10 อันดับ กระเป๋าแบรนด์เนม ที่น่าลงทุนในปี 2021 – The Best Investment Bags 2021
กระเป๋าแบรนด์เนม หรือสิ่งของหรูหรา ในยุคปัจจุบันถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าในตัวที่ได้รับการยอมรับว่าคุ้มค่ากับการลงทุนและสามารถสร้างกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ วันนี้ Inzpy ขอพาไปทำความรู้จักกับกระเป๋าทั้ง 10 รุ่นที่น่าลงทุนที่สุดในปี 2021 จะมีรุ่นไหนและราคาเท่าไหร่กันบ้างไปดูกันเลยค่ะ
อันดับที่ 1 HERMES BIRKIN BAG
Hermès Birkin Bag กระเป๋าแบรนด์เนม หนึ่งในสุดยอดที่สาว ๆ หลายต่อหลายคนปรารถนา อีกทั้งยัขึ้นชื่อว่าครอบครองยากที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก กับสถิติรอคิวซื้อยาวนานกว่า 6 ปีกับราคาค่าตัวสูงถึงหกหลัก
สิ่งที่น่าสนใจอีกประการของแบรนด์ Hermès คือ ช่างแต่ละคนจะต้องผ่านการฝึกฝนอย่างน้อย 3 ปี ในโรงงานที่ประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะได้รับใบอนุญาตให้ผลิตกระเป๋าได้ และกระเป๋างรุ่น Birkin ช่างฝีมือที่จะได้รับการอนุญาตให้ผลิตได้ต้องมีอายุงานมากกว่า 10 เลยทีเดียว
จึงทำให้กระเป๋าเป็นที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มนักสะสม และสาว ๆ ที่หลงไหลในแบรนด์ Hermès หนังแต่ละชนิดมีราคาที่แตกต่างกันไป และที่สำคัญยังสามารถเป็นตัวกำหนดราคาได้อย่างดีอีกด้วย
สำหรับในประเทศไทยราคาของกระเป๋า Birkin จะมีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 600,000 – 5 ล้านบาท ราคาของกระเป๋า Birkin จะมีการปรับขึ้นประมาณ 14.2 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของราคากระเป๋า Birkin ในตลาดซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองใจอยู่ที่ระหว่าง 230,000 – 530,000 บาท
อันดับที่ 2 CHANEL CLASSIC FLAP BAG
Chanel Classic Flap Bag กระเป๋าสะพายสายโซคลาสสิคสุดหรูจาก Chanel อันคุ้นตา ที่ถูกออกแบบใหม่โดย Karl Lagerfeld (คาร์ล ลาเกอร์เฟล) โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากกระเป๋าสุดหรูในตำนานอย่าง Chanel 2555 จึงทำให้ Chanel Classic Flap ไปนี้คงความคลาสสิคและครองใจสาว ๆ มาทุกยุคทุกสมัย ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ หรูหรา
รวมถึงการเป็นเจ้าของกระเป๋า Classic Flap สักใบนั้น ถือเป็นการลงทุน ที่ให้ผลกำไรตอบแทนอย่างคุ้มค่า ปัจจุบันราคาของกระเป๋าใบนี้อยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทไปจนถึง 240,000 บาท ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ากระเป๋ารุ่นนี้จะมีการปรับราคาขึ้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ในทุก ๆ ปี การที่ได้เป็นเจ้าของกระเป๋ารุ่นนี้จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
อันดับ 3 LOUIS VUITTON NEVERFULL BAG
Louis Vuitton Neverfull กระเป๋าทรง Tote ที่สาว ๆ หลายคนรู้จักและคุ้นตาเป็นอย่างดี Neverfull สามารถแปลอย่างตรงตัวได้ว่า “ไม่มีวันเต็ม” กระเป๋าใบนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี ค.ศ 2007 ภายใต้ชื่อ Never Full และขึ้นแท่นเป็นกระเป๋ายอดนิยมในทันที
ด้วยดีไซน์เรียบง่ายเข้ากับทุกกระแสแฟชั่น เหมาะกับทุกโอกาส มาพร้อมกับประโยชน์ใช้สอยที่เต็มเปี่ยม โดยกระเป๋า 1 ใบจะใช้เวลาในการตัดเย็บนานถึง 45 ชั่วโมงเลยทีเดียว ราคาจำหน่ายใน Shop ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 3-4 หมื่นบาทกระเป๋ารุ่นนี้ถูกปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง 20-30 เปอร์เซ็นต์ต่อปีนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ Never Full ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้
อันดับที่ 4 LADY DIOR BAG
กระเป๋าน่าลงทุน Lady Dior Bag เป็นหนึ่งในกระเป๋าที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลมากที่สุดรุ่นหนึ่งในโลกของแฟชั่น ได้รับการขนานนามตามพระนามของเจ้าหญิงไดอาน่า หลังจากเจ้าหญิงได้ทรงถือกระเป๋ารุ่นนี้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกในช่วงแรก ๆ สร้างปรากฏการณ์ยอดขายมากกว่า 2 แสนบาทภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ทางแบรนด์จึงเปลี่ยนชื่อรุ่นกระเป๋าให้เป็น “Lady Bag” เพื่อเป็นเกียรติให้แก่เจ้าหญิงไดอาน่า
Lady Dior Bag ถือได้ว่าเป็นกระเป๋ารุ่น Iconic Bag ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงมาเป็นเวลานาน อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็น Timeless Investment ที่คุ้มค่าแก่การลงทุน
เลดี้ ดิออร์ มีการออกคอลเลกชั่นใหม่ ๆ ขึ้นมาเรื่อย โดยมีทั้งวัสดุที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ผ้าซาติน หนังหายากต่างๆ เช่น หนังงูหรือหนังจระเข้ รวมถึงผ้าทวีต ปัจจุบัน Lady Bag ได้กลายมาเป็นหนึ่งใน It Bag ที่ครองใจสาว ๆ เรื่อยมา จนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบันราคาเริ่มต้นของกระเป๋า Lady Dior อยู่ที่ใบละประมาณ 120,000 บาทจนถึง 150,000 บาท โดยแต่ละปีจะมีการปรับราคาของกระเป๋าใบนี้ขึ้น 14%
อันดับที่ 5 CHANEL BOY BAG
The Boy Bag เปิดตัวครั้งแรกในงานแฟชั่นโชว์ Fall/Winter Ready-To-Wear Collection ของ Chanel ในปี ค.ศ. 2011 ถูกออกแบบโดย Karl Lagerfeld (คาร์ล ลาเกอร์เฟล) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระเป๋าใส่กระสุนปืนของนักล่าสัตว์ ใน 1 ปี ชาแนลจะมีการนำเสนอคอลเลกชั่นใหม่ ๆ ออกมาทุกฤดูกาล ความคลาสสิกและรูปแบบที่เรียบง่ายแต่ดูหรูหราทำให้ Boy Bag เป็นกระเป๋าที่ต้องมีติดไว้ในตู้ของเหล่าบรรดาสาวกชาแนลอย่างไม่ต้องสงสัย
เอกลักษณ์และจุดเด่นของกระเป๋า The Boy Bag นั่นก็คือ สายโซ่ที่หนา ทนทานแข็งแรง อะไหล่ที่ดูคลาสสิค และตัวล็อคที่คล้ายตัวต่อเลโก้ สายสะพายนั้นมีความยืดหยุ่นสูงอีกทั้งยังสามารถปรับความสั้นยาวได้ตามต้องการ โดยสามารถใช้เป็นกระเป๋าสะพายข้างหรือเป็นกระเป๋า Crossbody ก็เก๋ไก๋ไม่แพ้กัน
The Boy Bag มาพร้อมกับวัสดุและอะไหล่ที่หลากหลาย แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น ตั้งแต่รุ่นหายาก Limited Edition หรือรุ่นธรรมดาทั่วไป มีทั้งวัสดุที่ทำจากหนังไปจนถึงผ้าทอที่หรูหรา หนังที่พบมากที่สุดคือหนัง Lambskin (หนังแกะ) และ goatskin (หนังแพะ)
อีกทั้งยังมีวัสดุที่ทำจากผ้าชั้นดี เช่นผ้าทวีต (tweed) หรือกำมะหยี่ (velvet) รวมถึงวัสดุผ้าใบแคนวาส , ผ้ายีนส์ , PVC ที่ปรากฏในรุ่นต่างๆ ไม่ซ้ำกัน
สำหรับราคาเริ่มต้นของ Chanel Boy โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 185,000 บาทซึ่งราคาจะแตกต่างกันออกไปตามขนาดรุ่น และวัสดุที่ใช้ เป็นกระเป๋าอีกรุ่นที่ถือได้ว่าคุ้มค่าแก่การลงทุนและราคาก็มีการปรับขึ้นในทุก ๆ ปี
อันดับที่ 6 DIOR SADDLE BAG
Dior Saddle Bag กระเป๋าที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากอานม้า เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ.1999 ในช่วงที่ John Galliano แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวอังกฤษตำแหน่งเป็นดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์ สร้างปรากฏการณ์ความนิยมโดยยอดขายกว่า 60% ในปี ค.ศ 2001 แล้วกลับมาอีกครั้งในงานแฟชั่นโชว์ Full Winter 2018 Collection การกลับมาในครั้งนี้ สามารถมาทวงตำแหน่ง It Bag ได้อีกครั้ง
ด้วยรูปทรงอานม้าที่ดูงามสง่า มาพร้อมกับลวดลายของกระเป๋าที่สวยเก๋ หากเผลอมองเพียงหนึ่งครั้งก็ไม่อาจทำให้ละสายตาไปไหนได้เลย จะเห็นได้ว่า Item ชิ้นนี้เหมาะสมกับตำแหน่ง It Bag อย่างแท้จริง ด้วยรูปลักษณ์ ดีไซน์การออกแบบ ที่มีเอกลักษณ์ส่วนตัวอย่างเด่นชัด สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบทั้งเป็น Hand Bag, Belt Bag และ Fanny Pack (คาดอก) คุณสามารถนำออกมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากนี้ยังสามารถหยิบไปใช้งานได้ทั้งคุณผู้ชาย และคุณผู้หญิงอีกด้วย
ราคาจำหน่ายของกระเป๋าใบนี้อยู่ที่ประมาณ 73,000 บาทไปจนถึง 110,000 บาทขึ้นอยู่กับรุ่น ขนาด และวัสดุที่ใช้ในการตัดเย็บ และจะมีการปรับราคาขึ้นในทุก ๆ ปี
อันดับที่ 7 PRADA GALLERIA BAG
กระเป๋า Prada Galleria Bag หรือที่รู้จักกันในชื่อ Prada Saffiano Leather Bag กระเป๋ารุ่นนี้ถูกยกให้เป็นกระเป๋าทรงคลาสสิคและขึ้นแท่นความนิยมสูงสุด เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2007 ด้วยดีไซน์ที่มีกลิ่นอายของความเป็นอิตาลีโบราณการ ตัดกับโลหะที่ใช้ประดับกระเป๋าเพิ่มความทันสมัย Prada Galleria Bag ยังขึ้นชื่อเรื่องมีความทนทานเป็นพิเศษ สามารถกันน้ำและรอยขีดข่วนได้ดี
ซึ่งรุ่นนี้จะมีความพิเศษตรงที่หนังของกระเป๋าผลิตจากหนังลูกวัวคุณภาพที่เรียกว่าหนัง Saffiano เอกลักษณ์ของแบรนด์ Prada นั่นเอง พูดเลยว่าหนังแบบนี้เป็นหนังที่มีเฉพาะ Prada เท่านั้นนะคะ เพราะทาง Prada เค้ามีกรรมวิธีการผลิตที่ไม่เหมือนใคร
ด้วยการนำหนังลูกวัวคุณภาพสูงมาให้ความร้อนด้วยอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส จนได้หนังที่เป็นลาย Crosshatch อย่างที่เราเห็นนั่นเอง ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้ยังได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน
สำหรับสาวคนไหนที่กำลังอินเลิฟกับแบรนด์ Prada การที่ได้ครอบครองกระเป๋า Prada Galleria Bag สักใบ นับได้ว่าเป็นสิ่งเติมเต็มของคนรักกระเป๋าแบรนด์นี้เลยก็ว่าได้ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ใบละประมาณ 65,000 บาทจนถึง 1 แสนบาท โดยแต่ละปีราคาของกระเป๋าใบนี้จะขึ้นประมาณ 15 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
อันดับที่ 8 FENDI PEEKABOO BAG
กระเป๋า Fendi Peekaboo Bag ถูกออกแบบโดย Karl Lagerfeld (คาร์ล ลาเกอร์เฟล) เปิดตัวครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ 2009 ในช่วง Spring ปี 2009 ไม่ว่าจะมีการจัดอันดับใด ๆ กระเป๋ายอดฮิตรุ่นนี้เป็นต้องติดโผกับเขาเสมอ เรียกได้ว่าถ้าพูดถึงกระเป๋า Fendi ทุกคนก็จะต้องนึกถึงรุ่น Peekaboo อย่างแน่นอน
กระเป๋ารุ่นนี้มีรูปทรงคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยลูกเล่นสุดเด่นของกระเป๋ารุ่นนี้คือตัว Hardware ภายในกระเป๋าที่มีลักษณะคล้ายดวงตา ซึ่งดูแปลกและแตกต่างไปจากแบรนด์อื่น ๆ
นอกจากนี้ทางแบรนด์เฟนดิยังมีพวงกุญแจที่เป็นตัวตุ๊กตาเอาไว้ห้อยกระเป๋าแบบเก๋ ๆ ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้ไม่น่าเบื่อ สามารถรวมความซนและความหรูหราไว้ได้ในใบเดียวอย่างลงตัว ถือว่าเป็น It Bag ที่คูลมาก ๆ
เฟนดิทำการเปิดตัวกระเป๋ารุ่น Peekaboo ที่ตัดเย็บด้วยวัสดุใหม่ ๆ แตกต่างกันออกไป รวมถึงสีสันที่มีให้เลือกมากมายเอาใจกลุ่มลูกค้าอยู่เสมอ ราคาจำหน่ายใน Shop อยู่ที่ประมาณ 1 แสนบาทไปจนถึง 150,000 บาทขึ้นอยู่กับรุ่น ขนาด และวัสดุที่ใช้ในการตัดเย็บผ้า ราคาจะปรับขึ้นประมาณ 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ในทุก ๆ ปี
อันดับที่ 9 GUCCI SOHO DICO BAG
กระเป๋ารุ่นนี้เปิดตัวเมื่อปีค.ศ 2012 Gucci soho Disco Bag ขึ้นแท่นเป็นกระเป๋ายอดนิยมของ Gucci รียกได้ว่าเป็นรุ่นที่จะต้องมีอยู่ในลิสต์ของสาวกคนรัก Gucci หลายๆ คนอย่างแน่นอน ด้วยตัวกระเป๋าที่ถูกดีไซน์ออกมาให้มีขนาดกะทัดรัดกำลังดี โดดเด่นด้วยโลโก้ดับเบิ้ลจี
รวมถึงอะไหล่สีทองอ่อน ๆ ผลิตจากหนังแท้ มีสัมผัสนุ่ม สามารถจุของได้มากในระดับหนึ่ง การออกแบบโดยรวมที่ลงตัวจึงไม่แปลกที่กระเป๋ารุ่นนี้จะได้รับความสนใจจากเหล่าคนดังและแฟชั่นนิสต้ามากมาย
สำหรับสาว ๆ ที่กำลังมองหา กระเป๋าแบรนด์เนม แบบ Everyday Bag ในแนวสบาย ๆ เรียบง่าย แต่หรูหรา เราขอแนะนำ รุ่น Gucci Soho Disco Bag เลยค่ะ นอกจากจะเป็นรุ่นที่ราคาไม่แรง สามารถจับต้องได้แล้ว ยังเปี่ยมไปด้วยคุณภาพจาก Gucci อีกด้วย รับรองได้ว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับเจ้าใบนี้อย่างแน่นอน ราคาจำหน่ายกระเป๋าลูกรุ่นนี้อยู่ที่ประมาณ 39,000 บาทและจะมีการปรับขึ้นในทุก ๆ ปี
อันดับที่ 10 GOYARD SAINT LOUIS TOTE PM BAG
กระเป๋ารุ่นนี้เป็นหนึ่งในกระเป๋าถือของแบรนด์ Goyard (โกยาร์) ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด โดยกระเป๋าใบนี้โกยาร์มุ่งเน้นไปที่งานใช้งานมากที่สุด กระเป๋าจึงมีความเรียบง่าย น้ำหนักเบา และกันน้ำ
วัสดุที่นำมาตัดเย็บกระเป๋าเป็นวัสดุผ้าใบ Canvas ที่มีชื่อเรียกว่า “Goyardine” ซึ่งเป็นผ้าใบที่เป็นการผสมผสานระหว่างผ้าฝ้าย (Cotton), ผ้าลินิน (Linen) และ ผ้าป่าน (Hemp) ทำการเคลือบกระเป๋าด้วยเทคนิคพิเศษของโกยาร์ เพื่อความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังสามารถกันน้ำได้ (Wateproof)
จุดเด่นของกระเป๋ารุ่นนี้ คือ มีปากกระเป๋าที่เปิดกว้างและภายในขนาดใหญ่ มาพร้อมกับ Detachable Pochette ด้านนอกของกระเป๋าแสดงให้เห็นถึงลายโมโนแกรมของโกยาร์มีความยาวนานกว่า 3 ศตวรรษ
สำหรับ The Saint Louis Tote มีสีคลาสสิคทั้งหมด 2 สี คือ ผ้าใบสีดำขอบสีดำ (Black/Black) และ ผ้าใบสีดำขอบสีน้ำตาล (Black/Tan) อีกทั้งยังมีสีพิเศษอีก 9 สี คือ สีขาว (White), ฟ้า (Light Blue), สีเหลือง (Yellow), สีแดง (Red), สีส้ม (Orange), สีแดงเบอร์กันดี (Burgundy), สีเขียว (Green), สีเทา (Grey) และสีน้ำเงิน (Navy)
รวมถึงสี Limited Edition อย่างสีชมพู (Pink) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2008 สีคลาสสิคราคาจะตกอยู่ที่ประมาณ 45,000 บาท ในส่วนของพิเศษราคาจะตกอยู่ที่ประมาณ 59,000 บาท และจะปรับราคาขึ้นในทุก ๆ ปี
เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจที่จะหากระเป๋าแบรนด์เนมคู่ใจ ๆ สักใบไว้ข้างกายสักใบ ที่คุ้มค่าแก่การลงทุนนะคะ