More
    spot_img

    No More Tear ความสดใสในยุค EMO เรืองรอง

    No more tear ชื่อนี้หลายคนรู้จัก! ย้อนหลับไปซัก 12-13 ปี ที่แล้วในยุคที่วงการเพลงเป้นตลาดของ “emo” ชื่อของ Restrospect และ Sweet Mullet รวมไปถึง Ritalinn, Harem Belle และ Oblivious จากโปรเจ็คต์ Do it or die มักเป็นชื่อแรก ๆ ที่ทุกคนนึกถึง ทั้งแนวเพลง แล้วการแต่งตัว โทนสีดำ ดุดัน กรีดตา ผมยาว หวีเป๋

    แต่อีกวงที่ทำให้แฟน ๆ ชื่นชอบ จดจำ และประทับใจย่อมหนีไม่พ้นวงดนตรีที่มีนักร้องสาวอย่าง ฟักแฟง เป้นตัวชูดรงวงนี้อย่างแน่นอนครับ

    No More Tear ความสดใสแห่งยุค emo

    ที่นำมาพูดถึงก็ไม่ใช่อะไร นั่งไถ social media แล้วไปเจอภาพของวงนี้เข้า  เลยไปเปิดเพลงฟัง นั่งดูแล้ว ฟังเพลงตั้งแต่ยุค Underground มาจนถึงออกอัลบั้มกลับ Grammy เลย ซึ่งมันทำให้ผมคิดถึงเธอและเขามาก ๆ เหลือ

    ยอมรับครับว่าครั้งแรกที่ได้ยินชื่อของ No More Tear คือชื่อเสียงที่ว่า วงนี้ก็อป Paramore ซึ่งพอไปดูลุคของวงนี้ ยอมรับว่าคิด คิดจริง ๆ การแต่งตัวที่จัดจ้าน สีผม ฉูดฉาดของฟักแฟง มันทำให้นึกถึง Hayley Williams ในอัลบั้ม Riot เหลือเกิน เพียงแต่หากเรามานั่งฟังเพลงแล้ว มันไม่ใช่เลยครับ

    โดยครั้งแรกที่ได้ฟัง (จริง ๆ คือดู) โน มอร์ เทียร์ นั้นคือแผ่น DVD Live คอนเสิร์ต MRD2 ซึ่งมาตีมของ The Brand New Blood โดยNo More Tear ขึ้นมาเล่นเป็นวงแรก ด้วยเพลงอย่าง  Hold Me หรือ ไม่กอดเธอไว้ และเพลงที่ทำให้พวกเขาแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการกับ “หัวใจหมดแรง”

    จากวันนั้น Inzpy ก็ได้ติดตามNo More Tear มาตลอดครับ ชอบจนซื้ออัลบั้ม เก็บผลงานทุกอย่างของ “ฟักแฟง” สนับสนุนเพลงทุกเพลงเท่าที่จะสนับสนุนไหว (คือตอนนั้นยังเด็ก กำลังซื้อน้อย)

    สำหรับ No More Tearนั้นในสมัย Underground ใช้ชื่อวงว่า Imaginary Lie ซึ่งตระเวนเล่นตามงานอันเดอร์กราวน์จนสร้างชื่อเสียงและแฟนเพลงให้กับวงได้ในเวลาอันรวดเร็ว

    แถมยอดเข้าฟังเพลงในเวบไซต์ Myspace ยังทำได้น่าประทับใจเช่นกัน มีเพลงอย่าง “Hold Me” (หรือเพลง “ไม่กอดเธอไว้”), “We Can’t Be The Dearest” และ “Illusion” ที่แฟนเพลงยุคนั้นต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี

    และสำหรับการก้าวเท้าเข้ามาสู่ดลกของมืออาชีพอย่างเต็มตัวนั้นเริ่มจากที่พวกเขาตัดสินใจจะส่งเดโม่ไปตามค่ายต่าง ๆ แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญได้เจอกับ “พี่ออฟ Big Ass” เข้าที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง จึงชาร์ตทันที โดยมือกีต้าร์คนเก่งของวงอย่าง “เม้ง” (ปัจจุบันเล่นให้กับ Sound of desolate) ได้เปิดเดโม่ให้กับออฟฟัง

    ซึ่งออฟถูกใจมาก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นศิลปินอาชีพ และในที่สุดพวกเขาก็ส่งอัลบั้ม “Yellow Light” ออกมาในปี 2551 พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อวงให้จำง่ายเป็น “No More Tear” แทน

    No more tear

    สำหรับเพลงของพวกเขานั้นมีความเป็นอีโมอยู่เต็มขั้น สครีมโมหน่อย ๆ ซึ่งเป้นกระแสนิยมในตอนนั้น โดยถูกเสริมด้วยเครื่องดนตรีอิเล็คทรอนิกส์เข้าไป เพิ่มความป็อปเข้าไปเล็กน้อย ซึ่งทำให้ความดุดันลดลง แต่คุณภาพทางดนตรี และเนื้อเพงลที่เข้าใจง่ายติดหู

    บวกกับแฟชั่นของวงที่สวมใส่แบรนด์อย่าง Rockett และ Electric Zombie แน่นอนว่าคนที่โดดเด่นที่สุด คือ ฟักแฟง นักร้องนำ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าเธอนั้นทำสีผมฉูดฉาด และทำให้สาว ๆ ยุคนั้นแต่งตัวตามเธอกันยกใหญ่ ไม่ต่างจากแฟชั่น “เสื้อตัดอ้อย” ของ แน็ป Retrospect ในตอนนั้นเลยครับ

    สำหรับNo More Tear นั้นปล่อยอัลบั้มเต็มออกมา 2 อัลบั้มด้วยกันคือ “Yellow Light” และ “Look at the sky” โดยมีเพลงฮิตมากมายครับทั้ง “ฉันเป็นดีใจให้เธอ” “ไม่กอดเธอไว้” “หัวใจหมดแรง” เพลงจังหวะโดด ๆ หรือเพลงช้า ๆ อย่าง “รักเคยดีกว่านี้”

    ส่วนในชุดที่สองก็ทีเพลงช้า ๆ อย่าง “ความพยายาม” “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” นอกจากนี้ยังมีเพลงฮิตอีกเพลงที่ออกในนาม Project play กับเพลง “บุมเบอแรง” ที่นำเพลงของพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย มาทำใหม่ บอกเลยว่าต้องไปลองฟังกันครับ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถหาฟังได้ใน spotify เลย

    Related Post

    Most Popular

    Recommended