “DO × YOUR × THING” ที่คุณสามารถปรับดีไซน์ได้ตามใจตนเองหลากหลายสไตล์
ที่สำคัญชิ้นส่วนสามารถถอดประกอบใหม่ได้ทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็น ตัวเบาะ พนักพิง ที่วางแขน ที่วางโคมไฟ ที่วางแก้วกาแฟ และอื่น ๆ ดังนั้น ใครอยากได้เลิฟซีท หรือโซฟาที่ตอบใจตัวเอง และตอบโจทย์พื้นที่ใช้งาน ซีรีส์นี้นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้เข้ากับบ้านยุคใหม่เลยล่ะ
NOOMNIM
นับเป็นผลงานยอดฮิตของแบรนด์ Mobella ทีเดียว สำหรับ โซฟารุ่น NOOMNIM ซึ่งโปรไฟล์เรียกว่ามิธรรมดา เป็นงานที่เคยรับรางวัลในรายการการประกวดออกแบบระดับประเทศอย่าง DEmark มาแล้ว ซ้ำยังไปประกาศศักดา คว้ารางวัลในเวทีระดับสากลอย่าง Gmark ที่ประเทศญี่ปุ่นมาด้วย (เอาสิ… ผลงานคนไทยน้อยหน้าซะที่ไหน)
โดยจุดเด่นของเจ้าโซฟาตัวนี้ คือถูกออกแบบสัดส่วนมาให้พอดีสำหรับการใช้งาน แถมซุกซ่อนลูกเล่นไว้น่าสนใจ โดยออกแบบให้มีผ้า (สามารถพับเก็บและยึดติดไว้กับโซฟาได้) สำหรับกางมาห่ม หรือรองนอนได้ รวมถึงยังดีไซน์ให้มีช่องไว้สำหรับใส่ของ ที่สำคัญหากสกปรกก็สามารถถอดผ้าทั้งตัว! นำไปซักทำความสะอาดได้อีกด้วย
บทความน่าสนใจ : Beach House by Anantara จุดเช็คอินริมหาด ดีไซน์สวย บนเกาะภูเก็ต