More
    spot_img

    วิวัฒนาการของเครื่องสำอางตามยุคสมัย

    ในฐานะที่เราเป็นผู้บริโภคเครื่องสำอางมาบ้างเคยสงสัยกันไหมว่าจุดต้นกำเนิดของเครื่องสำอางนั้นมาจากที่ไหน เกิดขึ้นได้อย่างไรและ วิวัฒนาการของเครื่องสำอางตามยุคสมัย นั้นเปลี่ยนไปอย่าไรบ้างในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา วันนี้ Inzpy จะพาทุกคนไขข้อสงสัยนี้กันค่ะ

    เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้บนผิวหนัง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างกายโดยวิธีทา วาด เขียน ถู นวดหรือพ่น ใช้เพื่อเสริมความสวยงามหรือเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ โดยคำว่า Cosmetics ในภาษาอังกฤษนี้มีรากฐานศัพท์มาจากภาษากรีกว่า Kosmetikos แปลว่าตกแต่งให้สวยงามเพื่อดึงดูดความสนใจ

    คราวนี้เรามาพูดถึงต้นกำเนิดของเครื่องสำอางกันค่ะ จากที่ปรากฎในโบราณคดีสันนิษฐานว่าคงมีการใช้เครื่องหอมในการประกอบพิธีศาสนาสำหรับบูชาพระเจ้าและใช้น้ำมันพืชทาตัวหรือใช้อาบศพเพื่อไม่ให้เน่าเปื่อย การใช้เครื่องหอมนี้ใช้มาต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5,000 ปี เชื่อว่าชาวอียิปต์เป็นชาติแรกที่รู้จักตกแต่งใบหน้าและใช้เครื่องสำอางแล้วจึงถึงแพร่ไปถึงแลสซีเรีย บาบีโลน เปอร์เชียและกรีกตามลำดับ เมื่ออาณาจักรโรมันเสื่อมอำนาจลงในศตวรรษที่ 5 ศิลปะการใช้เครื่องสำอางจึงแพร่หลายเข้าสู่ยุโรปอย่างประเทศฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำหอมนั่นเองค่ะ

    ประวัติของเครื่องสำอางตามยุคต่าง ๆ ของประวัติศาสตร์โลก
    ยุคอียิปต์ ยุคก่อนคริสตกาล

    จากการพบหลักฐานทางโบราณที่เก่าแก่ และร่องรอยในการทำพิธีกรรมทางศาสนาและบูชาเทพเจ้าในสมัยนั้นมีการเผาเครื่องหอมกำยาน และมีการใช้เครื่องเทศสมุนไพร และน้ำมันต่าง ๆ เพื่อใช้รักษาคงสภาพของศพไว้ด้วยความเชื่อที่ว่าวิญญาณของคนที่ตายแล้วจะกลับมาเกิดในร่างเดิมอีกครั้ง ในอีกบันทึกนึงก็อ้างว่าประเทสจีนน่าจะเป็นประเทศแรกที่ให้กำเนิดเครื่องสำอางมาใช้แต่ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มายืนยันเรื่องนี้จึงถูกปัดตกไป

    • มีหลักฐานพบเจอภาชนะที่ใช้บรรจุผงสำหรับทาเปลือกตาเรียกว่า Kohl ทำมาจากผงเขม่าผสมกับพลวง ในที่ฝังพระศพของกษัตริย์องค์แรกในราชวงศ์เทไนท์ (Thenite) หลักฐานชิ้นนี้มีอายุไม่น้อยกว่า 3,500 ปีก่อนคริสตกาล
    • ค้นพบดินสอเขียนคิ้วและขอบตาที่ฝังพระศพของกษัตริย์องค์ที่ 18 โดยทำมาจากแอนทิโมนีซัลไฟด์ (Antimony Sulfide)
    • ค้นพบเครื่องสำอางหลายชนิด รวมถึงน้ำหอมชนิดต่าง ๆ ที่อายุราว ๆ 1,350 ปีก่อนคริสตกาล ด้วยจากที่ฝังพระศพกษัตริย์ทูทันคาเมน (Tutankhamen)
    ยุคโรมัน

    หลังจากชาวโรมันได้เข้าไปครอบครองกรีกและอียิปต์ไปจนถึงเมืองอเล็กซานเดรีย เนื่องจากพระนางคลีโอพัตรารู้จักการเสริมสวยจนเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนที่พบเห็นและนางยังเป็นผู้คิดค้นเครื่องสำอางหลายประเภท ทำให้โรมันได้รับอิทธิพลจากชาวกรีกและอียิปต์ในด้านศิลปะการใช้เครื่องสำอางและการแต่งกาย

    ยุคมืด

    เมื่อถึงเวลาที่อาณาจักรโรมันเสื่อมอำนาจลง ความเจริญก้าวหน้าของเครื่องสำอางก็ชะงัก ในณะเดียวกันทางโลกตะวันออกกลับมีความเจริญก้าวหน้าทางศิลปะการใช้เครื่องสำอาง นำโดยประเทศจีนและอินเดีย

    ยุคอิสลาม

    ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 – 12 หลังเสร็จสิ้นสงครามความเจริญก็ได้เกิดขึ้น  บริเวณ เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของชาวอาหรับ มีชาวเปอร์เซียชื่อว่า อิบน์ ซีนา (Ibn Sina) ค้นพบวิธีการกลั่นน้ำหอมจากดอกกุหลาบ อีกคนหนึ่งชื่อ อาบู มอนเซอ มูวาฟแฟส (Abu Monsur Muwaffax) เป็นหมอยาชาวเปอร์เซียที่ค้นพบความมีพิษของทองแดงและตะกั่วในเครื่องสำอางและยังค้นพบว่า แคลเซียมออกไซด์ (CaO) สามารถใช้กำจัดขน

    ยุคยุโรปก้าวหน้า

    ช่วงที่ชาวยุโรปเริ่มมีการแสวงหาความรู้ทุกสาขาวิชา โดยมหาวิทยาลัยแห่งโบโลญา (University of Bologna) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการรักษาโดยการทำศัลยกรรมเป็นแห่งแรก เป็นยุคที่ชาวยุโรปมีความรู้ในการผลิตน้ำหอมจากพืชและสัตว์บางชนิด สามารถทำรูจ (Rouge) สำหรับทาแก้มจากดินสีแดงซึ่งมีไอร์ออนออกไซด์ เป็นองค์ประกอบและสามารถทำแป้งทาหน้าจากเลดคาร์บอเนต และรู้จักการทำน้ำมันแต่งผมจากน้ำมันพืชและน้ำมันดินจากธรรมชาติ

    เรื่องราวของเครื่องสำอางนี่มีมาอย่างยาวนานกว่าที่เราคิดไว้อีกนะเนี่ย และแน่นอนว่าในอนาคตอีกสัก 50 ปีต่อจากนี้วิวัฒนาการของเครื่องสำอางตามยุคสมัย ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ สาวกบิวตี้ทั้งหลายต้องตอยจับตามองกัน อัปเดตกันไปอย่าได้ตกเทรนด์กันเชียวล่ะ!

    รูปจาก Pinterest

    Related Post

    Most Popular

    Recommended