ถึงเวลาแล้วครับสำหรับบทสรุปของฟุตบอลยุโรปฤดูกาล 2021/2022 กับ UCL FINAL ที่ในปีนี้เป็นการหวนกลับมาพบกันอีกครั้ง ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ เรอัล มาดริด ที่บอกเลยว่าแมตช์นี้คือ “ศึกล้างตา” จากนัดชิงเมื่อปี 2018 ที่ค่ำคืนนั้น ราชันต์ชุดขาว สามารถเด็ดปีก หงส์แดง ไปด้วยสกอร์ 3-1
แต่เรื่องราวในค่ำคืนนั้น นอกจากสกอร์ที่ออกมา และเรอัล มาดริด ที่ได้ชูถ้วยแล้ว มันมีอะไรอีกมากมายในรายละเอียด ที่วันนี้ Inzpy ซึ่งได้ดูเกมนั้นแบบเต็ม ๆ จะมาเล่าให้ฟัง
เซร์คิโอ รามอส กับวิชายูโดใน UCL FINAL
เกมนัดนั้นบอกเลยว่านักเตะของทั้งสองทีมกำลังอยู่ในฟอร์มที่โคตรจะดี แนวรุกของทั้งสองทีมนั้นรวดเร็ว ดุดันและเด็ดขาดกันทั้งคู่ ฝั่งของลิเวอร์พูลนำทัพมาโดย โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ ส่วนฝั่งของเรอัล มาดริด มีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงเบอร์หนึ่งของโลกนำทัพมา
ส่วนแนวรับก็แข็งแกร่งทั้งคู่ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลปีแรก แต่สามารถเปลี่ยนแปลงหงส์แดง เป็นพญาหงส์ได้ในชั่วข้ามคืน จากเกมรับที่อ่อนปวกเปียก เสียลูกตั้งเตะเหมือนเสียจุดโทษ แต่การเข้ามาของกองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ มันทำให้ ลิเวอร์พูลเสียประตูน้อยลงชนิดว่าหลังยี่สิบ เหลือเพียงหลักหน่วยประมาณนั้นเลย
ส่วนฝั่งของ เรอัล มาดริด พวกเขามีคู่เซนเตอร์แบ็คที่แกร่งและเข้าคู่กันที่สุดคู่หนึ่งในโลกนั่นคือ ราฟาเอล วาราน และ เซร์คิโอ รามอส คนหนึ่งยังเด็กและสด ส่วนอีกคนเก๋า หนักหน่วง และตุกติก ซึ่งประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละครับ
เกมนี้ลิเวอร์พูลและเรอัล มาดริด ลงสนามด้วยผู้เล่นเต็มสูบ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ วิ่งป่วนริมเส้นให้กับลิเวอร์พูลเรียกว่า จี๊ดจ๊าดเอาเรื่อง แม้ว่าฟอร์มตอนนั้นจะยังไม่ดุดันเหมือนวันนี้ แต่ต้องบอกว่า ซาล่าห์ถือเป็นตัวท็อป ๆ ของโลกในเรื่องความเร็ว และนี่คือความหวังสูงสุดของเหล่า “เดอะ ค็อปส์”
แต่ความหวังสูงสุดของพวกเขานั้นถูกทำลายลงภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากชายที่ชื่อว่า “เซร์คิโอ รามอส” โดยในนาทีที่ 24 ของเกมแข่งขัน โม ซาล่าห์ วิ่งเบียดไปกับ รามอส ครับ ซึ่งจังหวะมันไม่มีอะไรเลย เพียงแต่ว่าจังหวะที่ล้มลงไปของทั้งคู่ แขนของ ซาล่าห์นั้นเกี่ยวไปแขนของรามอส และมันทำให้รามอสนั้นลงไปทับแขนของซาล่าห์
ซึ่งตรงนี้ที่มันเหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันก็มีตรงจนได้ เพราะซาล่าห์เจ็บจนต้องถูกออกจากสนามเพราะจังหวะนั้น ซึ่งมันกลายเป็นประเด็นใหญ่ในช่วงท้ายเกมเลยว่า รามอส นั้นจงใจที่จะเกี่ยวแขนของซาล่าห์ เหมือนการจับทุ่มและทำให้ดาวยิงตัวเก่งของหงส์แดงต้องบาดเจ็บ
เท่านั้นไม่พอ ยังมีภาพของ เซร์คิโอ รามอส ที่เอาศอกไปสับใส่หน้าของ ลอริส คาริอุส อีกในจังหวะบุกของ เรอัล มาดริด และเจ้าตัวก็รอดจากโทษสถานหนักอย่างใบแดงด้วย
โอเคการสับศอกครั้งนี้ไม่มีใครบาดเจ็บจนต้องออกจากสนาม เพียงแต่ว่า มันเหมือจะมีเอฟเฟ็คต่อตัวของ คาริอุส ที่ดูเหมือนเขาจะมึน ๆ และก่อความผิดพลาดจนเสียประตูไปถึงสองครั้ง
ครั้งแรกเขารับบอลได้จากลูกที่ไม่มีอะไร และพยายามจะเล่นเร็ว โดยการปาบอลไปให้กองหลังแต่ดันถูก คาริม เบนเซม่า ยื่นเท้าดัก และบอลก็เข้าประตูไปเลย กลายเป็น เรอัล ขึ้นนำ 1-0
ครั้งที่สองคือตอนที่ราชันต์ชุดขาวนำอยู่ 2-1 และยังมีลุ้นกลับมาได้แต่ คาริอุส ก็พลาดอีกครั้ง หลังจากที่โดน แกเร็ธ เบล ลากบอลตัดเข้ามายิงจากระยะ 30 หลา บอลมันพุ่งตรงไปที่เขาซึ่งน่าจะปัดออกหลังไปได้แบบไม่มีปัญหา แต่เจ้าตัวดันปัดบอลผิดเหลี่ยมเข้าประตูไปเลย ทำให้ เรอัล มาดริด ปิดเกมไปด้วยสกอร์ 3-1 คว้าแชมป์สมัยที่ 13 ได้สำเร็จ
ซึ่งหลังเกมแฟนหงส์ก็ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี แต่ทั้งนี้ก็ได้มีการโจมตีใส่ เซร์คิโอ รามอสกันยกใหญ่ว่า ลูกตุกติกของเขาเป็นตัวการทำให้ลิเวอร์พูลต้องสูญเสียคีย์แมน และทำให้ผู้เล่นของพวกเขากระทบกระเทือนทางสมอง เป็นต้นเหตุของเกมรุกที่อ่อนลง และเกมรับที่เสียประตูจากข้อผิดพลาดของผู้รักษาประตู
ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อนะครับว่า ลอริส คาริอุส ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้เจ้าตัวนั้นถูกดรอปเป็นตัวสำรอง โดนปล่อยยืมไปทีมอื่น ก้ไม่สามารถยึดตัวจริงได้ แถมมีช็อตเหวอ ๆ ให้เห็นอยู่เป็นประจำ เรียกว่า นั่นคือฝันร้ายของเขาเลย
ศึกล้างตาเดิมพันแชมป์
เหตุการณ์ผ่านไปกว่า 4 ปีครับ ทั้งสองทีมได้วนเวียนบรรจบมาเจอกันอีกครั้ง คราวนี้ เรอัล มาดริด ไม่มีตัวแสบอย่าง เซร์คิโอ รามอสแล้ว ส่วน โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ อยู่ในช่วงที่ท็อปฟอร์มที่สุดในชีวิต แล้วเรอัล มาดริด ไม่มีทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้และแกเร็ธ เบล แต่พวกเขามี คาริม เบนเซม่า และ วินิซิอุส จูเนียร์ อยู่ในทีม
ก่อนเกมนัดนี้ไม่มีกำลังสำคัญของทั้งสองทีมบาดเจ็บ นั่นหมายความว่า เราจะได้เห็นทั้งสองทีมสู้กันอย่างเต็มสู้ ใส่เต็มที่สุดเท่าที่จะเต็มได้ นี่คือการลุ้นแชมป์ครั้งที่ 14 ของ เรอัล มาดริด และการลุ้นแชมป์สมัยที่ 7 ของลิเวอร์พูล
นอกจากนี้นี่คือเกมที่ โม ซาล่าห์กระสันจะลงสนามมากที่สุด เพราะเขาต้องการจะพิสุจน์ตัวเอง และลบความผิดหวังที่ตัวเองต้องออกจากสนามอย่างรวดเร็วและไม่สามารถช่วยให้ทีมชนะได้ ซึ่งก็ได้มีการไซโคกันไปบ้างแล้ว
นอกจากนี้ฝั่งของลิเวอร์พูลก็โดนคำครหาด้วยว่า ฟลุ๊คที่เข้าชิง เพราะเจอแต่ทีมที่อ่อนชั้นกว่าตัวเอง ไม่เหมือน เรอัล มาดริด ที่เจอแตทีมแข็ง พลิกชนะทั้ง ปารีส แซง-แชร์กแมง และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้มาได้ จากการแบกของ คาริม เบนเซม่า
และด้วยเหตุนี้เองเกมนี้อาจจะเป็นการตัดสินว่าระหว่าง ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซ่าลาห์ หรือ คาริม เบนเซม่า ใครที่จะได้รางวัลบัลลง ดอร์!