2024 ซึ่งเป็นปีแห่งการครบรอบ 50 ปี ของ Christiaan van der Klaauw นาฬิกาดาราศาสตร์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นจากความทุ่มเท ด้านนวัตกรรมและความยอดเยี่ยมแห่งโลกของเรือนเวลา เพื่อเป็นการฉลองช่วงเวลาที่สุดพิเศษเช่นนี้ แบรนด์ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ CVDK Grand Planetarium Eccentric Manufacture ที่มาพร้อมกับระบบกลไกแพลนทาเรียม (Planetarium) เพียงเรือนเดียวในโลกที่แสดงวงโคจรของดาวเคราะห์ทั้ง 8 ดวงนั่นคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวโลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ที่หมุนรอบดวงอาทิตย์แบบเสมือนจริง
นาฬิกาเรือนนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของ CVDK ในด้านการผลิตเรือนเวลาชั้นสูงที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่ยั่งยืนของแบรนด์ที่มีต่อศิลปะแห่งการบอกเวลา ซึ่ง ‘CVDK Grand Planetarium Eccentric Manufacture’ นาฬิกาซึ่งผ่านการปรับแต่งและพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยผู้คิดค้นนวัตกรรมให้กับ CVDK ถึง 3 เจนเนอเรชั่นด้วยกัน นั่นคือ Christiaan van der Klaauw, Daniël Reintjes – Maria Reintjes และ Pim Koeslag แนวคิดและความซับซ้อนของนาฬิการุ่นนี้มีรากฐานมาจาก ‘CVDK Kepler’s Planetarium Clock’ ที่ Christiaan พัฒนาขึ้นในปี 1995 จากนั้น Daniël Reintjes และ Maria Reintjes ได้นํามาต่อยอดในการพัฒนาจนได้ CVDK รุ่นใหม่เรือนนี้ ซึ่งผสมผสานรายละเอียดมากมายจากการคิดค้นและพัฒนาของพวกเขาตลอด 15 ปีที่ผ่านมา
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้สามารถสะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนผ่านทางหน้าปัดที่เปรียบเสมือน ‘ลายเซ็น’ ของแบรนด์ โดยทำจากวัสดุมีความงามที่น่าทึ่งอย่างอะเวนทูรีน และตัวเรือนใหม่ที่สวยงามมาพร้อมกับข้อต่อตัวเรือนที่มีรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เรียกว่า Klaauw-Shaped Lug นอกจากนั้น Pim Koeslag ยังได้ปรับปรุงรูปแบบของเข็มทิศดั้งเดิมจากที่ถูกวาดด้วยดินสอให้กลายเป็นการออกแบบผ่านทางโปแกรม CAD 3 มิติ ซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและประสบการณ์ของเขาอย่างพิถีพิถัน นาฬิกาทั้งเรือนได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นในสตูดิโอของ CVDK ตั้งแต่ต้นแบบจนถึงการผลิตขั้นสุดท้าย
ในปี 2024 นี้ นาฬิการุ่นพิเศษนี้ซึ่งผ่านการพัฒนาโดย 3 เจนเนเอเรชั่นของ CVDK จะถูกเปิดตัวออกมาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของกลไกทางดาราศาสตร์ นาฬิกาเพียงเรือนเดียวในโลกที่มาพร้อมกับกลไกที่สามารถะบุการโคจร รอบดวงอาทิตย์ของดาวเคราะห์ทั้ง 8 ดวงในเรือนเดียวกัน โดยมีดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งตรงกลางของหน้าปัดซึ่งเปรียบเสมือนกับศูนย์กลางของวงโคจร รายล้อมไปด้วยดาวเคราะห์แต่ละดวงซึ่งเคลื่อนที่อยู่ในเส้นทางที่ถูกจําลองมาอย่างใกล้เคียงที่สุด เพื่อสะท้อนความเป็นจริงได้อย่างแม่นยํา
บทความที่น่าสนใจ
LAMBORGHINI TEMERARIO ซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นใหม่ กำเนิดสายพันธุ์ ‘Fuoriclasse’ ตัวจริง
เฉลิมฉลองช่วงเวลาน่าประทับใจไปตลอดกาลกับ Rado Captain Cook, True Square และ Centrix
เปิดมุมมองใหม่ของพืชพรรณแห่งคาร์เทียร์ ผ่าน “Nature Sauvage” คอลเลกชันไฮจิวเวลรี่ใหม่ล่าสุด
