ในปัจจุบันที่โรคภัยไข้เจ็บมีความซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น การเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงโรคร้ายแรงอย่าง “โรคมะเร็ง” เพราะไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม ก็สร้างผลกระทบในหลายด้าน โดยเฉพาะการสูญเสียอิสรภาพทางการเงิน ดังนั้นการเข้าใจความแตกต่างระหว่างประกันมะเร็งและประกันโรคร้ายแรงจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกประกันและความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น วันนี้ไปศึกษาข้อมูลพร้อม ๆ กัน
ความแตกต่างระหว่างประกันมะเร็ง (เพียงโรคเดียว) และประกันโรคร้ายแรง
เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ก่อนอื่นขอพูดถึงความแตกต่างของประกันทั้ง 2 แบบสำหรับไว้พิจารณาก่อนซื้อ โดยทั้งประกันมะเร็งและประกันโรคร้ายแรง มีความแตกต่างกัน ดังนี้
1. ขอบเขตความคุ้มครอง ประกันมะเร็งจะคุ้มครองเฉพาะโรคมะเร็งเท่านั้น ในขณะที่ประกันโรคร้ายแรงจะให้ความคุ้มครองที่กว้างกว่า โดยโรคมะเร็งนับเป็นหนึ่งในโรคที่ประกันโรคร้ายแรงคุ้มครอง รวมไปถึงโรคร้ายแรงอื่น ๆ หลายชนิด เช่น โรคที่เกี่ยวกับมะเร็งและเนื้องอกในร่างกาย โรคที่เกี่ยวกับหัวใจ หลอดเลือด และอวัยวะในช่องอก โรคที่เกี่ยวกับเนื้อสมอง เส้นเลือดสมอง และการทำงานของระบบประสาท รวมถึงภาวะอวัยวะล้มเหลว เช่น ไตวายเรื้อรัง ตับวาย เป็นต้น การเลือกประกันโรคร้ายแรงจึงอาจเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า
2. ประเภทของมะเร็งที่คุ้มครอง ประกันมะเร็งมักจะคุ้มครองมะเร็งทุกชนิด ยกเว้นมะเร็งผิวหนังบางประเภท ส่วนประกันโรคร้ายแรงนั้นส่วนใหญ่จะคุ้มครองโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มโรคดังที่กล่าวไปแล้ว แต่ประกันโรคร้ายแรงอาจมีข้อจำกัดในการคุ้มครองมะเร็งบางชนิด ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์
3. ระยะของมะเร็งที่ได้รับความคุ้มครอง ประกันมะเร็งส่วนใหญ่จะคุ้มครองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ในขณะที่ประกันโรคร้ายแรงอาจคุ้มครองเฉพาะมะเร็งในระยะลุกลาม หรือระยะที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้เท่านั้น ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันแต่ละที่ ซึ่งหากคุ้มครองเพียงระยะลุกลาม ก็อาจทำให้ผู้เอาประกันเสียโอกาสในการได้รับความช่วยเหลือทางการเงินในระยะแรกของการวินิจฉัยได้
เปรียบเทียบเบี้ยประกันของประกันมะเร็งและประกันโรคร้ายแรง
ทั้งโรคมะเร็งและโรคร้ายแรง หากเกิดขึ้นกับใครก็ตาม นอกจากจะส่งผลให้ผู้ป่วยเจ็บป่วยจากการรักษา ยังตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงมาก การทำประกันเอาไว้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้ ดังนั้นก่อนซื้อควรเปรียบเทียบเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อราคาเบี้ยประกันทั้งสองไว้ด้วย
1. ค่าเบี้ยประกันโดยเฉลี่ยของทั้งสองประเภท
โดยทั่วไป ประกันมะเร็งมักมีเบี้ยประกันที่ถูกกว่าประกันโรคร้ายแรง เนื่องจากขอบเขตความคุ้มครองที่จำกัดเฉพาะโรคมะเร็งเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ประกันโรคร้ายแรงครอบคลุมโรคและภาวะที่ร้ายแรงหลายชนิดรวมถึงมะเร็งด้วย ทำให้บริษัทประกันต้องรับความเสี่ยงมากกว่า แต่อย่างไรก็ดี ราคาเบี้ยประกันของประกันทั้งสองประเภท จะขึ้นอยู่กับแผนความคุ้มครอง วงเงินคุ้มครอง และปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย
2. ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาเบี้ยประกัน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันที่บริษัทประกันส่วนใหญ่มักนำมาพิจารณา แบ่งออกได้หลายประการ ดังนี้
- อายุ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อราคาเบี้ยประกัน โดยผู้ที่มีอายุมาก จะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่าคนอายุน้อย เนื่องจากความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นตามอายุมีมากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันเช่นเดียวกัน เพราะบางเจ้า ค่าเบี้ยอาจคงที่ตลอดอายุสัญญา ไม่ปรับเพิ่มเมื่อผู้เอาประกันอายุมากขึ้น ซึ่งนับเป็นทางเลือกที่ดี
- เพศ เนื่องจากว่าโรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรงบางโรค มีความเสี่ยงแตกต่างกันระหว่างเพศ เช่น ผู้หญิงมีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้ชาย ดังนั้นปัจจัยเรื่องเพศจึงอาจส่งผลให้เบี้ยประกันแตกต่างกันเล็กน้อย
- ประวัติสุขภาพส่วนตัวและครอบครัว ผู้ที่มีประวัติโรคในครอบครัว โดยเฉพาะมะเร็งหรือโรคร้ายแรงอื่น ๆ อาจต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงมากกว่า
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต หากผู้เอาประกันมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก หรือมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ก็อาจส่งผลให้เบี้ยประกันสูงได้
- อาชีพและลักษณะงาน อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น การทำงานกับสารเคมีอันตราย หรือทำงานกับรังสี อาจส่งผลให้เบี้ยประกันสูงขึ้น
- วงเงินและระยะเวลาคุ้มครอง ยิ่งกรมธรรม์ที่มีวงเงินคุ้มครองสูง และระยะเวลาให้ความคุ้มครองยาวนานกว่า ราคาของเบี้ยประกันก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย
- ปัจจัยอื่น ๆ เช่น โปรโมชันหรือส่วนลดของแต่ละบริษัท หากบริษัทประกันมีโปรโมชันหรือส่วนลดพิเศษ ก็จะช่วยลดค่าเบี้ยประกันลงได้
3. เงื่อนไขสุขภาพที่อาจส่งผลต่อการรับประกัน
ในส่วนนี้บริษัทประกันจะพิจารณาสุขภาพของผู้สมัครอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจรับประกัน โดยเงื่อนไขสุขภาพบางประการ อาจส่งผลให้บริษัทปฏิเสธการรับประกัน การเพิ่มเบี้ยประกัน หรือการกำหนดเงื่อนไขพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น
- ประวัติการเป็นมะเร็งหรือเนื้องอก หากผู้เอาประกันมีประวัติเคยรักษา หรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรงบางอย่าง ก็อาจส่งผลให้การรับประกันเป็นไปได้ยากขึ้นหรือมีเงื่อนไขพิเศษ
- โรคประจำตัวเรื้อรัง หากผู้เอาประกันมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ อาจทำให้บริษัทประกันพิจารณาว่าผู้สมัครมีความเสี่ยงสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ค่าเบี้ยสูงขึ้นได้
- โรคตับ โรคไต หรือมีภาวะน้ำหนักเกิน เนื่องจากเป็นอวัยวะสำคัญและมีผลต่อสุขภาพโดยรวม เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลายชนิด รวมถึงมะเร็งบางประเภท หากผู้เอาประกันมีเงื่อนไขสุขภาพด้านนี้ อาจส่งผลให้การรับประกันเป็นไปได้ยากขึ้นเช่นกัน
- ประวัติการผ่าตัดใหญ่ บริษัทประกันอาจมีการพิจารณาเป็นพิเศษ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและผลของการผ่าตัดนั้น ๆ
- การตั้งครรภ์ บริษัทประกันอาจขอให้รอจนกว่าจะคลอดบุตรก่อนพิจารณารับประกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท
จากข้างต้นจะเห็นได้ว่า เงื่อนไขสุขภาพและปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ประกันมะเร็งและประกันโรคร้ายแรงไม่คุ้มครอง หรือทำให้บริษัทประกันยกเลิกกรมธรรม์ มีอยู่หลายประการ ซึ่งผู้เอาประกันควรศึกษารายละเอียดอย่างถี่ถ้วนจากแต่ละเจ้าอีกทีหนึ่ง แต่หลัก ๆ แล้ว กรณีที่บริษัทประกันจะไม่คุ้มครองโดยเด็ดขาด มีดังนี้
- ผู้เอาประกันภัยปกปิดข้อความจริง ตลอดจนการแถลงข้อความที่เป็นเท็จในใบคำขอเอาประกันภัย
- กรณีผู้เอาประกันภัยแถลงอายุคลาดเคลื่อนไม่ตรงตามความจริง
- กรณีผู้เอาประกันภัยฆ่าตัวตายโดยเจตนาภายใน 1 ปี หรือทำร้ายร่างกายตนเอง โดยนับแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามกรมธรรม์
- กรณีติดเชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) หรือภาวะของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS)
- กรณีผู้เอาประกันภัยเจ็บป่วยในช่วงระยะเวลารอคอย (Waiting Period)
แนวโน้มของประกันมะเร็งและประกันโรคร้ายแรงในอนาคต
สำหรับประเทศไทยแล้ว อัตราการเกิดโรคมะเร็งนั้นค่อนข้างสูง โดยจากข้อมูลสถิติทะเบียนมะเร็งประเทศไทยปี พ.ศ. 2565 ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่า ผู้ป่วยรายใหม่มีจำนวน 140,000 คน/ปี และเสียชีวิตประมาณ 83,000 คน ในขณะที่ข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDB) ปี พ.ศ. 2564 พบว่า จากอัตราเสียชีวิตต่อประชากร 100,000 คน กลุ่มโรคร้ายที่ทำให้เสียชีวิตแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม โดยโรคมะเร็งและเนื้องอกทุกชนิดเป็นกลุ่มที่เป็นสาเหตุมากที่สุด รองลงมาคือ โรคหลอดเลือดในสมอง ปอดบวม หัวใจขาดเลือด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และเอดส์ ตามลำดับ
ดังนั้นในอนาคตจึงอาจมีการพัฒนาในแง่ของนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการรักษา และประกันภัยที่คุ้มครองทั้ง 2 กลุ่มโรคดังกล่าวอาจมีแนวโน้มในการปรับตัว
- นวัตกรรมใหม่ ๆ ในการรักษา มีแนวโน้มที่จะมีการพัฒนายารักษาของไทยเอง และใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการรักษามากขึ้น โดยเฉพาะนาโนเทคโนโลยี ที่สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำ
- การปรับตัวของบริษัทประกัน บริษัทประกันอาจมีการปรับปรุงกรมธรรม์ให้ครอบคลุมการรักษาแบบใหม่ ๆ ให้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองได้ตามความต้องการของผู้เอาประกัน และอาจนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงการให้บริการ
ตอบคำถาม ประกันแบบไหนคุ้มครองครอบคลุมที่สุด สำหรับโรคมะเร็ง?
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายท่านอาจจะยังมีข้อสงสัยว่า สรุปแล้วระหว่างประกันมะเร็งและประกันโรคร้ายแรง แบบไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการมากกว่ากัน ต้องบอกว่า ที่จริงแล้วทั้ง 2 แผนประกันเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาทั้งคู่ ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ภายนอกที่อาจส่งผลต่อสุขภาพในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้การทำประกันโรคร้ายแรงนั้นจะคุ้มครองได้ครอบคลุมกว่า เพราะไม่เพียงคุ้มครองโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังคุ้มครองโรคร้ายแรงอื่น ๆ ด้วย จึงสร้างความอุ่นใจแก่ผู้ทำประกันได้ในระยะยาว
โดยประกันโรคร้ายแรงที่มอบผลประโยชน์ความคุ้มครองอย่างคุ้มค่า ขอแนะนำ ประกันสุขภาพ สุขสันต์ ของ กรุงเทพประกันชีวิต (Bangkok Life Assurance) แผนประกันโรคร้ายแรงออนไลน์ ที่มอบความคุ้มครองครอบคลุม ดังนี้
– คุ้มครองการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่น ๆ รวม 50 โรคร้ายแรง สูงสุดถึง 3,000,000 บาท พร้อมคุ้มครองชีวิต 50,000 บาท ทุกแผนประกันชีวิต
– รับเงินก้อนใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล และเงินสำรองการดำรงชีวิต ทันทีที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง*
– ความคุ้มครองโรคร้ายแรงมีให้เลือกหลากหลายถึง 4 แผน ได้แก่ 3,000,000 บาท 2,000,000 บาท 1,000,000 บาท และ 500,000 บาท
– สมัครได้โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพียงตอบ 4 คำถามสุขภาพง่าย ๆ
– เลือกชำระเบี้ยประกันภัยรายปี เบี้ยประกันภัยคงที่ตลอดอายุสัญญา ไม่ปรับเพิ่มเมื่ออายุมากขึ้น
– สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
– เริ่มสมัครได้ตั้งแต่อายุยังน้อย อายุที่รับประกันภัย 20 – 55 ปี
หากคุณสนใจแผนประกันโรคร้ายแรงสุขภาพ สุขสันต์ สามารถซื้อประกันภัยได้ที่เว็บไซต์ https://bla.bangkoklife.com/IOYNC6Yd6Q โดยสามารถชำระเงินค่าเบี้ยได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ทั้งวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดได้ทุกธนาคาร หรือหากต้องการศึกษาข้อมูลแผนความคุ้มครองเพิ่มเติม สามารถโทรติดต่อที่ Call Center: 02 -777-8888 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
*คุ้มครองการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงหลังจาก 90 วัน นับจากวันเริ่มสัญญา และไม่ใช่โรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน
โปรดทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้น ก่อนการตัดสินใจทำประกันภัย ทั้งนี้ เงื่อนไข ความคุ้มครอง และข้อยกเว้นอย่างสมบูรณ์จะระบุในกรมธรรม์
บทความที่น่าสนใจ
สมองล้า เพลีย ความจำแย่ลง! แนะ 5 สารอาหารบำรุงสมอง
ใครเป็นบ้าง? “ภาวะนอนไม่หลับ” สมองไม่หยุดคิด เครียดไม่รู้ตัว
ถอดบทเรียนจาก ‘น้องฟาง’ ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง SMA สู่อนาคตแห่งการป้องกันและรักษาเหมาะสมในไทย