เรียกได้ว่าเป็นหนังไทย ที่กระแสมาแรงข้ามประเทศกันเลยทีเดียว เพราะตั้งแต่ตัวอย่างหนัง THE MEDIUM ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการ ก็เป็นที่พูดถึงและถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา กระทั่งเดือนกรกฎาคมหนังไทยเรื่องนี้ก็ได้เข้าฉายในโรงภาพยนต์ที่เกาหลีใต้ และถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก เพราะทางเกาหลีเองก็รอคอยหนังเรื่องนี้ไม่ต่างกับบ้านเรา ส่วนของคิวฉายในไทยนั้นได้ถูกเลื่อนออกไปด้วยสถานการณ์โควิด-19
และเมื่อสถานการณ์หลาย ๆ อย่างเริ่มดีขึ้น ก็ไม่มีการรีรอใด ๆ อีกต่อไป ภาพยนตร์ “ร่างทรง” ได้ปล่อยภาพโปสเตอร์กำหนดเดือนที่จะได้ฉายในไทยเป็นที่เรียบร้อย นั่นคือ “ตุลาคม 2021″
“ร่างทรง” คือภาพยนตร์ที่เป็นโปรเจคข้ามชาติระหว่าง Showbox ค่ายหนังยักษ์ใหญ่จากประเทศเกาหลี และ GDH ค่ายหนังคุณภาพของไทย
ดูแลงานสร้างโดย นา ฮง-จิน ผู้กำกับหนังสยองขวัญจากเกาหลี ที่เคยฝากผลงานอย่าง THE CHASER (2008) , THE YELLOW SEA (2010) และ THE WAILING (2016) กำกับโดย โต้ง – บรรจง ปิสัญธนะกูล จาก พี่มาก..พระโขนง, ห้าแพร่ง, สี่แพร่ง, แฝด และ ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ
“ร่างทรง” หรือ “THE MEDIUM” คือ หนังผีกึ่งสารคดี ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเชื่อทางไสยศาสตร์ท้องถิ่นทางภาคอีสานของไทย โดยในเรื่องจะตามถ่ายทำครอบครัวหนึ่ง ที่เชื่อในเรื่องเทพเจ้าที่เคารพบูชา และทำหน้าที่เป็นร่างทรง ที่คนในชุมชนเรียกว่า “ย่าบาหยัน”
อยู่มาวันหนึ่งได้เกิดเหตุประหลาดขึ้นกับหลาน (มิ้ง) ของร่างทรงคนปัจจุบัน (นิ่ม) ซึ่งแม่ของมิ้ง (น้อย) พยายามที่จะไม่เชื่อหรือยอมรับในเรื่องเหล่านี้ เพราะตัวเองนับถือศาสนาคริสต์ จนในที่สุดสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวมิ้งเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนคนในครอบครัวต่างเชื่อว่า มิ้ง คือผู้ที่จะสืบทอดร่างทรงย่าบาหยันคนต่อไป น้อยจึงจำใจที่ต้องยอมให้มิ้งรับขันธ์เพื่อยอมรับการเป็นร่างทรง
แต่… นิ่ม ผู้เป็นป้า (และร่างทรงคนปัจจุบัน) สัมผัสได้ถึงสิ่งที่แปลกกว่านั้น จึงเริ่มตามหาความจริงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของน้อย ซึ่งก่อนหน้านั้น แม้ก (น้องชายของมิ้ง) ก็ตายจากอุบัติเหตุ และสามีของน้อย (โรจน์) ก็ได้ตายด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งนำไปสู่เรื่องราวสุดเข้มข้นในการตามหาความจริงของนิ่ม และวิญญาณที่พยายามจะเข้าสิงร่างของมิ้งคือใคร มันต้องการอะไรจากครอบครัวนี้
“มึงก็ลองทายดูสิ…ว่ากูคือใคร?”
โดยภาพรวมของหนังเรื่องนี้หลังจากที่ได้ดูจบแล้ว สิ่งที่ชัดเจน คือการนำเสนอเรื่องราวผ่านตัวละครหลักโดยการมานั่งสัมภาษณ์ผ่านกล้องของทีมสารคดี อธิบายเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นและความรู้สึกกับสิ่งต่าง ๆ โดยสลับกับการตามถ่ายทำตามติดชีวิตของตัวละครในเนื้อเรื่อง ซึ่งถือว่าเป็นการนำเสนอที่ทำให้เพิ่มอรรถรสในการดูได้เป็นอย่างดี
ถามว่าน่ากลัวมั้ย ก็คงต้องตอบว่า ไม่น่ากลัวแบบที่หวังไว้ แต่สิ่งที่ทำให้อินกับหนังเรื่องนี้คือดนตรีประกอบที่มาถูกจังหวะ และการแสดงของนักแสดงทุกคน ที่แสดงสีหน้าอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และสุดท้ายที่หนังเรื่องนี้ทำสำเร็จและทำได้ดีมากคือการได้ถ่ายทอดความเชื่อต่าง ๆ ของคนในพื้นบ้านภาคอีสาน ทั้งพิธีกรรมต่าง ๆ การใช้ชีวิตโดยยึดหลักความเชื่อเรื่องภูตผีที่เข้ามามีบทบาทในการดำรงชีวิตทุกย่างก้าว
ถึงแม้ว่าครึ่งหลังของเรื่องจะเล่าเรื่องเนือย ๆ ไปหน่อย หรือบางทีอาจจะต้องอุทานว่า อิหยังวะ! แต่ก็นั่นแหละ อาจจะเป็นเพราะว่า เรื่องราวของย่าบาหยัน อาจจะยังไม่แมส หรือเป็นที่รู้จักมากเท่าที่ควร เหมือนผีชื่อดังที่เคยเอามาทำเป็นหนังใหญ่และประสบความสำเร็จมาแล้ว แต่เรื่องราวของหนังก็ยังสลับกับฉากที่ตื่นเต้นและการตามหาความจริงจากป้านิ่ม ที่จะช่วยหลาน ให้พ้นจากเคราะห์กรรมนี้ จึงทำให้หนังยังคงน่าติดตามไปจนจบตลอดความยาว 2 ชม.
“ย่าบาหยัน” จะมีจริงหรือไม่ ? ติดตาม “ร่างทรง” ได้ในโรงภาพยนตร์ เข้าฉายพร้อมกันทั่วประเทศ ตุลาคม 2021
นำแสดงโดย
นริลญา กุลมงพลเพชร (มิ้ง)
สวนีย์ อุทุมมา (นิ่ม)
ศิราณี ญาณกิตติกานต์ (น้อย)
ยะสะกะ ไชยสร( มานิต)
บุญส่ง นาคกู่ (สันติ)
ภัคพล ศรีรองเมือง (โปรดิวเซอร์)