More

    True Square Thinline เมื่อ Rado เปล่งประกายในยามราตรี

    Rado ออกนาฬิกา 3 เรือนใหม่ล้วนในคอลเลกชัน True Square Thinline ที่มาในเฉดสีเข้มล้ำลึก แต่แฝงสีสันที่ชวนให้นึกถึงเสน่ห์ แสงสี และความตื่นเต้นของชีวิตยามค่ำคืนใจกลางเมือง ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมดีไซน์มาอย่างงดงาม มีความมินิมัล เพรียวบาง และมีสไตล์ตามแบบฉบับของแบรนด์

    rado

    ในครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุที่คนทั่วโลกต่างยกย่อง ได้ถอดแบบบรรยากาศตั้งแต่ช่วงพลบค่ำจนถึงรุ่งอรุณลงมาอยู่ในตัวเรือนไฮเทคเซรามิกแบบขัดเงา โครงสร้างเป็นแบบชิ้นเดียว พร้อมสายนาฬิกาไฮเทคเซรามิกที่เข้ากัน การเลือกใช้พื้นผิวขัดเงานี้ช่วยเพิ่มความแวววาวที่จะสะท้อนแสงไฟในเมือง ไม่ว่าจะจากรถยนต์ที่สัญจรไปมา ป้ายบิลบอร์ดสว่างสดใส รวมถึงแสงไฟที่สาดส่องจากกล้องถ่ายรูปในงานกลางคืน

    True Square Thinline จึงเป็นนาฬิกาอีกเรือนที่มีเอกลักษณ์และบ่งบอกตัวตนของผู้ใส่ได้อย่างชัดเจน ทั้งความเรียบหรู เลอค่า และความสง่างาม แม้จะเหมาะแก่การออกไปเฉิดฉายยามค่ำคืน แต่ความจริงแล้ว True Square Thinline ก็ยังเข้ากับบรรยากาศอื่นๆ ไม่ว่าจะที่บ้าน ที่ทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน

    นาฬิกา 3 เรือนใหม่ล่าสุดนี้เกิดจากการนำคุณสมบัติเด่นของนาฬิกาตระกูล True Square มาผสานเข้ากับคุณสมบัติเด่นของตระกูล Thinline จนเกิดเป็นนาฬิการูปทรงสี่เหลี่ยมขนาด 37 x 43.3 มม. ที่บางเพียง 5.0 มม. ด้านในมีกลไกควอตซ์ Rado คาลิเบอร์ R420 คอยขับเคลื่อนกับ 13 จีเวล ซึ่งทั้งหมดนี้มีความหนาไม่ถึง 1 มม. เป็นรูปแบบที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนเลย ถือเป็นอีกหนึ่งงานฝีมือที่แสดงให้เห็นถึงความชำนาญด้านวัสดุและการออกแบบอย่างแท้จริง

    โดยสองเรือนแรกมีสีดำ หน้าปัดสีดำแบบซันบรัช ดัชนีบอกเวลาเป็นสีดำเช่นกันแต่เพิ่มลูกเล่นด้วยการไล่เฉดสีอย่างแนบเนียน ถัดเข้ามาคือโลโก้ Rado กับเข็มนาฬิกาสีสันสะดุดตา มี 2 สีให้เลือกคือสีเขียวเทอร์ควอยซ์กับสีส้มเฉดเดียวกับดวงอาทิตย์ การเลือกใช้สีที่ตัดกับความมืดดำนี้เองที่เป็นเหมือนแสงไฟซึ่งสว่างไสวอย่างทรงพลังในเมือง ที่เห็นเมื่อไหร่ก็สัมผัสได้ถึงความคึกคักและมีชีวิตชีวา ส่วนรูปลักษณ์โดยรวมยังคงโดดเด่นด้วยดีไซน์สี่เหลี่ยมโค้งมน ให้ความรู้สึกสบาย และตัวไฮเทคเซรามิกก็ให้สัมผัสนุ่มนวล

    นอกจากเรือนสีดำ 2 เรือนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งความพิเศษ คือเฉดสีเขียวเหลือบ ตัวเรือนโครงสร้างแบบชิ้นเดียวกับสายนาฬิกาผลิตจากไฮเทคเซรามิกเช่นเดียวกัน แต่หน้าปัดประดับเปลือกหอยมุกสีเขียวดูลุ่มลึก ดัชนีบอกเวลาใช้สีเขียวไล่เฉด ส่วนเข็มนาฬิกากับโลโก้ แบรนด์เลือกใช้สีเหลืองสว่างตัดกับพื้นหลังชัดเจน ช่วยให้นาฬิกาเรือนนี้ดูโดดเด่นและมีมิติ

    ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ ของทั้ง 3 เรือนนี้เหมือนกัน คือใช้ฝาหลังไทเทเนียม ตัวล็อกตรงสายนาฬิกาเป็นบานพับล็อกแบบสามทบ และนาฬิกากันน้ำได้ถึง 3 บาร์ หรือ 30 เมตร รับประกันได้เลยว่านาฬิกาแห่งยามค่ำคืนที่ใช้งานในชีวิตจริงได้อย่างสบายตั้งแต่เช้าจรดค่ำจริงๆ

    บทความที่น่าสนใจ

    “Maserati” นาฬิกาสุดหรูเปิดตัวครั้งแรกในไทย เอาใจคนรักความเร็วโดยเฉพาะ 

    จังหวะดีๆ ในการเปิดตัว Omega Seamaster Aqua Terra 150m Titanium Ultra Light ที่โอลิมปิก

    NOT A HOTEL By NIGO & KAWS โปรเจกต์บ้านตากอากาศธรรมดา แต่ราคาแสนไฮโซ

    Related Post