สายบริท-ร็อค บริท-ป็อป หรือคนที่ฟังเพลงจากวงที่มาจากประเทศอังกฤษแล้วล่ะก็ ยังไงซะต้องรู้จัก Arctic Monkeys เจ้าลิงขั้วโลกสุดเท่ ที่เพลงก็เยี่ยม ลุคก็ดี หาที่ติแทบจะไม่ได้ (ฮา) อันนี้คนเขียนไม่ได้อวยจนเกินจริงครับ เพราะวงนี้เป็นอีกหนึ่งวงที่โดดเด่นในผลงานเพลง และคาแรคเตอร์ของพวกเขา
จุดกำเนิดลิงขั้วโลก Arctic Monkeys
Brit-Rock วงนี้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2002 จากการรวมตัวของเพื่อนในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ได้แก่ Alex Turner (ร้องนำ-กีต้าร์), Jamie Cook (กีต้าร์), Matt Helders (กลอง) และ Andy Nicholson (เบส) ก่อนที่จะเป็น Nick O’malley เข้ามาทดแทน Andy ในปี 2007 โดยวงของพวกเขาได้เล่นตามจุดต่าง ๆ ในเมือง ฟีลประมาณว่าดนตรีเปิดหมวก
ก่อนที่จะเริ่มทำเดโม่ไปแจกตามงานคอนเสิร์ตต่าง ๆ ที่พวกเขาได้ไปเล่น จนเพลงของอาร์คติก มังกี้ เริ่มที่จะติดหูคนฟัง ในแบบปากต่อปาก และทำให้พวกเขาได้ออกไปเล่นตามเมืองอื่น ๆ นอกจากเชฟฟิลด์มากขึ้น และด้วยในยุคนั้นยังเป็นยุคที่เน้นการอัพเพลงลงบนเว็บไซต์แล้วให้ดาวน์โหลดไปฟัง ยังไม่ใช่ยุคที่ Youtube หรือ Social Media ดังแบบทุกวันนี้
ซึ่งพวกเขาก็ใช้การอัพโหลดเพลงขึ้นไปนี่แหละในการทำการตลาด และยอดดาวน์โหลดก็มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ซึ่งเป็นวงที่ทำการตลาดด้วยตัวเอง หากยุคนี้คงต้องเรียกว่าทำแบบออแกร์นิค ไม่ได้พึ่งพาค่ายเพลงหรือใครแต่อย่างใด เป็นวงที่เกิดจากอินเตอร์เนต แต่ชื่อเสียงนั้นโด่งดังไปทั่วโลก
ก่อนที่ในปี 2005 พวกเขาจะได้มีอัลบั้ม EP แรกแบบเป็นทางการในชื่อว่า “Five Minutes with Arctic Monkeys” ที่มีจำนวนแค่ 1,500 ชุดเท่านั้น ที่สำคัญพวกเขาขายหมดได้โดยใช้เวลาไม่นาน และไม่ต้องพึ่งค่ายเพลงแต่อย่างใด
ด้วยความที่พวกเขาไม่ต้องการจะมีข้อผูกมัดใด ๆ และไม่ต้องการให้มีกฎเกณฑ์ใดมาบังคับพวกเขา ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พวกขไม่ได้ต้องการทำสัญญากับค่ายเพลง
จนกระทั่งพวกเขาได้เจอกับค่ายที่ชื่อว่า Domino ที่เจ้าของค่ายนั้นค่อนข้างจะมีอิสระ และปล่อยให้ศิลปินในค่ายทำงานในแบบที่ อยากทำอะไรก็ทำ ปล่อยของออกมาให้เต็มที่ ทำให้ทั้ง 4 คนตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญากับค่ายเพลงอย่างเป็นทางการครั้งแรก
ผลงานคุณภาพจาก 4 หนุ่มเชฟฟิลด์
Whatever People Say I Am, That’s What I’m Not อัลบั้มชุดแรกของพวกเขาก็ถูกปล่อยออกมาในปี 2006 และกวาดรางวัลไปมากมาย อาทิ Best British Group และ Best British Album จาก Brit Awards 2006 รวมถึง Album of the year จากนิตยสาร TIME
จากนั้นปี 2007 อัลบั้มชุดที่ 2 ก็ตามมาอย่างไว ในชื่อ “ Favourite Worst Nightmare” โดยมีเพลงฮิตอย่าง “Brian Storm” และ “Fluorestcent Adolescent” โดยเฉพาะเพลงหลังที่มียอดวิวในยูทูปกว่า 140 ล้านวิวด้วยกัน
จากนั้นในปี 2009 “Humbag” อัลบั้มชุดที่ 3 อัลบั้มที่ว่ากันว่าเป็นจุดเปลี่ยนของพวกเขา เพราะชุดนี้พวกเขาบินลัดฟ้าไปถึง ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อทำการอัดเสียง พร้อมกับเพิ่มซาวด์ใหม่ ๆ เข้าไป โดยเพลงอย่าง “Crying Lightning” คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดเพลงหนึ่ง
อัลบั้มชุดที่ 4 ในปี 2011 อย่าง “Suck it And See” อีกหนึ่งอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จของพวกเขากับเพลงสนุก ๆ อย่าง “Brick by Brick” และเพลงที่มีริฟท์กีต้าร์เท่ ๆ อย่าง “ Don’t Sit Down ‘Cause I’ve Moved Your Chair” เป็นเพลงที่ติดหูทั้งพาร์ทดนตรีและเสียงร้องของ อเล็ก เทอร์เนอร์
จนกระทั่งปี 2012 พวกเขาได้ปล่อยซิงเกิ้ลที่มีชื่อว่า “R U MINE ?” ที่มียอดวิวกว่า 277 ล้านวิวในยูทูป! อีกหนึ่งเพลงที่กีต้าร์ติดหู และเสียงร้องแบบโคตรจะเอกลักษณ์ของอเล็ก ก่อนที่พวกเขาจะปล่อยอัลบั้มเต็มที่ใช้ชื่อว่า “AM” ในปี 2013 ที่คราวนี้มีเพลงฮิตมาเต็มเหมือนเดิม เพิ่มเติมด้วยลุคที่เท่ขึ้นมาก ๆ ความวินเทจของวงการแฟชั่นอาจจะเริ่มมาจากพวกเขานี่แหละ!
“Do I Wanna Know?” เพลงเปิดอัลบั้มที่มีความเท่แบบบอกไม่ถูก รวมไปถึง “One For The Road” ซึ่งทั้งสองเพลงก็ถูกนำไปใช้เป็น Original Soundtrack ของซีรีส์อย่าง Peaky Blinders ด้วย นอกจากนี้ยังมี “Arabella” ที่เป็นเพลงฮิตอีกหนึ่งเพลง
วงที่คนไทยอยากให้มาเล่นคอนเสิร์ตมากที่สุด
อย่างที่รู้กันครับว่าประเทศไทยนั้นเป็นอีกหนึ่งประเทศ (ในช่วงก่อนโควิด) ที่มักจะมีวงดนตรีดี ๆ นักร้องดัง ๆ มาทัวร์บ่อยมาก แต่วงอย่าง Arctic Monkeys ยังไม่มีโอกาสนั้น และเป็นวงที่คนไทยคาดหวัง และอยากจะให้มามากที่สุดวงหนึ่งเลยล่ะ จากผลโหวต หรือโพลที่ถูกจัดทำขึ้นมาหลายครั้ง หลายครา หลายโอกาส หลายสำนัก
รวมไปถึงพวกบทความต่าง ๆ ที่ว่าด้วยเรื่องของวงดนตรีที่ต้องได้ดูสดซักครั้งหนึ่งในชีวิต Arctic Monkeys ไม่เคยพลาดในการมีชื่ออยู่ตรงจุดนั้น
ด้วย Performance ทางการแสดง ตัวของเพลงเอง ตัวของดนตรีต่าง ๆ ภาพลักษณ์ ลุค และชื่อเสียงที่พวกเขาสั่งสมมา เชื่อได้เลยว่าหากวันใด AM ประเทศว่าจะมาเล่นในไทย และเมื่อถึงวันที่บัตรวางขาย การตบตีแย่งชิงเกิดขึ้นแน่นอน บัตรจะหมดในเวลาเพียงเสี้ยววินาที
และไม่ว่าสังกัดไหน หรือค่ายใดก็ตามที่สามารถปิดดีลนี้ได้ จะคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ทั้งในแง่ของภาพลักษณ์ การเป็นที่รู้จัก และรายได้มหาศาลที่จะกลับเข้ามา
จริง ๆ เรื่องราวของ AM นั้นยังมีอะไรให้พูดถึงอยู่อีกเยอะ โดยเฉพาะเรื่องราวของ Alex Turner ฟร้อนท์แมนของวงที่เต็มไปด้วยความสามารถ ที่ประสบความสำเร็จ โด่งดัง และเป็นหน้าเป็นตาของวง ด้วยศักยภาพของตัวเขาเอง ซึ่งทาง Inzpy จะมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป
ส่วนบทความนี้ก็ต้องขอจบไว้ต้องนี้ ใครที่ไม่อยากพลาดเรื่องราว หรือบทเพลง หรือวงดี ๆ ก็อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้กับพวกเราด้วยนะครับ