More
    spot_img

    Goal Club ภาพยนตร์ไทย ที่กลายเป็นมรดกแห่งชาติ ประจำปี 2564

    กระทรวงวัฒนธรรม ได้ทำการประกาศรายชื่อ ภาพยนตร์ไทย ที่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติ ประจำปี 2564 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยโดยหนึ่งในนั้น มีภาพยนต์ระดับตำนาน ของคนยุค 90 อยู่เรื่องหนึ่ง ได้แก่  “Goal Club เกมล้มโต๊ะ” เชื่อว่า วัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน (ในปัจจุบัน) คงจะเคยได้ยิน ได้ดู หรือผ่านหู ผ่านตากับ หนังเรื่องนี้มาไม่มากก็น้อย

    โกลคลับ เกมล้มโต๊ะ เป็นภาพยนตร์จากค่ายฟิล์ม บางกอก ค่ายหนังลูกหม้อของบริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เข้าฉายในปี 2544 กำกับโดย “เรียว กิตติกร เลียวศิริกุล” ที่มีผลงานระดับมาสเตอร์พีซหลายเรื่อง อาทิ “เมล์นรกหมวยยกล้อ” หรือ “อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม”

    ภาพยนตร์ไทย

     

    ภาพยนตร์ไทย สุดเท่ เนื้อหาดี ที่เป็นภาพจำของวัย (เริ่ม)เก๋า

    Goal Club คือเรื่องราวของ “อ็อตโต้” และ ผองเพื่อนทั้ง เจ ,เน ,ง้วน ,แบงค์ และเปเล่ ที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แล้วก็ใช้ชีวิตแบบสุ่มเสี่ยง และรุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่ได้มีความมั่นคง หรืออะไรใด ๆ ทั้งสิ้นในชีวิต

    จนวันหนึ่ง อ็อตโต้ ที่เปรียบเสมือนผู้นำของกลุ่ม ก็ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานเป็น “เด็กเดินโพย” ให้กับโต๊ะบอล จนเรื่องรู้มาถึงเพื่อน ๆ ของเขา จึงขอทำงานนี้ด้วย ซึ่งพวกเขาก็ทำงานกันได้อย่างดี แต่ล่ะคนมีลูกค้าเจ้าประจำของตัวเองกันทั้งนั้น เรียกว่า ทำเงินให้โต๊ะมหาศาล แล้วพวกเขาก็กินเปอร์เซ็นที่เรียกว่า “ค่าดำเนินงาน” ไปเป็นค่าขนม

    ขอย้อนกลับไปอธิบายเพื่อหลายคนจะไม่เข้าใจ ว่า “เด็กเดินโพย” คืออะไร เด็กเดินโพยคือ คนที่ทำงานให้กับโต๊ะที่รับพนันฟุตบอล โดยจะเป็นคนไปหาคนที่จะเข้ามาเล่นพนันฟุตบอล ซึ่งก็จะต้องรับผิดชอบในส่วนของการนำเงินที่ลูกค้าเสียมาจ่ายให้กับโต๊ะ ซึ่งรายได้ ก็จะแบ่งจากเปอร์เซ็นของยอดที่หามาได้

    ซึ่งเรื่องราวของ อ็อตโต้ แอนเดอะแก๊งค์นั้น เรียกว่า มีเนื้อหาที่เข้ากับยุคสมัยนั้นเป็นอย่างดี เพราะต้องยอมรับว่า ในอดีตนั้น โต๊ะพนันฟุตบอล นั้นเฟื่องฟูอย่างมากในประเทศ ไล่จับกันไม่หวาดไม่ไหว และ “เรียว กิตติกร” ก็ได้ โชว์ฝีไม้ลายมือ การเล่าเรื่องได้แบบถึงใจ วัยรุ่นในยุคนั้นเหลือเกิน

    หากว่า เรานั่งตั้งวงคุยกับเรื่องหนังไทย ในอดีตล่ะก็ “โกลคลับ” คือ หนึ่งเรื่องที่จะต้องถูกหยิบยกมาพูดถึงอย่างแน่นอน คนเป็นพ่อ เป็นน้า เป็นลุง ก็คงเต๊ะท่าเท่ ๆ แล้วบอกลูก หลาน ว่า “เอ็งไปดูซะ หนังเรื่องนี้ แม่งตำนาน”

    ภาพยนตร์ไทย

    พล็อตเรื่องดี ลำดับเรื่องเยี่ยมและจุดหักเหสุดกระชากใจ

    หนังไทยเรื่องนี้ คงจะเป็นหนังไทยจืด ๆ ถ้าเรื่องราวมันจบแค่ตอนที่พวกเขา เข้าไปพัวพันกับวังวนของการโต๊ะพนัน แต่นั่นแหละหนังทุกเรื่องย่อมมีจุดเปลี่ยน และจุดเปลี่ยนของ อ็อตโต้ กับผองเพื่อน ก็คือ “เปเล่” รุ่นน้อง ลูกไล่ หรือจะเรียกว่า “เบ๊” ประจำกลุ่มก็ไม่ผิดนัก

    เปเล่ เป็นลูกชายของครู ในโรงเรียนที่พวกอ็อตโต้เรียนตอนเด็ก ๆ เขาค่อนข้างจะบูชา และให้ความเคารพพวกพี่ ๆ อยู่เสมอ ให้ความร่วมมือ หรือบางครั้งก็เป็นตัวโดน เพื่อให้งานของพวกเขาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี อย่างเช่น ตอนที่พวกของอ็อตโต้ ไปเตะบอลหลอกกินเงินพวกวินมอเตอร์ไซด์

    ก็เป็นเปเล่นี่แหละที่เป็นทั้งคนถือเงิน นกต่อ และตัวโดนกระทืบ ทำให้โกงเงินมาได้ แต่เขามักจะถูกเอาเปรียบอยู่เสมอ เพราะด้วยความเป็นเด็ก และพวกรุ่นพี่เองก็ไม่ได้ชอบใจอะไรเขานัก เก็บเอาไว้ใช้งานเฉย ๆ ทำให้เขาได้ส่วนแบ่งน้อยกว่าเพื่อนอยู่เป็นประจำ เรียกว่าโดนเอาเปรียบสุด ๆ

    แต่ทั้งนี้ หนทางเกิด และความปั่นป่วนของ โกลคลับ ก็เริ่มขึ้นจาก เปเล่ คนนี้นี่แหละ ที่รับแทงบอลมา แล้วดันลืมส่งโพยให้กับโต๊ะ จนสุดท้ายพวกอ็อตโต้ก็ต้อง “อุ้ม” เอาไว้เอง (อุ้ม คือการที่รับแทงบอลมา แต่ไม่เอาไปส่งโต๊ะ เพราะหวังจะกินเงินพนันนั้นเอง)

    และในความโชคดี หรืออะไรก็ไม่รู้ล่ะ การโกงโต๊ะของพวกเขาก็ประสบความสำเร็จซะงั้น พวกเขาได้เงินก้อนไปใช้กันฟรี ๆ และมันทำให้พวกเขาเริ่มกระบวนการโกงโต๊ะจนเป็นอาชีพ ทำบ่อยขึ้น ทำบ่อยเข้าจนติดเป็นนิสัย และยิ่งได้เงินมาง่าย ก็ยิ่งฟุ่มเฟือย ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีการใช้เงินที่แตกต่างกันไป

    อย่างเช่น เน ที่ติดเด็กเล้าจ์หนักจนถอนตัวไม่ขึ้น ต่อให้โดนส้นตีนก็ยอม หรือ เปเล่ ที่อันนี้พอมีเหตุผลที่ดูดีหน่อย เพราะพยายามจะหาเงินไปช่วยเคลียร์หนี้พนันบอลให้กับพ่อของตัวเอง และด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไปนี้เอง ที่ทำให้ความขัดแย้งเริ่มจะก่อตัว เพราะความโลภมันไม่เข้าใครออกใคร

    อย่างที่บอกไปแล้วว่า อ็อตโต้ กับเพื่อน ๆ หาเงินมาใช้กันได้แบบง่ายมาก ๆ ทำให้มีบางคนในกลุ่ม เริ่มคิดที่จะโกงเงินโต๊ะให้บ่อยขึ้น ซึ่งทางอ็อตโต้เองไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และยิ่งเจ้าตัวไปเจอเหตุการณ์ที่โต๊ะนั้นจัดการกับคนที่โกงเงินโต๊ะไป ยิ่งทำให้รู้สึกว่า เส้นทางสายนี้มันเริ่มอันตรายขึ้นเรื่อย ๆ

    จนกระทั่ง เน เปเล่ และง้วน ที่ต้องการใช้เงินมาก ๆ ก็สบโอกาส โกงเงินโต๊ะอีกครั้ง และประสบความสำเร็จ ก็เอาเงินไปใช้ จนอ็อตโต้จับสังเกตุได้ จนเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกหัก และเรื่องราวที่ใหญ่โตแบบคาดไม่ถึงที่ตามมาเพื่อ พิสูจน์ มิตรภาพ และการดำเนินชีวิตของพวกเขา ในตอนจบของภาพยนตร์ชั้นดีเรื่องนี้

    ภาพยนตร์ไทย

    แคสติ้งดี ๆ กับ วลีติดหูระดับตำนาน

    สิ่งหนึ่งที่อดชมไม่ได้เลยสำหรับ ภาพยนตร์ที่เข้าฉายเมื่อปี 2544 เรื่องนี้ คือ การแคสติ้งนักแสดง ที่ทำได้ดี เพราะแต่ล่ะคนนอกจากจะที่นิยมในหมู่วัยรุ่นแล้ว สามารถตีบทได้แตก เล่นจนอินและกลายเป็นภาพจำให้กับ คาแรคเตอร์นั้น ๆ ได้แบบติดตาเหลือเกินทั้ง “ธีรดนัย สุวรรณหอม” ผู้รับบทพระเอกอย่าง อ็อตโต้ หรือ สุรัตนาวี สุวิพร (โบ ไทรอัมคิงด้อม) ที่รับบท เจ ก็แสดงออกมาได้ดูดี ยียวน กวนประสาทสมวัย แน่นอนว่า รวมถึงก๊วนเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ร่วมมือและรวมหัวกันล้มโต๊ะด้วย

    อีกสิ่งที่คงจะไม่พูดถึงไม่ได้ คือ วลีเด็ด จากหนังเรื่องนี้ คือ การจะทำหนังดี ๆ ออกมาซักเรื่องหนึ่ง มันก็ควรจะมีคำพูดที่ติดหู พอฟังแล้วถึงกับต้องร้องอ๋อ ออกมา ว่า “เฮ้ยดูเรื่องนี้มาใช่ไหมเนี่ย” และ โกลคลับ เองก็มีวลีเท่ ๆ ติดหูที่ยิ่งออกมาจากปากของตัวละครที่มีคาแรคเตอร์กวนใจ ก็ยิ่งกลายเป็นคำเด็ด ๆ ที่ขึ้นหิ้ง

    อย่างตอนที่อ็อตโต้เดินคุยกับเจ นางเอกของเรื่อง ที่เรารู้อยู่แล้วว่า อ็อตโต้นั้นหวังจะนอนกับเจ แต่เจก็รู้ทัน ก็ได้คิดแผนการไว้ในหัวว่า ถ้าได้ไปยุโรปด้วยกันก็จะอ้างว่าเป็นประจำเดือน ส่วนอ็อตโต้ที่รู้ทันความคิดเจเหมือนกันก็เลยคิดแผนดักไว้ จนเป็นวลีเด็ดที่ว่า “ถ้าอ้างว่ามีเมนส์ ตูก็จะฝ่าไฟแดงแ_งเลย” เรียกว่า เป็นที่ฮือฮามากในตอนนั้น

    ส่วนอีกประโยคเท่ ๆ จากปากอ็อตโต้ ก็คงหนีไม่พ้นฉากเด็ดที่ปะทะคารมกับ “ง้วน” เจ้าของโต๊ะ ด้วยวลีเด็ดตัดสัมพันธ์ว่า “กูก็อยากลองดีเหมือนกัน แก่ ๆ แบบนี้จะตบให้กลิ้งเลย” บอกเลยว่า เท่สุด คือต่อให้เป็นยุคนี้ที่ผ่านมา 20 ปีแล้ว คำพูดนี้ของอ็อตโต้ ก็ยังคงทำให้รู้สึกแบบ “ว้าว” หรือแบบ “เท่จัด!” เลยทีเดียว

    นักแสดง

    อ็อตโต้ – ธีรดนัย สุวรรณหอม
    เจ – สุรัตนาวี สุวิพร
    เน – เคนทร์สมุทร์ ฮัมเมอลิงก์
    ง้วน – วงศ์วรุฒม์ ตันตระกูล
    แบงค์ – ปริญญา งามวงศ์วาน
    เปเล่ – บริวัตร อยู่โต

    สรุป
    อย่าลืมไปหาดูกันครับ สำหรับหนังขึ้นหิ้งระดับตำนานเรื่องนี้ หนังที่จะทำให้คุณได้รู้จัก หรือนึกถึงสังคมในสมัยก่อนว่าบรรยากาศเป็นอย่างไร คนที่เริ่มจะเป็นพอคนแล้ว หรือวัย 35-40 ขึ้นไป ก็จะได้นึกย้อนไปว่า ในตอนนั้นมันเป็นอย่างไร หรือวัยที่เด็กลงมา อาจจะซัก 20 ต้น ๆ ก็จะได้รู้ว่า ในยุคนั้นมันเป็นแบบไหน โกลคลับ เป็นหนังที่เรียกว่า ถ่ายทอดบรรยากาศ อารมณ์และสังคมในตอนนั้นออกมาได้เยี่ยมมาก ๆ และยังเล่าถึงด้านมืดของสังคมได้ดิบ และลึก ที่เรียกว่าใครที่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้ คงจะอินไม่น้อยเลยทีเดียว

    บทความอื่นที่น่าสนใจ

    Related Post

    Most Popular

    Recommended